เรื่องนี้เป็นเรื่องตั้งแต่ฉันเรียนอยู่มหาลัยค่ะ เกิดขึ้นมาสัก 6-7 ปีที่แล้ว ที่ฉันได้ไปขึ้นไปเรียนที่มหาลัยแห่งหนึ่งในภาคเหนือ ส่วนใหญ่แล้วมหาลัยแห่งนี้จะให้นักเรียนปีหนึ่งนั้นอยู่ในห้องพักภายในมหาลัยค่ะ เพื่อความสะดวกสบายและการปรับตัวเข้ากิจกรรมของทางมหาลัย
ตัวหอพักนี้ก็แบ่งเป็นสองพื้นที่นะคะ มีหอพักหญิงและหอพักชายด้วยความที่มหาลัยของฉันนั้นอยู่ที่ตีนเขา เอาเป็นว่าติดธรรมชาติสุดๆ เลยก็ว่าได้
เรื่องมันมีอยู่ว่า ฉันกับเพื่อนอีก 4 คน ได้ไปเที่ยวถนนคนเดินในตัวเมือง เเล้วก็ต่อไปที่ร้านบรรเทิงกันจนเลยเวลาเข้าห้องพักที่มหาลัย จำได้ว่าตอนนั้นเราขับรถกันมากว่าจะถึงหน้ามหาลัยก็เป็นเวลา 5 ทุ่มเเล้ว ฉันกับเพื่อนๆ ก็ดื่มกันมาเล็กน้อย เราเลยขับรถไปส่งเพื่อนผู้ชายที่หอพักชายใน เพราะเราสามคนที่เป็นผู้หญิงได้ไปเช่าห้องพักด้านนอกไว้แล้ว แต่เพื่อนเราที่เป็นผู้ชายไม่อยากเสียเงินเพราะต้องเปิดอีกห้อง
เพื่อนเราก็ขับรถเข้ามหาลัยตรงไปโซนหอพักชาย ด้วยความที่หอพักทุกตึกมีพี่ยามนั่งเฝ้าด้านล่างทางเข้า กับการที่ต้องเซ็นซื้อเข้าออกหอ เราก็แบบนักศึกษาปี 1 ยังไม่อยากจะโดนหักคะแนนความประพฤติ ก็เลยคิดว่าจะปีนหอพักกัน
ไอ่เราก็ผู้หญิงที่เป็นห่วงเพื่อนผู้ชายก็เลยลงไปกับเพื่อนผู้หญิงอีกคน เป็นว่าตอนนี้เราลงจากรถไปสามคน เป็นผู้หญิงสองและผู้ชายหนึ่ง เพื่อนผู้ชายที่จะปืนหอก็ลัดเลาะหาที่เหมาะๆ ที่จะปีน เพราะด้านหลังของหอพักคือเป็นป่าเป็นเขา ค่อนข้างลับตาคนพอสมควร
เราเลยคิดว่าจุดนี้เหมาะที่จะให้เพื่อนทำบาป พอดีห้องเพื่อนอยู่ชั้นสาม เลยกำลังคิดอยู่ว่าจะปีนยังไงเพราะนี้มันเป็นครั้งแรกค่ะ พอดีชั้นแรกด้านล่างเป็นลูกกรงกันขโมยคิดว่าเพื่อนน่าจะปีนได้ เพื่อนผู้ชายเลยเริ่มปีนกรงเหล็ก
อยู่ๆ เราก็ได้ยินเสียงคนเดินอ้อมมา ตอนแรกเราตกใจกันมากค่ะเลยหันไปดู เเต่สรุปคือเป็นผู้ชายดูท่าจะเป็นรุ่นพี่ เขาก็ทำหน้าทำหน้านิ่งๆ มองมาทางเรา แบบเหมือนว่ามาทำอะไรตรงนี้ แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า
“จะปีนหอเหรอ”
เราสามคนก็มองหน้ากันเเล้วพยักหน้าค่ะ พี่เขาก็ยิ้มๆ เหมือนรู้ทัน ก่อนจะกวักมือให้เพื่อนลงมาก่อน
“ปีหนึ่งใช่ไหม ไม่คุ้นหน้า มาเดี๋ยวพี่ปีนให้ดูก่อน ว่าแต่ห้องอยู่ชั้นไหน”
เรามองหน้าพี่เขาไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่เสียงนุ่มๆ เพราะมาก พอเห็นเพื่อนลงมาเขาก็เดินไปจุดที่เพื่อนจะปีน เพื่อนผู้ชายก็ตอบไปว่าชั้นสาม พี่เขาก็หัวเราะเบาๆ
“มาๆ เดี๋ยวพี่ปีนให้ดูนะ ดูดีๆ เดี๋ยวพลาด”
เราก็พยักหน้ากัน แล้วก็มองพี่เขาอย่างตั้งใจมากๆ พี่เขาเริ่มปีนแบบคล่องแคล่วมาก คือดูก็รู้ว่าพี่เขาเซียนมาก แต่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น พอจะถึงชั้นสามอยู่ๆ เหมือนพี่เขาพลาดหรือลื่น ก่อนจะตกลงมาบนพื้นเสียงดัง ตุ๊บ! ตรงที่มันเป็นพื้นซีเมนต์ด้วย เรานี้สะดุ้งตัวเย็นวาบ ไม่เคยเห็นคนตกตึกต่อหน้าต่อตา เพื่อนผู้หญิงเผลอกรี๊ดออกมา เราเองก็ทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหา คือแบบคนตกลงมาจากชั้นสามหัวพาดกับพื้นซีเมนต์อ่ะค่ะ
เราเห็นตาเขาเหลือก มีเลือดออกจมูกเเละคอเหมือนจะหัก เพื่อนชายอีกคนแบบทำอะไรไม่ถูกตัวสั่นกลัวไปหมด ก้าวขายังก้าวไม่ออก นึกอยู่ว่าจะต้องตะโกนให้ใครช่วยแต่เราก็ยังตกใจและช็อคกันอยู่
แล้วอยู่ๆ พี่เขาก็ขยับตัว พร้อมกับหันมาทางเราสามคนที่ล้อมร่างพี่เขาตอนที่เข้าไปดูอาการ แต่แล้วปากที่มีแต่เลือด อยู่ๆ ก็ยิ้มยิ้มกว้างมาก ยิ่งยิ้มเลือดก็ยิ่งไหลออกมา ก่อนจะพูดด้วยเสียงเย็นยะเยือกว่า
“อยากจะดูพี่ปีนอีกไหม มาเดี๋ยวพี่จะปีนให้ดูนะ”
พูดจบรุ่นพี่คนนั้นก็ขยับตัว ทั้งๆ ที่คอห้อยอยู่แบบนั้น แขนขาหักผิดรูป จากนั้นก็ค่อยๆ คลานแล้วปีนกำแพงขึ้นไป
พอถึงจุดนั้น จากที่กำลังตกใจว่าพี่เขาจะเป็นอะไร กลับกลายเป็นช็อคหนักเข้าไปอีก คือแบบวิ่งกรี๊ดออกมา ขนแขนขนขาลุกไปหมด ไม่เคยตกใจกลัวอะไรเท่านี้มาก่อนในชีวิต เราจำได้เลยว่าเราร้องไห้ปากลั่นไปหมด เราวิ่งไปหาจุดที่มีแสงไฟค่ะ เอาง่ายๆ ก็คือ ตอนนั้นมีแค่พี่ยามคือที่พึ่งเดียว เราวิ่งเข้าไปหาพี่ยามก่อนจะร้องไห้ออกมา พี่ยามแกถามว่าเป็นอะไร เราเลยเล่าทั้งน้ำตาก่อนที่พี่ก็จะหัวเราะออกมาเบาๆ
“ที่นี้ไม่มีคนตกตึกตายหรอก หอยังใหม่อยู่ แต่อาจจะเป็นเจ้าป่าเจ้าเขามาเตือนว่าไม่ให้ปีน แต่มาโหดหน่อย”
สรุปคือเรานั่งให้พี่ยามปลอบอยู่พักใหญ่และพวกเราสี่คนก็โดนหักคะแนนความประพฤติไปตามระเบียบ หลังจากนั้นเราทั้งสี่ก็ไม่คิดจะปีนหอเลย
เรื่องมันก็ประมาณนี้แหละค่ะ คิดว่าเป็นเหตุการณ์ที่จำได้เเม่นมากๆ เรื่องหนึ่งในชีวิตเลยก็ว่าได้ค่ะ
ขอขอบพระคุณที่มาเรื่องเล่าจากคุณซี ทางกล่องข้อความแฟนเพจ คลังสยอง

กดแชร์บทความ