เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ถนนสายหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี แถว ๆ ถนนสายที่เกิดเหตุนี้ คนในพื้นที่จะมีเรื่องเล่าอยู่เรื่องหนึ่งที่เล่ากันว่า มีพนักงานหญิงคนหนึ่ง หลังจากเลิกงานในช่วงเย็น เธอคนนี้ก็ได้ก้าวเท้าลงจากรถของบริษัท ซึ่งแฟนหนุ่มได้รออยู่อีกฝั่งของถนน เธอจึงเดินข้ามไปหาแฟน โดยที่ไม่ได้มองรถบนถนนให้ดีเสียก่อน ปรากฏว่ามีรถกระบะพุ่งชนเข้าที่ลำตัวอย่างจัง จนลำตัวท่อนบนบิดกลับหลัง
ปกติคุณโน๊ตเป็นคนจังหวัดอ่างทอง แต่ได้เดินทางไปเที่ยวงานประจำปีที่จัดขึ้นในจังหวัดสุพรรณบุรี ไปกันทั้งหมดประมาณหกคนได้ นั่งอัดกันไปในรถกระบะคันเดียว ไปถึงงานประมาณช่วงเย็น ๆ ทุกคนเดินเที่ยวกันจนเวลาย่างเข้าห้าทุ่มเศษ ๆ จึงได้ชวนกันกลับ คุณโน๊ตค่อย ๆ ขับรถออกมาจากงาน ถนนไม่ได้ใหญ่มากนักและไฟทางก็มีอยู่แค่ระยะห่าง ๆ
จนมาถึงโค้งแห่งหนึ่ง ซึ่งมีศาลไม้เก่า ๆ อยู่หนึ่งหลังและต้นไม้ที่ลำต้นค่อนข้างใหญ่แผ่กิ่งปกคลุมไปทั่วบริเวณ ผุดขึ้นเป็นฉากหลังทำให้โค้งแห่งนี้ดูน่ากลัวพิกล คุณโน๊ตขับเข้าโค้งปกติ แต่นึกยังไงไม่ทราบได้ ถึงเล่าเรื่องผู้หญิงที่โดนรถชนจนตัวบิดให้เพื่อน ๆ ในรถฟัง
เฮ้ยเนี่ย ได้ยินเรื่องเล่ามา เขาว่าตรงนี้มันมีคนตายแบบนี้ คุณโน๊ตขับรถไปตามทางมืด ๆ โดยที่เล่าเรื่องของผู้หญิงคนนั้นไปด้วย
แม้ว่าเวลานี้จะยังไม่ดึกมากนัก แต่ถนนกลับโล่งจนผิดปกติ ไม่มีผู้ร่วมทางขับสวนมาแม้แต่คันเดียว สองข้างทางเป็นทุ่งนาโล่งเตียนมืดทึบ มีต้นไม้ขึ้นเป็นช่วง ๆ จังหวะนั้นสายตาของคุณโน๊ตก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ยืนก้มหน้าอยู่ในมุมมืดข้างทาง ลักษณะผมยาว ใส่ชุดคล้ายพนักงานโรงงาน แขนทั้งสองข้างลู่ลงแนบลำตัว คุณโน๊ตไม่ได้สนใจมากนัก เพียงแค่พูดพึมพำออกมาเบา ๆ
ผู้หญิงที่ไหน มายืนอยู่คนเดียวมืด ๆ
คุณโน๊ตขับรถไปตามทางเรื่อย ๆ ด้วยความเร็วกว่าร้อยยี่สิบ จังหวะนั้นเองคุณโน๊ตก็เหลือบมองไปที่กระจกมองหลัง ภาพในกระจกปรากฏให้เห็นผู้หญิงคนที่ยืนอยู่ในมุมมืดข้างทางเมื่อครู่ กำลังเดินตามหลังรถมาอย่างช้า ๆ แต่ที่ทำให้คุณโน๊ตต้องขนลุกไปทั้งตัว ทั้ง ๆ ที่ขับรถอยู่ที่ร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เธอคนนั้นกลับเดินตามหลังรถมาได้ แถมยังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนแทบจะเอื้อมมือจับท้ายกระบะแล้วในตอนนี้
คุณโน๊ตตกใจกลัวจึงรีบเร่งความเร็วรถขึ้นไปอีก เพื่อต้องการจะหนีอะไรบางอย่างที่กำลังตามหลังมาอย่างติด ๆ จนเหมือนจะทิ้งห่างออกมาได้พอสมควร แต่คุณโน๊ตก็ต้องสะดุ้งจนตัวเกร็ง เพราะจากที่เธอค่อย ๆ เดินตามหลังรถอยู่กลางถนน แต่อยู่ ๆ เธอก็ออกตัววิ่งเต็มที่ จนใกล้กระบะหลังมาเรื่อย ๆ
คุณโน๊ตหันไปมองเพื่อนที่นั่งอยู่ภายในรถ ก็พอจะเดาออกว่าเพื่อนคงจะเห็นเหมือน ๆ กัน เพราะทุกคนนั่งตัวสั่นก้มหน้านิ่ง ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ถนนในเวลานั้นเงียบสนิท มีไฟทางสีส้มส่องสว่างอยู่เป็นช่วง ๆ ในระยะห่าง ๆ กัน
คุณโน๊ตคิดในใจว่านี่มันนานแค่ไหนแล้ว ที่ไม่เห็นผู้ร่วมทางคนอื่น ๆ ขับสวนทางมาบ้างเลย พยายามแข็งใจขับรถต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยตัวที่สั่นเทา มีบางครั้งที่เหลือบมองไปที่กระจกส่องหลัง เพื่อจะดูว่าเธอคนนั้นวิ่งมาถึงหลังรถหรือยัง หรือว่าเธอกระโดดขึ้นมานั่งอยู่ท้ายกระบะแล้ว!
พลันสายตาก็มองเห็นแสงไฟจากหน้ารถคันหนึ่งที่ขับตามหลังอยู่ไม่ไกล แสงไฟของรถคันที่อยู่ด้านหลังฉายส่องกระทบกับลำตัวของเธอคนนั้น ทำให้คุณโน๊ตถึงกับช็อคกับภาพที่เห็นจนร้อง เฮ้ย! ออกมาดัง ๆ
ภาพที่คุณโน๊ตเห็นก็คือ ลำตัวช่วงบนของเธอคนนั้นหันมาทางคุณโน๊ตเป็นปกติ แต่ช่วงเอวลงไปจนถึงเท้ากลับหันไปข้างหลัง กำลังวิ่งแบบกลับหลังตามมาติด ๆ ใบหน้าซีดเผือดเหมือนไม่มีเลือดไปเลี้ยง ลูกตาดำโตเป็นไข่เป็ดจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้า แสยะยิ้มกว้างเห็นฟันขาวเรียงเป็นซี่ เป็นภาพที่น่าขนลุกขนพองที่สุดเท่าที่คุณโน๊ตเคยพบเจอมา
คุณโน๊ตอยากจะเรียกให้เพื่อนในรถหันกลับไปมองสิ่งประหลาดที่วิ่งตามหลังรถอยู่ แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนก็คงจะเห็นเหมือน ๆ กันหมด แต่ก็ยังอยากจะคลายความหวาดกลัวที่มีอยู่จนจุกอกออกไปบ้างสักนิดก็ยังดี
คุณโน๊ตพยายามจะพูดออกมาแต่ก็ทำได้เพียงแค่อ้าปากเท่านั้น ไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมาจากลำคอ อาจเป็นเพราะกำลังอยู่ในอาการช็อคสุดขีด ได้แต่ประคองรถไปบนถนนเรื่อย ๆ สักพักรถคันที่ขับตามอยู่ด้านหลังก็ฉีกออกขวา แล้วพุ่งแซงขึ้นหน้าด้วยความเร็ว
คุณโน๊ตพยายามเหยียบตาม แต่กลับตามไม่ทัน เหมือนผู้ร่วมทางคันนั้นเหยียบหนีอะไรบางอย่าง จนแสงไฟท้ายสีแดงหายลับตาไปในความมืดเบื้องหน้า ไม่นานคุณโน๊ตก็ขับผ่านศาลไม้เก่า ๆ หลังหนึ่ง ที่มีต้นไม้ใหญ่เป็นฉากหลัง
คุณโน๊ตตาเบิกโพลงทันที เพราะมั่นใจว่าตนเองได้ขับรถผ่านจุดนี้มาแล้วแน่ ๆ นั่นเท่ากับว่าตอนนี้กำลังขับรถวนอยู่ที่เดิม โดยมีอะไรบางอย่างไล่กวดตามหลังมาติด ๆ คุณโน๊ตพยายามกลั้นใจไม่มองที่กระจกส่องหลัง เพื่อที่จะได้มีสมาธิในการประคองรถอย่างเต็มที่ แต่ลูกกะตาเจ้ากรรมมันไม่ยอมเชื่อฟัง คอยแต่จะเหลือบไปมองที่กระจกส่องหลังอยู่เรื่อย
จนมันทำให้คุณโน๊ตได้เห็นหน้าขาวซีดของผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง และลำตัวที่บิดเบี้ยวผิดมนุษย์มนา วิ่งตามหลังรถมาอย่างติด ๆ บางทีก็ทิ้งห่างออกไปสักระยะ แต่เธอคนนั้นก็จะเร่งความเร็วกลับมาจ่อท้ายได้ทุกครั้ง จนคุณโน๊ตคิดว่าไม่ไหวแล้ว จึงพยายามสวดมนต์ในใจ จนเหมือนว่าจะหลุดออกมาจากทางเส้นนั้นได้ เธอคนนั้นก็ค่อย ๆ ชะลอฝีเท้าลงเรื่อย ๆ จนหยุดยืนก้มหน้านิ่งอยู่กลางถนน
คุณโน๊ตรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ยังไม่หายจากอาการหวาดผวา ทุกคนในรถได้แต่นั่งเงียบมาตลอดทาง คุณโน๊ตไล่ส่งเพื่อนทุกคนจนถึงบ้าน แล้วตนเองก็ขับรถกลับเข้าบ้าน คืนนั้นไม่มีใครหลับลง เพราะทุกคนต่างประชุมสายพูดคุยกันถึงสิ่งที่ประสบพบเจอมาทั้งคืน
วันต่อมาด้วยความสงสัยต่อสิ่งที่พบเจอมา ทุกคนจึงตัดสินใจไปที่นั่นอีกครั้ง โดยเข้าไปเที่ยวในงานก่อน แล้วขับรถออกจากงานมาประมาณสี่ทุ่ม ซึ่งก็เจอเธอคนนั้นอีกเหมือนเดิม จะต่างกันก็ตรงที่ว่า คราวนี้เธอวิ่งโผล่ออกมาจากข้างทาง แล้ววิ่งคู่ไปกับรถ!
เธอหันเข้ามามองภายในรถตลอดเวลาที่วิ่งไปด้วย แล้วแสยะยิ้มให้กับทุกคนในรถ มีบางจังหวะที่เหมือนเธอพยายามจะเปิดประตูรถ แต่โชคยังดีที่ประตูมันถูกล็อคไว้ก่อน ทั้ง ๆ ที่คุณโน๊ตเร่งความเร็วจนเกือบจะร้อยสี่สิบ เสียงลมพัดผ่านกระจกดังอื้ออึงจนเหมือนมีอาการหูอื้อ แต่กลับมีเสียงเคาะ ก๊อก.. ก๊อก.. ก๊อก.. ดังอยู่รอบ ๆ รถ
ถนนวันนี้เหมือนจะมืดและเงียบยิ่งกว่าเมื่อวาน ไฟทางทุกดวงมืดสนิท เหมือนมันจะพร้อมใจนัดแนะกันไม่ทำงานเอาดื้อ ๆ ไร้ผู้ร่วมทางคันอื่น ๆ ทำให้เห็นเพียงแค่ลูกกะตาสีดำโปน ๆ แสยะยิ้มเห็นฟันสีขาว และใบหน้าซีด ๆ วิ่งชิดติดอยู่ข้าง ๆ ตัวรถ จนเพื่อนคนหนึ่งในรถร้องไห้แล้วพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเทา
มไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว ไม่ลบหลู่แล้ว ผมขอโทษ ผมขอโทษ
ตัวคุณโน๊ตเองก็แทบจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เพราะตั้งใจแค่จะมาพิสูจน์เล่น ๆ ไม่คิดว่าเธอจะออกมาให้เห็นจริง ๆ แถมครั้งนี้ยังน่ากลัวกว่าเดิมตรงที่เธอมาวิ่งอยู่ข้าง ๆ รถให้เห็นแบบจะ ๆ แม้ว่าตอนนั้นสติสตังของคุณโน๊ตแทบจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่ก็ต้องฝืนพยายามคุมสติให้อยู่ เพื่อที่จะขับรถกลับบ้านให้ได้ จนสักพักก็ทิ้งห่างออกมาได้ เพราะเธอคนนั้นค่อย ๆ ชะลอฝีเท้าลง แล้วยืนก้มหน้านิ่งเหมือนเดิม
คุณโน๊ตขับรถไปได้สักพักก็เหลือบเห็นวัดแห่งหนึ่งอยู่ริมทาง จึงหักรถเลี้ยวเข้าวัดทันที หลวงพ่อก็เดินลงมาจากกุฏิแล้วถามพวกคุณโน๊ตว่ามีธุระอะไรกันหรือเปล่า คุณโน๊ตจึงเล่าเรื่องที่พบมาให้ท่านฟัง ท่านก็พูดกับพวกคุณโน๊ตว่า
พวกโยมนึกยังไงถึงไปลองดีกัน คราวหน้าคราวหลังถ้าเล่นแบบนี้อีก อาตมาคงช่วยไม่ได้อีกแล้วนะ ท่านพูดจบก็จัดแจงทำพิธีบังสุกุลเป็นให้ โดยเอาผ้าขาวมาคลุม จนเวลาล่วงเลยไปจนถึงเที่ยงของอีกวัน ทุกคนก็พากันกลับบ้าน
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้คุณโน๊ตประสาทเสียไม่กล้าขับรถไปอีกนาน และเพื่อนคนที่ร้องไห้ในรถก็กลายเป็นเหมือนคนเสียศูนย์ สติสตังไม่เหมือนเดิม ชอบพูดชอบเพ้อคนเดียว บางครั้งก็มาบอกกับคุณโน๊ตว่ามีผู้หญิงเอวหักเดินตัวบิดตามอยู่ตลอดเวลา พอคุณโน๊ตได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับเสียวสันหลังวาบ คุณโน๊ตพยายามถามว่าเขาตามหลังใคร แต่เพื่อนก็ได้แต่หัวเราะแล้วหันไปพูดคนเดียว จึงไม่อาจรู้ได้แน่ว่าเธอตามหลังเพื่อนหรือตนเองกันแน่ และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด

กดแชร์บทความ