ทำเป็นตัวอย่าง ประสบการณ์ขนหัวลุก

เรื่องนี้เป็นเรื่องตั้งแต่ฉันเรียนอยู่มหาลัยค่ะ เกิดขึ้นมาสัก 6-7 ปีที่แล้ว ที่ฉันได้ไปขึ้นไปเรียนที่มหาลัยแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ส่วนใหญ่แล้วมหาลัยแห่งนี้จะให้นักเรียนปีหนึ่งนั้นอยู่ในห้องพักภายในมหาลัยค่ะ เพื่อความสะดวกสบายและการปรับตัวเข้ากิจกรรมของทางมหาลัย ตัวหอพักนี้ก็แบ่งเป็นสองพื้นที่นะคะ มีหอพักหญิงและหอพักชายด้วยความที่มหาลัยของฉันนั้นอยู่ที่ตีนเขา เอาเป็นว่าติดธรรมชาติสุดๆ เลยก็ว่าได้ เรื่องมันมีอยู่ว่า ฉันกับเพื่อนอีก 4 คน ได้ไปเที่ยวถนนคนเดินในตัวเมือง เเล้วก็ต่อไปที่ร้านบรรเทิงกันจนเลยเวลาเข้าห้องพักที่มหาลัย จำได้ว่าตอนนั้นเราขับรถกันมากว่าจะถึงหน้ามหาลัยก็เป็นเวลา 5 ทุ่มเเล้ว ฉันกับเพื่อนๆ ก็ดื่มกันมาเล็กน้อย เราเลยขับรถไปส่งเพื่อนผู้ชายที่หอพักชายใน เพราะเราสามคนที่เป็นผู้หญิงได้ไปเช่าห้องพักด้านนอกไว้แล้ว แต่เพื่อนเราที่เป็นผู้ชายไม่อยากเสียเงินเพราะต้องเปิดอีกห้อง เพื่อนเราก็ขับรถเข้ามหาลัยตรงไปโซนหอพักชาย ด้วยความที่หอพักทุกตึกมีพี่ยามนั่งเฝ้าด้านล่างทางเข้า กับการที่ต้องเซ็นซื้อเข้าออกหอ เราก็แบบนักศึกษาปี 1 ยังไม่อยากจะโดนหักคะแนนความประพฤติ ก็เลยคิดว่าจะปีนหอพักกัน ไอ่เราก็ผู้หญิงที่เป็นห่วงเพื่อนผู้ชายก็เลยลงไปกับเพื่อนผู้หญิงอีกคน เป็นว่าตอนนี้เราลงจากรถไปสามคน เป็นผู้หญิงสองและผู้ชายหนึ่ง เพื่อนผู้ชายที่จะปืนหอก็ลัดเลาะหาที่เหมาะๆ ที่จะปีน เพราะด้านหลังของหอพักคือเป็นป่าเป็นเขา ค่อนข้างลับตาคนพอสมควร เราเลยคิดว่าจุดนี้เหมาะที่จะให้เพื่อนทำบาป พอดีห้องเพื่อนอยู่ชั้นสาม เลยกำลังคิดอยู่ว่าจะปีนยังไงเพราะนี้มันเป็นครั้งแรกค่ะ พอดีชั้นแรกด้านล่างเป็นลูกกรงกันขโมยคิดว่าเพื่อนน่าจะปีนได้ เพื่อนผู้ชายเลยเริ่มปีนกรงเหล็ก อยู่ๆ เราก็ได้ยินเสียงคนเดินอ้อมมา ตอนแรกเราตกใจกันมากค่ะเลยหันไปดู เเต่สรุปคือเป็นผู้ชายดูท่าจะเป็นรุ่นพี่ เขาก็ทำหน้าทำหน้านิ่งๆ มองมาทางเรา แบบเหมือนว่ามาทำอะไรตรงนี้ แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า “จะปีนหอเหรอ” เราสามคนก็มองหน้ากันเเล้วพยักหน้าค่ะ พี่เขาก็ยิ้มๆ […]

ทางหลังวัด เรื่องขนหัวลุกที่ศรีราชา ชลบุรี

เหตุการณ์เกิดขึ้นที่วัดแห่งหนึ่ง ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมื่อประมาณสี่สิบปีที่ผ่านมา ตอนนั้นคุณสุนทรยังอายุประมาณสิบเอ็ดขวบ วันนั้นเป็นวันหยุด คุณพ่อบอกว่า “เดี๋ยวเย็น ๆ จะไปบ้านลุงบ้านป้าหน่อย” บ้านของคุณลุงคุณป้า จะอยู่ที่ตําบลหนองขาม ห่างจากบ้านของคุณพ่อประมาณสิบกิโลเมตร หลังจากคุณพ่อเลิกงานประมาณสี่โมงครึ่ง ก็ได้ปั่นจักรยานไปกันสองคนกับคุณสุนทร ถนนจะเป็นลูกรัง และไม่มีไฟ สองข้างทางจะเป็นป่ารก ๆ จนปั่นมาได้ประมาณครึ่งทาง เวลาประมาณห้าโมงครึ่ง พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ มีสุนัขสีดำตัวใหญ่วิ่งตัดหน้า แล้วหายเข้าไปในป่าข้างทาง คุณพ่อรีบหยุดจักรยานแล้วบ่นออกมาว่า “มันมายังไงของมันวะ” จากนั้นก็ปั่นต่อไปได้อีกสักพัก ปรากฏว่ายางแตก ช่วงเวลานั้นใกล้จะมืดเต็มที สองข้างทางมีแต่ป่า คุณพ่อจึงรีบเอาไขขวงงัดเอายางในออกมา แล้วเอาผ้าขาวม้ายัดเข้าไปแทน กว่าจะเสร็จก็กินเวลาไปจนถึงหกโมง เป็นเวลาโพล้เพล้ เริ่มจะมองถนนไม่เห็น คุณพ่อจึงรีบปั่นไปเรื่อย ๆ จนใกล้จะถึง ด้านขวาจะเป็นป่าต้นสัก ส่วนด้านซ้ายจะมีรั้วลวดหนาวขึงไว้ตลอดแนว ด้านในรั้วจะมีแต่เจดีย์เล็ก ๆ ที่เป็นโกศเอาไว้เก็บกระดูกคนตาย คาดว่าถนนเส้นนี้จะเป็นถนนหลังวัดแห่งหนึ่ง จนเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม ความมืดเริ่มปกคลุมไปทั่วบริเวณจนมองทางไม่เห็น คุณสุนทรจึงหยิบไฟฉายออกมาช่วยส่องไฟไปตามทางข้างหน้า ทำให้สองฝั่งข้างทางดูเป็นภาพมัว ๆ มีเงาสะท้อนวิ่งไปมาจนดูน่าขนลุก ไม่ได้ยินทั้งเสียงของนกและแมลงที่ควรจะต้องได้ยิน ต้นไม้ทุกต้นหยุดนิ่ง ไม่ไหวติง คุณสุนทรก็เริ่มมองซ้ายหันขวาด้วยความฉงน คิดในใจว่าทำไมมันถึงได้นิ่งเงียบขนาดนี้ […]

ทางสายเปลี่ยว ถนนเส้นอ่าวลึก จังหวัดกระบี่

เมื่อประมาณปี พ.ศ.2554 ช่วงนั้นเราได้มีโอกาสทำงานเป็นเซลล์ให้กับบริษัทหนึ่ง เป็นบริษัทนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ เชื่อว่าหลายๆ ท่านคงรู้จักกันเป็นอย่างดี ช่วงนั้นเรารู้จักคนขับรถเยอะมาก เพราะว่าเป็นหน่วยงานเดียวกัน จึงต้องพบปะพูดคุยกันอยู่เสมอ คนหนึ่งในนั้นคือ พี่นุ แกเป็นพนักงานขับรถร่วมให้กับบริษัททรานสปอร์ตแห่งหนึ่ง ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ถนนเทพารักษ์ จังหวัดสมุทรปราการ ทุกสองสามวัน พี่นุจะต้องมาขึ้นสินค้าที่คลังสินค้าแห่งนี้เสมอ สบโอกาสเหมาะๆ ก็จะได้เจอแก และพูดคุยกันสนุกสนานเฮฮาตามประสาคนรู้จักกัน มีอยู่ครั้งหนึ่งพี่นุแกหายหน้าหายตาไปเป็นอาทิตย์ ไม่ปรากฏว่าเห็นแกมาขึ้นงาน ไอ้เราก็แปลกใจอยู่เพราะปกติก็จะเจอแกอยู่เสมอ เช้าตรู่ของอีกวัน เราเพิ่งเคลียร์บิลลูกค้าเสร็จ เราก็เห็นพี่นุแกยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าออฟฟิศ อ้าวเฮีย! หายไปไหนมาเนี่ยหลายวันเชียว ไปติดใจสาวที่ไหนเข้า งานการไม่มาทำเลยนะ เราก็แซวแกไปเรื่อยตามประสาคนพูดมาก คิดว่าแกคงจะตอบแบบทะลึ่งตึงตังตามนิสัยขี้เล่นของแก แต่ครั้งนี้แกไม่ขำ แกทำหน้าตาขึงขังก่อนจะบอกว่า พี่มาส่งใบลา จะขอหยุดวิ่งงานซักสองถึงสามเที่ยว ว่าจะไปทำบุญน่ะ ช่วงนี้ซวยใหญ่ ไอ้เราก็อยากรู้อยากเห็นอยู่แล้ว ก็เลยถามแกไปว่า แล้วมันเรื่องอะไรล่ะพี่ เล่าให้ฟังหน่อยสิ แกก็เลยว่า ไป๊! ไปนั่งร้านเจ๊แอ๋ว เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟัง เรื่องมันยาว อีกครู่ใหญ่ๆ เรากับพี่นุ ก็พากันมานั่งร้านตามสั่งเจ๊แอ๋วเจ้าประจำ ก่อนจะสั่งโอเลี้ยงมากินกันคนละแก้ว นี่จำได้ไหมเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ที่พี่ขึ้นงานไปภูเก็ตน่ะ อ๋อ […]

ถ่ายวิญญาณ เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นประสบการณ์ตรงของผู้เล่า หากแต่ได้รับการถ่ายทอดมาจากรุ่นพี่ที่สนิทกันคนหนึ่ง เธอชื่อว่า พี่แอน พี่แอนเป็นคนจังหวัดอุบลราชธานีโดยกำเนิด แต่ว่าย้ายไปทำงานที่จังหวัดเชียงใหม่ ขณะนั้นพี่แอนได้หางานทำแถวหนองหอย ซึ่งหนองหอยเป็นสถานที่ชุมชนใกล้ๆ กับอำเภอหางดง จนกระทั่งพี่แอนได้งานทำที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และรู้จักกับรุ่นน้องอีกคนหนึ่งซึ่งรุ่นน้องคนนี้ก็ชวนพี่แอนไปอยู่หอด้วยกัน พี่แอนก็ตกลงไปอยู่ห้องกับน้องเพราะว่าพี่แอนก็กำลังหาที่อยู่ที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานที่ทำงานอยู่พอดี การทำงานของพี่แอนก็ผ่านไปอย่างราบรื่นและเป็นปกติดี จนอยู่มาวันหนึ่งเรื่องราวแปลกๆ ก็ได้เริ่มเกิดขึ้น เช้าวันหนึ่งพี่แอนก็ตื่นเช้าขึ้นมาเพื่อจะไปทำงานตามปกติ เพียงแต่ว่าวันนั้นเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ปวดมากจนทำงานไม่ไหวจนต้องขอเจ้าของร้านกลับมาที่หอก่อน จนตกตอนค่ำอาการปวดหัวก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาลง จนพี่แอนต้องไปโรงพยาบาล แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ พอก้าวย่างเข้าเขตโรงพยาบาลอาการปวดหัวก็หายไปอย่างปลิดทิ้ง คุณหมอจึงได้สั่งจ่ายมาแค่ยาแก้ปวดธรรมดาๆ เท่านั้น แต่พอกลับมาถึงหอพักอาการปวดหัวดังกล่าวก็กลับมาอีกครั้ง พี่แอนจึงทานยาที่คุณหมอให้มาและฝืนตัวเองให้หลับไป แต่มีเรื่องที่น่าแปลกของน้องคนนี้อยู่อย่างหนึ่งที่พี่แอนสังเกตได้คือ คนเราเวลาอยู่ห้องเดียวกัน อาศัยอยู่ชายคาเดียวกัน เป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีการใช้สิ่งของร่วมกันบ้าง แต่รุ่นน้องคนนี้เขาจะแยกของใช้ส่วนตัวทุกอย่าง หรือแม้แต่กระทั่งกินข้าวก็ไม่เคยมากินด้วยกัน แยกกันใช้กับที่แอนมาอยู่ตลอดไม่ว่าจะอะไรก็ตาม วันเวลาผ่านไป สุขภาพร่างกายของพี่แอนก็แย่ลงเรื่อยๆ สภาพโทรมมากเหมือนคนที่อดหลับอดนอนมาหลายคืน แต่ว่าพี่แอนก็ฝืนสังขารและยังคงไปทำงานตามปกติ จนเพื่อนๆ ที่ทำงานทักกันเป็นแถวๆ ว่าไปทำอะไรมา ทำไมถึงโทรมขนาดนี้ มีอยู่คืนหนึ่ง คืนนั้นพี่แอนก็นอนหลับตามปกติ แต่ว่าคืนนั้นพี่แอนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเวลาประมาณตีสองเศษๆ พอลืมตาตื่นขึ้นก็เห็นรุ่นน้องคนนั้น คนที่อยู่ร่วมห้องเดียวกันเขายังไม่หลับ แถมยังนั่งอยู่บนเตียงและจ้องหน้าพี่แอนอีกและก็ยังพูดพึมพำเป็นภาษาแปลกๆ จับใจความไม่ได้ แต่ไม่ใช่ภาษาไทยแน่ๆ พี่แอนรู้สึกกลัวมาก จึงพูดออกไปดังๆ ว่า อะไร! อะไร! […]

ถนนสายหลอน ผีตีนกลับที่สุพรรณบุรี

เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ถนนสายหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี แถว ๆ ถนนสายที่เกิดเหตุนี้ คนในพื้นที่จะมีเรื่องเล่าอยู่เรื่องหนึ่งที่เล่ากันว่า มีพนักงานหญิงคนหนึ่ง หลังจากเลิกงานในช่วงเย็น เธอคนนี้ก็ได้ก้าวเท้าลงจากรถของบริษัท ซึ่งแฟนหนุ่มได้รออยู่อีกฝั่งของถนน เธอจึงเดินข้ามไปหาแฟน โดยที่ไม่ได้มองรถบนถนนให้ดีเสียก่อน ปรากฏว่ามีรถกระบะพุ่งชนเข้าที่ลำตัวอย่างจัง จนลำตัวท่อนบนบิดกลับหลัง ปกติคุณโน๊ตเป็นคนจังหวัดอ่างทอง แต่ได้เดินทางไปเที่ยวงานประจำปีที่จัดขึ้นในจังหวัดสุพรรณบุรี ไปกันทั้งหมดประมาณหกคนได้ นั่งอัดกันไปในรถกระบะคันเดียว ไปถึงงานประมาณช่วงเย็น ๆ ทุกคนเดินเที่ยวกันจนเวลาย่างเข้าห้าทุ่มเศษ ๆ จึงได้ชวนกันกลับ คุณโน๊ตค่อย ๆ ขับรถออกมาจากงาน ถนนไม่ได้ใหญ่มากนักและไฟทางก็มีอยู่แค่ระยะห่าง ๆ จนมาถึงโค้งแห่งหนึ่ง ซึ่งมีศาลไม้เก่า ๆ อยู่หนึ่งหลังและต้นไม้ที่ลำต้นค่อนข้างใหญ่แผ่กิ่งปกคลุมไปทั่วบริเวณ ผุดขึ้นเป็นฉากหลังทำให้โค้งแห่งนี้ดูน่ากลัวพิกล คุณโน๊ตขับเข้าโค้งปกติ แต่นึกยังไงไม่ทราบได้ ถึงเล่าเรื่องผู้หญิงที่โดนรถชนจนตัวบิดให้เพื่อน ๆ ในรถฟัง เฮ้ยเนี่ย ได้ยินเรื่องเล่ามา เขาว่าตรงนี้มันมีคนตายแบบนี้ คุณโน๊ตขับรถไปตามทางมืด ๆ โดยที่เล่าเรื่องของผู้หญิงคนนั้นไปด้วย แม้ว่าเวลานี้จะยังไม่ดึกมากนัก แต่ถนนกลับโล่งจนผิดปกติ ไม่มีผู้ร่วมทางขับสวนมาแม้แต่คันเดียว สองข้างทางเป็นทุ่งนาโล่งเตียนมืดทึบ มีต้นไม้ขึ้นเป็นช่วง ๆ จังหวะนั้นสายตาของคุณโน๊ตก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ยืนก้มหน้าอยู่ในมุมมืดข้างทาง ลักษณะผมยาว ใส่ชุดคล้ายพนักงานโรงงาน แขนทั้งสองข้างลู่ลงแนบลำตัว คุณโน๊ตไม่ได้สนใจมากนัก […]

ถนนเลี่ยงเมือง สยองขวัญทางขึ้นเหนือ!

สวัสดีครับทุกท่าน เรื่องขนหัวลุกจากวงเหล้าในวันนี้ จะเป็นเรื่องของกลุ่มผมเอง เกิดขึ้นเมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว พึ่งนึกได้จึงมาเล่าสู่กันฟัง สถานที่น่ะเหรอ เป็นเส้นทางเลี่ยงรถติดช่วงเทศกาล สำหรับขึ้นภาคเหนือครับ เลี่ยงถนนเอเชีย เข้าสุพรรณบุรี แล้วค่อยไปบรรจบกันที่นครสวรรค์ ซึ่งถนนเส้นนี้จะไม่ค่อยมีใครขับผ่านถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ เห็นว่าเจอสิ่งลี้ลับมาหลายต่อหลายคนแล้ว เวลาบ่าย 3 โมงของวันเสาร์ มีเพื่อนคนหนึ่งโทรมาหาผมบอกว่า “พรุ่งนี้ไปไหนหรือเปล่า ถ้าว่างไปเที่ยวบึงบอระเพ็ดกัน” “ว่างอยู่แต่ขอเวลาคิดสักแป๊บ” ผมตอบ “ไม่ได้! ต้องมา ตอนนี้ทุกคนอยู่นครสวรรค์หมดแล้ว เหลือมึงคนเดียวเนี่ย” มัดมือชกนี่หว่า ผมไม่มีทางเลือกก็ต้องไปครับ เดอะแก๊งผมส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้แหละ นึกอยากจะไปไหนก็ไปกันเลย แทบไม่ได้วางแผนอะไรล่วงหน้า ตกเย็นผมก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าโยนขึ้นรถแล้วขับออกไป ขาไปนี่ผมไม่ได้ไปทางเลี่ยงเทศกาลหรอกครับ และไม่ได้คิดจะไปด้วยในตอนแรก ขับ ๆ ไปถนนเอเชียจะเป็นถนนใหญ่ 3-4 เลน ส่วนใหญ่ก็เลยเจอแต่รถขับเร็ว ๆ ส่วนผมขับรถคันเล็กไป เพราะรถคู่ใจเข้าอู่ ก็เลยต้องเจียมตัวขับเลนซ้ายซะส่วนใหญ่ พอถึงนครสวรรค์ก็พาไปเที่ยวกลางคืนต่อ กลับเข้าที่พักไม่ดึกนักเพราะต้องเก็บแรงไว้เที่ยวพรุ่งนี้ต่อ พอรุ่งขึ้นก็ไปเที่ยวบึงบอระเพ็ด ซึ่งทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนเยอะมาก ระหว่างเที่ยว ๆ อยู่เพื่อนในกลุ่มก็บอกว่า ให้เพื่อนอีก 2 […]

ตุงแดงข้างทาง เรื่องเล่าสยองขวัญ

เมื่อปี พ.ศ. 2539 ตอนที่ผมเรียนอยู่ ปวช. ปี 1 พอสอบกลางภาคเสร็จ ช่วงเดือนตุลาคม ผมก็ได้กลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ที่จังหวัดสมุทรปราการ ที่นั่นมีพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่สนิทกับครอบครัวผมมาก เป็นคนจังหวัดตาก แกกำลังจะพาครอบครัวกลับไปเยี่ยมบ้าน 1 สัปดาห์ แกเห็นผมว่างๆ อยู่ เลยชวนผมไปเที่ยวด้วย ผมเองไม่เคยไปเที่ยวภาคเหนือก็เลยตอบตกลง เราเดินทางไปโดยรถปิคอัพของพี่เขา พี่เขาเป็นคนขับ มีภรรยาแกนั่งหน้า และมีลูกชายชื่อ น้องบอย อายุประมาณ 6 ขวบนั่งแค็บหลังกับผม น้องบอยมีเป้ใบหนึ่งสะพายหลัง ในเป้มีหุ่นยนต์และหนังสือการ์ตูน พวกเราเดินทางไปเรื่อย แวะปั๊ม จอดกินข้าวบ้าง จนถึงเวลา 6 โมงเย็น เหลืออีกไม่กี่กิโลเมตรจะถึงที่หมาย พี่เขาเกิดปวดท้องหนักขึ้นมา แต่แถวนั้นมันไม่มีปั๊ม แล้วสองข้างทางมีแต่ป่า แกเลยตัดสินใจจอดรถลงไปปลดทุกข์ในป่า ผมเลยขอลงไปปัสสาวะด้วย ซึ่งน้องบอยก็ขอลงมาเหมือนกัน พี่เขารีบวิ่งเข้าไปในป่า ส่วนผมก็ยืนทำธุระไป โดยหางตาผมเห็นน้องบอยเดินไปที่ต้นก้ามปูที่อยู่ใกล้ๆ พอผมทำธุระเสร็จก็เรียกน้องบอย น้องบอยก็เดินออกมาจากหลังต้นก้ามปู ส่วนพี่เขาก็ออกมาจากป่าพอดี เลยพากันขึ้นรถออกเดินทางต่อ ตอนที่ขับรถออกมาแล้ว ผมสังเกตว่าพี่เขามองกระจกหลังอยู่ 3-4 ครั้ง จนแกบอกผมที่นั่งอยู่ข้างหลังแกว่า ลองหันไปดูกระบะหลังหน่อย […]

ตุ๊กแกผี เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

‘งามตา’ เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากตุ๊กแกผีสิง สมัยเด็กดิฉันอยู่ที่ อ.บ้านแพง จ.นครพนม พ่อแม่ทำงานโรงบ่มยาของโรงงานยาสูบ มีบ้านพักเป็นเรือนไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูง ปลูกเรียงรายกันไปใกล้ๆ โรงบ่มยานั่นแหละค่ะ ตอนเย็นๆ เราจะลงไปอาบน้ำในลำโขง ลมพัดแรงเย็นสบาย หนุ่มสาวชอบนั่งเล่นรับลมบนหาด บ้างก็หาอะไรไปล้อมวงกินกัน เด็กๆ วิ่งเล่นเกรียวกราวน่าสนุก บ้านพักของเราน่าแปลกคือมีห้องน้ำอยู่ข้างนอกชานเชิงบันได ตอนกลางคืนเปิดไฟสว่าง ออกมานั่งรับลมที่ห้องรับแขกถัดจากระเบียง พ่อชอบฟังข่าวจากวิทยุ แม่จัดห้องนอน ดิฉันนั่งเล่นใกล้ๆ พ่อ มองไปข้างนอกก็มืดสลัว ที่โรงบ่มเคยคึกคักตอนกลางวันยิ่งดูมืดกว่าที่อื่น ขนาดอยู่จนชินแล้วยังอดหวาดๆ ไม่ได้เลยค่ะ ระแวงว่าจะมีใครจ้องมองเข้ามาอย่างมุ่งร้ายหมายขวัญหรือเปล่าก็ไม่รู้? คืนไหนอากาศหนาวๆ ลมพัดมาเย็นวูบ เล่นเอาขนลุกซ่าไปทั้งตัวก็เคยไม่รู้ว่ากลัวอะไรเหมือนกัน ‘ตั๊บแก! ตั๊บแกตั๊บแก’ เสียงร้องดังขึ้นบ่อยๆ แต่ฉันชินเสียแล้ว เพราะได้ยินมาตั้งแต่จำความได้แน่ะค่ะ สาเหตุเพราะมีตุ๊กแกอยู่ในห้องน้ำ ยั้วเยี้ยมากมายหลายสิบตัว มีเยอะแยะทุกบ้าน จนเด็กๆ คุ้นเคยตุ๊กแกกันทุกคน คนเก่าเรียกคับแค’ ก็มีค่ะ อย่างคางคกเรียกคันคาก’ ขนาดมีตำนานเก่าแก่เล่าถึงพญาคันคาก’ พวกผู้ใหญ่ก็จดจำสืบต่อกันมาเล่าให้เด็กๆ ฟัง เหตุนี้ทำให้เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่โดยไม่กลัว และไม่ขยะแขยงตุ๊กแกอย่างผู้หญิงส่วนมาก วันนี้มีเรื่องตุ๊กแกผีมาเล่าสู่กันฟังค่ะ! คุณผู้หญิงทั่วไปเอ่ยถึงตุ๊กแกก็ขนลุกแล้ว คิดอีกทีก็น่าเห็นใจเพราะรูปร่างหน้าตามันน่าเกลียดน่ากลัวจริงๆ บางคนขนาดได้ยินเสียงตุ๊กแกร้องถึงกับสะดุ้งโหยงก็มี ลือกันว่า ตุ๊กแกโดดเกาะหลังใคร […]

ตามมาเพียบ! ประสบการณ์หลอนพระวัดป่า

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย เมื่อประมาณสองเดือนทีผ่านมา น้องชายของคุณโต้งกลับมาจากต่างประเทศ จึงมีแพลนที่จะทำร้านอาหารกัน แต่ตอนนั้น คุณโต้งอายุสามสิบ ยังไม่เคยบวชให้คุณพ่อคุณแม่ ก็คิดว่าจะขอบวชก่อน จึงได้ไปดูฤกษ์บวชมา เป็นวันที่สี่เดือนเมษายน บ้านของคุณโต้งจะอยู่ในตัวเมืองเชียงราย ตั้งใจไว้ว่าจะบวชที่วัดใกล้บ้านก่อนสองวัน แล้วอีกเจ็ดวันจะย้ายไปบวชที่วัดป่า ตอนที่คุณโต้งบวชอยู่ที่วัดในเมือง คุณโต้งได้อยู่กุฏิคนเดียว ถึงจะเป็นวัดในเมือง แต่ตกกลางคืนแล้วก็ค่อนข้างเงียบมาก แทบจะไม่มีเสียงรถหรือเสียงอย่างอื่นมารบกวน กิจวัตรประจําวันก็เหมือนกับวัดอื่นๆ ทำวัดเช้าตอนตีห้า ทำวัดเย็นตอนห้าโมง จนถึงวันที่คุณโต้งย้ายไปที่วัดป่า ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณหกสิบกิโลเมตร ล้อมรอบด้วยป่าและภูเขา ไม่มีสัญญาณมือถือ ภายในวัดจะมีศาลาการเปรียญหลังไม่ใหญ่มาก ด้านหลังศาลาจะเป็นเมรุเผาศพ ส่วนกุฏิรวมจะอยู่หลังวัด ห่างจากศาลาประมาณสี่ร้อยเมตร ทางเดินไปกุฏิจะเป็นทางตัดผ่านเข้าไปในป่า เป็นแค่ช่องทางเดินเล็กๆ สองข้างทางจะเป็นต้นไม้สูง ขึ้นเบียดเสียดกันจนแน่นขนัด กุฏิรวมจะมีสองชั้น คุณโต้งมาถึงที่วัดแห่งนี้ประมาณบ่ายสามโมง ทางวัดจัดให้คุณโต้งพักที่กุฏิรวม แต่คุณโต้งขอพักที่กุฏิเดี่ยว ซึ่งจะอยู่ไม่ห่างจากกุฏิรวมมากนัก มีห้องน้ำในตัว แต่ไม่มีพระอาศัยอยู่ คุณโต้งก็เดินสำรวจกุฏิ ก็พบว่าประตูห้องน้ำชำรุด แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนเวลาประมาณหกโมง ก็ถึงเวลาทำวัดเย็น หลังจากทำวัดเย็นเสร็จ คุณโต้งก็เริ่มเจอพระที่มาบวชเหมือนกัน ได้เข้ามาทักทายคุณโต้งว่า อ้าวหลวงพี่ นอนที่ไหนเหรอ คุณโต้งจึงบอกว่า นอนที่กุฏิเดี่ยวครับหลวงพี่ หลวงพี่ท่านนั้นก็ถามกลับว่า จะนอนที่กุฏินั้นจริงๆ เหรอ […]

ตะกรุดผี เรื่องเล่าสยองขวัญ

เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของผมเองครับ เกิดขึ้นเมื่อสิบห้าปีที่แล้วตอนที่ภรรยาตั้งท้องลูกคนแรกครับ หลังจากที่ผมกับภรรยาแต่งงานกันได้สองปี เธอได้ตั้งครรภ์ลูก ผมดีใจมาก พอครบหกเดือนไปอัลตร้าซาวด์ดูแล้วปรากฎว่าเป็นลูกสาว ผมตั้งชื่อให้น้องล่วงหน้าว่า น้องข้าวปุ้น เพราะภรรยาชอบทานขนมจีนมาก พอถึงเดือนที่แปด เราตกลงใจกันว่าจะไปคลอดที่บ้านเกิดเธอที่ยโสธร ผมไปส่งเธอแล้วกลับมาพร้อมบอกว่าใกล้คลอดจะกลับมาหา หลังจากกลับมาทำงานต่อได้หนึ่งอาทิตย์ ทางเดียวที่จะติดต่อกันได้คือตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ผมจะโทรไปสหกรณ์ใกล้ๆ บ้านเธอ วันหนึ่งผมไปทำงาน มีน้องผู้ชายคนนึงเป็นคนสุรินทร์ อายุ 18-19 ปี ทำงานอยู่กับผม ใกล้สิ้นเดือนมันไม่มีเงินกินข้าวเลยมาขอยืมผม ด้วยความสงสารผมจึงให้เงินมันไป 500 บาท ปรากฎว่ามันเอาเงินไปแทงไฮโลและแทงบอลได้เงินมาหมื่นกว่าบาท มันเอาเงินมาคืนผมพันนึง ผมบอกว่าเอาแค่ห้าร้อยก็พอ มันบอกงั้นคืนวันเสาร์นี้ผมพาพี่ไปเที่ยวแล้วกัน เมียพี่อยู่บ้านนอกนี่นา สาวสวยเยอะมาก ผมบอกไม่ไปหรอกเปลืองตังค์ มันบอกผมเลี้ยงเองพี่ ถึงเย็นวันเสาร์ผมออกมาตามนัด มันยื่นตะกรุดดอกนึงให้ บอกว่าให้ใส่ในกระเป๋ากางเกง ผมถามมัน มันก็บอกแค่เพียงว่า ไม่มีไรหรอกพี่! ตะกรุดสายล่างเฉยๆ เมื่อไปถึงผับที่ว่า ผมนั่งโต๊ะกินเหล้ากับมันสองคน มีสาวสองคนเดินมาขอนั่งด้วย ดูคุ้นหน้ามากๆ เธอบอกว่าทำงานเป็นสาวออฟฟิศโรงงานนี้ ผมกับหมอนั่นหันมองหน้ากัน มันโรงงานกูนี่หว่า! พอหันกลับมาเท่านั้นแหละ น้องผู้หญิงสองคนมานั่งบนตักเราทั้งสองแล้ว น้องมากอดมาหอมผม ผมรีบจับตัวน้องนั่งเก้าอี้ดีๆ แล้วรู้สึกว่าในกระเป๋ามันสั่นๆ เอามือจับดูถึงรู้ว่าเป็นตะกรุดดอกนั้น ผมกับน้องคนนั้นนั่งดื่มคุยกันจนถึงเที่ยงคืน น้องผู้หญิงคนที่มานั่งตักผมชวนไปต่อที่ห้องเธอ […]