สวัสดีครับทุกท่าน เรื่องขนหัวลุกจากวงเหล้าในวันนี้ จะเป็นเรื่องของกลุ่มผมเอง เกิดขึ้นเมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว พึ่งนึกได้จึงมาเล่าสู่กันฟัง
สถานที่น่ะเหรอ เป็นเส้นทางเลี่ยงรถติดช่วงเทศกาล สำหรับขึ้นภาคเหนือครับ เลี่ยงถนนเอเชีย เข้าสุพรรณบุรี แล้วค่อยไปบรรจบกันที่นครสวรรค์ ซึ่งถนนเส้นนี้จะไม่ค่อยมีใครขับผ่านถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ เห็นว่าเจอสิ่งลี้ลับมาหลายต่อหลายคนแล้ว
เวลาบ่าย 3 โมงของวันเสาร์ มีเพื่อนคนหนึ่งโทรมาหาผมบอกว่า
“พรุ่งนี้ไปไหนหรือเปล่า ถ้าว่างไปเที่ยวบึงบอระเพ็ดกัน”
“ว่างอยู่แต่ขอเวลาคิดสักแป๊บ” ผมตอบ
“ไม่ได้! ต้องมา ตอนนี้ทุกคนอยู่นครสวรรค์หมดแล้ว เหลือมึงคนเดียวเนี่ย” มัดมือชกนี่หว่า
ผมไม่มีทางเลือกก็ต้องไปครับ เดอะแก๊งผมส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้แหละ นึกอยากจะไปไหนก็ไปกันเลย แทบไม่ได้วางแผนอะไรล่วงหน้า
ตกเย็นผมก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าโยนขึ้นรถแล้วขับออกไป ขาไปนี่ผมไม่ได้ไปทางเลี่ยงเทศกาลหรอกครับ และไม่ได้คิดจะไปด้วยในตอนแรก ขับ ๆ ไปถนนเอเชียจะเป็นถนนใหญ่ 3-4 เลน ส่วนใหญ่ก็เลยเจอแต่รถขับเร็ว ๆ ส่วนผมขับรถคันเล็กไป เพราะรถคู่ใจเข้าอู่ ก็เลยต้องเจียมตัวขับเลนซ้ายซะส่วนใหญ่
พอถึงนครสวรรค์ก็พาไปเที่ยวกลางคืนต่อ กลับเข้าที่พักไม่ดึกนักเพราะต้องเก็บแรงไว้เที่ยวพรุ่งนี้ต่อ
พอรุ่งขึ้นก็ไปเที่ยวบึงบอระเพ็ด ซึ่งทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนเยอะมาก ระหว่างเที่ยว ๆ อยู่เพื่อนในกลุ่มก็บอกว่า ให้เพื่อนอีก 2 คนกลับไปกับผมเย็นนี้เลย ส่วนคนที่เหลือเดี๋ยวจะกลับกันในวันถัดไป
พอเริ่มมืดประมาณ 1 ทุ่ม ผมกับเพื่อนอีก 2 คนรวมเป็น 3 คนก็พากันกลับ แต่ขากลับผมบอกเพื่อนว่าจะลองไปทางเลี่ยงเมืองดู เพราะถนนมันโล่ง ๆ ดี บวกกับเราไม่รีบกัน ทุกคนก็โอเค ตอนนั้นคือพอจะรู้ประวัติถนนเลี่ยงเมืองนี้แหละ แต่ไม่ได้คิดไรมากเพราะไปกันตั้ง 3 คน
ขับมาสักพักก็เป็นเวลา 3 ทุ่ม ถึงไหนแล้วก็ไม่รู้มันมืดไปหมด รถที่วิ่งร่วมทางก็ประมาณ 500 เมตรจะเจอสัก 1 คัน ระหว่างที่ผมขับรถฝ่าความมืดอยู่ เพื่อนผมที่นั่งข้าง ๆ บอกว่า
“ข้างหน้าไกล ๆ เหมือนมีคนยืนอยู่ว่ะ”
ผมก็มอง ๆ ดูแต่ยังไม่เห็น พอขับใกล้เข้าไปเรื่อย ๆ ถึงเห็นเป็นคนจริง ๆ เป็นผู้ชายกำลังวิ่งกะเผลก ๆ สวนทางมา เนื้อตัวมอมแมมมาก พอรถวิ่งสวนผ่านไป เพื่อนผมหันไปมองตาม กลับไม่เจอใครเลย ผมกับเพื่อนมองหน้ากัน ผมพยักหน้าให้ทุกคนรู้ว่าเรากำลังเจอกับอะไร ทุกคนเงียบ ไม่พูดอะไรทั้งนั้น ตอนนี้หน้าที่ผมคือขับออกจากที่นี่ไปให้เร็วที่สุด
ขับไปได้ 2 กิโลเมตร เจออีกแล้ว คนเดิมสภาพเดิม วิ่งกะเผลก ๆ สวนทางมา ถัดไปอีก 2 กิโลเมตรก็เจออีกแล้ว เหมือนเดิมเป๊ะ ตอนนั้นผมยอมรับเลยว่ากลัวมาก เพื่อนผมก็นั่งตัวสั่นไม่พูดอะไร จากนั้นผมก็กดคันเร่งจมมิด จนเพื่อนบอก
“เบา ๆ หน่อย! เดี๋ยวรถเสียหลัก มันมืดเกินไป”
ผมจึงค่อย ๆ ยกคันเร่ง แต่ตอนนั้นรถมีอาการสั่น ๆ ผมจึงค่อย ๆ เบรก จนรถไปหยุดอยู่หน้าศาลาริมทางพอดี
ศาลานี้มีไฟอยู่ดวงหนึ่ง พอรถจอดสนิททุกคนก็ลงไปดูรถ แม่เจ้ายางรั่วครับพี่น้อง! รั่วล้อหน้าซ้ายซะด้วย แต่โชคดีหน่อยตรงที่ว่า รถผมมีล้ออะไหล่อยู่พอดี
ระหว่างที่พวกผมช่วยกันเปลี่ยนยางอะไหล่อยู่นั้น
“เอ้า รถเป็นไรเหรอ”
เสียงใครไม่รู้ดังมาจากศาลา พวกผมหันไปมอง เจอชายคนหนึ่งนั่งไขว้ห้างอยู่ แต่ประเด็นคือมาตอนไหนวะ? ตะกี้ไม่เห็นมีคนเลย
“ยางรั่วครับ แต่ดีหน่อยที่มีล้อเปลี่ยน” เพื่อนผมตอบ
“เออดี ๆ แล้วพวกเองนึกยังไงถึงมาเส้นนี้กันล่ะ ไม่กลัวผีเหรอ” ชายปริศนาถาม (ถามตรงเกิ๊น)
“ก็เคยได้ยินอยู่บ้างครับ แต่ไม่เคยมาทางเส้นนี้ก็เลยลองมาดู” เพื่อนผมตอบ
แล้วชายปริศนาก็มาช่วยพวกผมเปลี่ยนยางจนเสร็จ พวกผมก็ขอบคุณพี่แก แล้วพากันไปนั่งพักในศาลาให้หายเหนื่อยแล้วค่อยขับรถไปต่อ ระหว่างนั่งพักก็สูบบุหรี่คุยกันไป
“แล้วพี่มาทำอะไรตรงนี้ดึก ๆ ครับ” (ไม่กลัวผีเหรอ) ผมถามชายปริศนา
“หึหึ รอคนมารับน่ะ เดี๋ยวก็มาแล้ว” ชายปริศนาตอบ
สักพักก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมา เดินมาจากไหนก็ไม่รู้ พอมาถึงก็ยื่นเชือกให้ชายปริศนาแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ ได้เวลาแล้ว”
“พวกเอ็งเดินทางกันต่อได้แล้วล่ะ ยิ่งดึกยิ่งอันตรายนะ” ชายปริศนาบอก พวกผมก็พากันขอบคุณที่ช่วยเหลือแล้วเดินขึ้นรถไป
“พรุ่งนี้เช้า ถ้าไม่รบกวนพวกเอ็งจนเกินไป ช่วยซื้อกับข้าวแล้วทำบุญใส่บาตรให้พี่หน่อยนะ” ชายปริศนาพูดตอนพวกผมขึ้นรถแล้ว พวกผมพากันงง ว่าพี่เขาหมายความว่ายังไง
“คือยังไงนะพี่” เพื่อนผมถาม
ชายปริศนาหันมายิ้มแล้วพูดกับหญิงคนนั้นว่า “ไปกันเถอะ” ว่าแล้วทั้งคู่ก็หยิบเชือกไปผูกกับขื่อไม้ แล้วแขวนคอตัวเองห้อยต่องแต่ง ๆ ร่างทั้งคู่กระตุก ๆ แรงมาก พวกผมก็ตกใจ โวยวายกันอยู่ในรถ
“เฮ้ยๆๆ ไปช่วยพี่เค้าเร็วยังทันอยู่!” พอพวกผมเปิดประตูกำลังจะลงรถไปช่วย ร่างทั้งคู่ก็นิ่งไป แล้วค่อย ๆ หันหน้ามาหาพวกผม แล้วยิ้ม ยิ้มแบบที่ลูกกะตาเหลือกขึ้นข้างบน
“ไปๆๆ โดนเข้าแล้ว เ_ี้ยเอ๊ยยย!”
ผมก็รีบออกรถทันที ระหว่างขับรถเพื่อนก็สวดมนต์แผ่เมตตากันตลอดทาง จนเข้าเขตจังหวัดปทุมธานี ผมก็พากันแวะบ้านเพื่อนคนแรกก่อนเลย แล้วค้างที่นี่พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน
พอเช้าวันรุ่งขึ้น ผมก็เล่าให้พ่อเพื่อนฟัง พวกผมโดนสวดกันไปชุดใหญ่ พ่อว่า
“ถ้าไม่ใช่เทศกาลอย่าได้คิดไปเชียวถนนเส้นนี้ ถ้าไม่มั่นใจว่าตัวเองจิตแข็งพอ โดนกันมาเยอะแล้ว ผีตายโหงเยอะ คนเลยไม่ค่อยอยากวิ่งกัน ถ้าเป็นเทศกาลคนจะเลือกมาทางนี้กันเยอะหน่อย ก็ยังพอมีเพื่อนร่วมทาง แต่นี่เทศกาลก็ไม่ใช่ แค่วันธรรมดาวันนึง ยังกล้าไปเส้นนั้นได้”
หลังจากโดนสวดกันไปชุดใหญ่ พวกผมก็พากันไปทำบุญให้ทั้งคู่ที่เขาขอไว้เมื่อคืน ส่วนใครที่พอจะรู้จักถนนเส้นนี้แล้วอยากลองก็ไม่ว่ากันนะครับ เผื่อจะเจอพี่แกอีก ส่วนผมครั้งเดียวก็เกินพอครับ
ขอบคุณที่มา: เฟซบุ๊กคุณ สาวก แมนซิตี้

กดแชร์บทความ