เมื่อปี พ.ศ. 2539 ตอนที่ผมเรียนอยู่ ปวช. ปี 1 พอสอบกลางภาคเสร็จ ช่วงเดือนตุลาคม ผมก็ได้กลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ที่จังหวัดสมุทรปราการ ที่นั่นมีพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่สนิทกับครอบครัวผมมาก เป็นคนจังหวัดตาก แกกำลังจะพาครอบครัวกลับไปเยี่ยมบ้าน 1 สัปดาห์ แกเห็นผมว่างๆ อยู่ เลยชวนผมไปเที่ยวด้วย ผมเองไม่เคยไปเที่ยวภาคเหนือก็เลยตอบตกลง
เราเดินทางไปโดยรถปิคอัพของพี่เขา พี่เขาเป็นคนขับ มีภรรยาแกนั่งหน้า และมีลูกชายชื่อ น้องบอย อายุประมาณ 6 ขวบนั่งแค็บหลังกับผม น้องบอยมีเป้ใบหนึ่งสะพายหลัง ในเป้มีหุ่นยนต์และหนังสือการ์ตูน
พวกเราเดินทางไปเรื่อย แวะปั๊ม จอดกินข้าวบ้าง จนถึงเวลา 6 โมงเย็น เหลืออีกไม่กี่กิโลเมตรจะถึงที่หมาย พี่เขาเกิดปวดท้องหนักขึ้นมา แต่แถวนั้นมันไม่มีปั๊ม แล้วสองข้างทางมีแต่ป่า แกเลยตัดสินใจจอดรถลงไปปลดทุกข์ในป่า ผมเลยขอลงไปปัสสาวะด้วย ซึ่งน้องบอยก็ขอลงมาเหมือนกัน
พี่เขารีบวิ่งเข้าไปในป่า ส่วนผมก็ยืนทำธุระไป โดยหางตาผมเห็นน้องบอยเดินไปที่ต้นก้ามปูที่อยู่ใกล้ๆ พอผมทำธุระเสร็จก็เรียกน้องบอย น้องบอยก็เดินออกมาจากหลังต้นก้ามปู ส่วนพี่เขาก็ออกมาจากป่าพอดี เลยพากันขึ้นรถออกเดินทางต่อ
ตอนที่ขับรถออกมาแล้ว ผมสังเกตว่าพี่เขามองกระจกหลังอยู่ 3-4 ครั้ง จนแกบอกผมที่นั่งอยู่ข้างหลังแกว่า ลองหันไปดูกระบะหลังหน่อย เห็นอะไรไหม?
ผมหันไปดู แต่ก็ไม่เห็นอะไร พี่แกเลยชี้ให้ผมดูในกระจกมองหลัง ภาพที่เห็นคือ ร่างของผู้ชายคนหนึ่งใส่เสื้อยืดสีขาว มีเลือดเต็มเสื้อไปหมด ผมสั้นเกรียน ศีรษะแบะออกข้างจนเห็นสมอง กำลังนั่งอยู่หลังกระบะ! ผมรีบหันกลับไปดูหลังกระบะก็ไม่เห็นอะไร แต่พอมองในกระจกกลับยังเห็นอยู่เหมือนเดิม! ตอนนั้นผมตกใจมากๆ พี่เขาเลยเอาผ้ามาเช็ดกระจก พอเช็ดเสร็จร่างผู้ชายคนนั้นก็หายไป แกเลยพูดปลอบใจว่า สงสัยเรา 2 คนคงจะตาฝาดไปล่ะมั้ง
จนเดินทางไปถึงบ้านพี่เขา 2 ทุ่มครับ เป็นบ้านไม้ใต้ถุนยกสูงแบบคนเหนือ หน้าต่างยังเป็นแบบเปิดจากข้างล่างแล้วเอาไม้ค้ำอยู่เลย พ่อแม่พี่เขาจัดแจงกับข้าวต้อนรับอย่างดีเลยครับ
นั่งกินข้าวไป คุยกันไปจนถึง 4 ทุ่ม หลังจากมื้ออาหาร ผมก็ไปอาบน้ำ และกลับมาเข้านอน โดยผมได้นอนกับน้องบอย นอนหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง น้องบอยนอนติดประตู ตอนกำลังจะเคลิ้มๆ ผมเห็นเหมือนคนเดินผ่านหน้าต่างไป ผมเลยพลิกตัวกลับมาทางเตียงน้องบอย แต่เจอน้องบอยนั่งอยู่บนเตียง! ชี้นิ้วไปที่หน้าต่างแล้วก็พูดว่า
น้าๆ น้ามาได้ยังไง?
ผมเลยหันกลับไปดู สิ่งที่เห็นคือ ผู้ชายผมเกรียนหัวแบะ เสื้อสีขาวเปื้อนเลือด มือข้างขวาจับฝาบ้าน ส่วนมือซ้ายจับไม้ที่ค้ำหน้าต่างไว้ กำลังมองตรงเข้ามาแล้วพูดว่า
กูหิว มีอะไรกินไหม?
ผมแหกปากร้องลั่น ว๊ากกกกก!! แล้วรีบอุ้มน้องบอยวิ่งออกมาจากห้องเลย ทำเอาคนในบ้านแตกตื่นกันหมด ผมเล่าให้ทุกคนฟัง เลยทำให้คืนนั้นผมได้ไปนอนอยู่ในห้องพระยันเช้าเลย
ตอนเช้าพี่เขาเลยพาผมไปวัด ไปเจอหลวงพ่อท่านหนึ่งกำลังกวาดลานวัดอยู่ ท่านทักทายตามประสาคนรู้จักกับพี่เขา แต่พอท่านมองผ่านไหล่ผมไป ท่านบอกให้ทุกคนขึ้นไปบนศาลาก่อน ท่านถามว่า
ได้ไปแวะที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า ก่อนจะมาถึงบ้าน?
พี่เขาก็บอกว่า แวะปั๊ม กับแวะกินข้าว แล้วก็จอดถ่ายหนักตรงป่าแค่นั้นครับ
ท่านฟังเสร็จก็หันไปทางน้องบอย บอกให้มาหาท่าน ท่านจับน้องบอยมานั่งตักแล้วถามว่า กระเป๋านี่ใส่อะไรมา? น้องบอยตอบว่าของเล่น หลวงพ่อท่านเลยขอเปิดดู แล้วก็ล้วงเอาของสิ่งหนึ่งออกมา มันเป็นผ้าสีแดงคล้ายธงม้วนไว้ ภรรยาพี่เขาตกใจมาก ร้องออกมาว่า
นี่มันตุงแดงนี่! น้องบอยหนูเอามาจากไหนลูก?!!
พอหลวงพ่อท่านคลี่ตุงแดงออกมา ก็มีกรวยใบตองแห้งๆ ใส่ดอกเข็ม ดอกลั่นทมอยู่ 2 กรวย น้องบอยเล่าให้ฟังว่า
ตอนที่จอดรถที่ป่า ระหว่างรออยู่ มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาจากหลังต้นก้ามปู กวักมือเรียกให้ไปหา พอหนูเดินไปหา ผู้ชายคนนั้นก็บอกว่าขอไปด้วยได้ไหม? หนูบอกว่าพ่อหนูไม่ให้คนแปลกหน้าไปด้วยหรอก ผู้ชายคนนั้นเลยเอาตุงแดงม้วนให้น้องบอย และบอกว่า น้าไม่ไปก็ได้ แต่อันนี้น้าให้นะ ของฝาก เอาใส่กระเป๋าไว้นะ แล้วเขาก็เอาใส่เป้ให้หนู
หลวงพ่อท่านบอกว่า ที่เขาตามมาได้ก็เพราะตุงแดงนี่ ทำบุญให้เขา และเอาเขากลับไปที่เดิม ถ้าจะให้ดี ซื้อเหล้า เป็ด ไก่ ไปให้เพื่อนๆ เขาด้วย
วันนั้นพี่เขาเลยทำสังฆทานให้ผู้ชายคนนั้น และตกลงกันว่าจะเอาตุงแดงกลับไปไว้ที่เดิม หลวงพ่อท่านเอาไม้มาเสียบให้เป็นธง แล้วม้วนวางไว้หลังกะบะ ผมเลยถามว่า แบบนี้จะไม่ปลิวเหรอครับ? ท่านก็ยิ้มๆ และตอบว่า
ไม่ปลิวหรอกโยม เพราะอาตมาบอกให้เขานั่งทับตุงแดงนี่ไปจนถึงที่เลย
ซึ่งพอไปถึงที่ ลงจากรถมาดู มันก็ยังอยู่จริงๆ ครับ พวกผมพากันถือเหล้า เป็ด ไก่ ไปที่ต้นก้ามปู พอพ้นต้นก้ามปูไปเท่านั้นล่ะครับ ขาผมนี่อ่อนเลย เพราะตรงนั้นมีตุงแดงปักไว้เป็นสิบๆ มีกรวยกระทงแห้งๆ วางอยู่กับพื้นเต็มไปหมด พวกผมรีบเอาเหล้าเป็ดไก่ไปเซ่น จุดธูปเสร็จ หันหลังกลับได้ 2-3 ก้าว ก็มีเสียงดังแว่วมาจากข้างหลังหลายเสียงเลยครับว่า
ขอบคุณนะครับ ขอบคุณค่ะพี่
ผมกับพี่เขารีบเดินไปขึ้นรถ ไม่หันหลังกลับไปมองอีกเลยล่ะครับ เรื่องราวทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้ครับ
เรื่องเล่าโดย: คุณหาญ ใจสิงห์
ติดตามอ่านเรื่องสยองขวัญต่อได้ที่ คลังสยอง

กดแชร์บทความ