กระทงเซ่นผีตรงทางสามแพร่ง เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยเราเรียนอยู่ชั้นมัธยม มันเป็นช่วงเวลาปิดเทอม พวกเราตกลงกันว่าจะไปเที่ยวบ้านเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม ที่อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พวกเราเดินทางกันไปเป็นกลุ่มใหญ่ ทั้งหมด 12 คน เมื่อสะพายเป้เดินทางไปถึง ก็มีพ่อแม่ญาติพี่น้อง ตลอดจนชาวบ้านแถวนั้น ยืนยิ้มร่า พวกเขามาต้อนรับพวกเรามากพอสมควร พวกเราซาบซึ้งจนน้ำตาคลอเมื่อต่างสัมผัสได้ถึงความรู้สึกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ความจริงใจ ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ เรายกมือไหว้ทักทายทุกคนราวกับรู้จักมักคุ้นกับมาแต่ปางบรรพ์ จากนั้นพวกเราก็นั่งล้อมวงบนเสื่อกินข้าว มีอาหารไม่กี่อย่าง พื้นๆ แต่รสชาติโคตรอร่อยเหาะ กินกันไปพูดคุยสัพเพเหระ ถามตอบกันครึกครื้น ทำให้พวกเราได้รู้ว่าคนต่างจังหวัดนั้นใสซื่อและเข้ากับคนต่างถิ่นอย่างพวกเราได้เป็นอย่างดี เมื่อกินอิ่ม พวกเรารีบเปลี่ยนเสื้อผ้า สวมผ้าขาวม้าคาดพุง มือถือเคียวและสวมงอบบังแสงแดด ออกไปร่วมกับชาวบ้านเกี่ยวข้าวกันอย่างไม่กลัวความร้อนและความลำบาก ทุกคนก้มๆ เงยๆ อยู่ในแปลงข้าว ส่งเสียงพูดคุยหัวเราะดังไปทั่วคุ้ง นานๆ จะเงยหน้าขึ้นสูดอากาศสะอาดๆ เข้าปอด เบื้องหน้าล้อมรอบไปด้วยทุ่งข้าวออกรวง สีทองเหลืองอร่ามพริ้วไสวไปมาด้วยสายลม เพลินจนบ่ายสามโมง ทุกคนเริ่มมีอาการคันยุกยิกจากการเกี่ยวข้าว พวกเราจึงได้พัก จากนั้นก็ชวนกันไปเล่นน้ำในคลองเป็นที่เฮฮาสนุกสนาน จนเย็นจึงถูกผู้ใหญ่ต้อนให้ขึ้นจากน้ำ เพราะทุกคนเล่นน้ำเล่นโคลนกันจนขึ้นหนวดเครา เขียวครึ้มไปทั้งหน้าทั้งตัว จนดำเหมือนน้องควายนั่นเอง เมื่อกลับถึงบ้านก็แย่งกันอาบน้ำโอ่ง ผลัดเปลี่ยนผ้าผ่อน ประแป้งหน้าขาววอก กินข้าวและเตรียมไปเที่ยวงานวัด พวกเราจะได้ดูหนังกลางแปลงที่ไม่ได้ดูมานานแล้ว เมื่อได้เวลาใกล้งานเริ่ม พวกเราช่วยกันแบกเสื่อสาดเดินตามกันไปวัด […]

คนกลัวศพ เรื่องเล่าเขย่าขวัญศพสึนามิ

เป็นเหตุการณ์ที่คุณโอไปประสบพบเจอมา แล้วนำมาเล่าให้คุณหมีฟังอีกทอดหนึ่ง มีใจความว่า เรื่องมันก็ผ่านมานานพอสมควรแล้วล่ะ ผมทำงานเกี่ยวกับสายข่าวอาชญากรรม ช่วงนั้นผมจำได้ดี เพราะมันเป็นช่วงที่ประเทศของเราเพิ่งจะประสบกับเหตุการณ์สึนามิ กว่าผมจะเคลียร์เรื่องเอกสารเสร็จและเตรียมลงพื้นที่ก็ปาเข้าไปกลางเดือนมกราคม ผมมีแพลนว่าต้องลงพื้นที่หกจังหวัดด้วยกัน เพื่อจะต้องเขียนสกู๊ปลงในคอลัมน์ ปกติแล้วผมทำข่าวเกี่ยวกับอาชญากรรม พบเจอกับเหตุการณ์น่าสยดสยองมาก็เยอะพอสมควร แต่เมื่อผมลงไปถึงพื้นที่ ๆ เกิดเหตุ ตัวผมเองถึงกับต้องเบือนหน้าหนีภาพที่อยู่ตรงหน้า ขอโทษนะครับ ศwเนี่ยเกลื่อนกลาดไปทั่วพื้นที่ ไม่ว่าจะมองไปยังจุดไหนมุมไหนเดินไปทางไหน ทุกที่จะต้องมีศwอยู่อย่างน้อย ๆ เลยหนึ่งถึงสองศw ภาพที่ผมเห็นทำให้ผมรู้สึกจิตตกและหดหู่ใจเป็นอย่างมาก ตัวผมเองทำงานคู่กับคนดังอยู่คนนึงที่ทำหน้าที่ชันสูตรพลิกศw ผมมองว่าถึงผมจะประจำการอยู่ที่นี่ ก็คงช่วยอะไรใครไม่ได้มากนัก เพราะเป้าหมายหลักที่ผมต้องเขียนลงสกู๊ปนั้นมีอยู่แค่ว่า สึนามิมันเข้ามาตอนไหน และทำไมผู้คนถึงไม่ทันรู้ตัว ผมเลยต้องเดินทางไปยังอีกจังหวัดนึง และขออนุญาตไม่เอ่ยถึงชื่อจังหวัด เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย จังหวัดนี้มีหมู่เกาะเล็ก ๆ อยู่หลายเกาะด้วยกัน ผมเลยต้องเดินทางไปยังเกาะนั้นทีนี้ที บางครั้งในตอนที่ผมนั่งเรือเดินทางข้ามเกาะ ผมยังเห็นศwลอยอยู่เป็นจุด ๆ ที่ร้ายกว่านั้นคือบางศwกลับลอยตามเรือที่ผมกำลังนั่งโดยสารอยู่ ผมมองด้วยใจอันหวั่น ๆ แล้วหันไปมองหน้าคนบังคับเรือ แต่เหมือนว่าเค้าจะไม่ได้ให้ความสนใจเท่าใดนัก ผมเลยต้องนั่งเงียบ ๆ โดยไม่ปริปากพูดอะไร ช่วงเย็นผมได้เข้าไปพักยังบังกะโลแห่งหนึ่งภายในเกาะ เกาะแห่งนี้ก็ไม่พ้นโดนสึนามิเช่นกัน เพราะงั้นโรงแรมดี ๆ ที่มีสภาพปกติจึงเหลือน้อยมาก ผมจึงได้ถามกับทีมงานของผมที่ประจำอยู่ที่นี่หลายวันแล้วว่าพอจะมีที่พักบ้างมั้ย ทีมงานตอบผมว่า มี […]

ตระบัดสัตย์! อาถรรพ์คนตีผึ้ง

“น้ำผึ้งเดือน 5” เป็นของหายากและมีราคาแพง เนื่องจากการที่จะหาน้ำผึ้งเดือน 5 มาได้สักขวดไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ต้องเข้าป่าใหญ่ใช้เวลาเดินทาง 2 วัน 1 คืน กว่าจะถึงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง พรานผึ้งเรียกกันว่า “ต้นผึ้ง” ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่มาก ลำต้นต้องใช้คนประมาณ 10 คน ถึงจะโอบลำต้นได้รอบ เมื่อ 20 ปีก่อน ณ ป่าใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดพะเยา มีพรานผึ้งพร้อมพวก 5 คน ออกเดินทางในยามเช้า ก่อนเข้าป่าแน่นอนว่าทุกคนต้องทำพิธีขออนุญาตเจ้าป่าเจ้าเขา โดยการจุดธูปแล้วบอกกล่าวจุดประสงค์ ว่าขอเข้าไปหาน้ำผึ้งป่าแต่เพียงอย่างเดียว เพื่อนำมาใช้ในการดำรงชีวิตเท่านั้น จากนั้นทุกคนก็เดินทางเข้าป่าลึก อย่างที่บอกใช้เวลา 2 วัน 1 คืนกว่าจะถึงต้นผึ้ง ระหว่างที่เดินทางเสบียงอาหารอาจจะไม่เพียงพอในขากลับ พรานผึ้งคนหนึ่งจึงยิงสัตว์ป่าไปหลายตัวเพื่อให้มีอาหารที่เพียงพอ ซึ่งพรานผึ้งที่เป็นหัวหน้าก็ไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ เพราะก่อนเข้ามาได้ขอเจ้าป่าเจ้าเขาว่าแค่มาเอาน้ำผึ้งเท่านั้น แต่ลูกน้องดันมายิงสัตว์ป่าแบบนี้โบราณถือว่าเป็นการ “ตระบัดสัตย์” อาจจะโดนอาถรรพ์เล่นงานได้ คนเป็นหัวหน้าก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก เกรงว่าจะเกิดการทะเลาะและหมางใจกัน ก็เลยเงียบ ๆ ไว้ คิดว่าเดี๋ยวค่อยขอขมาทีหลังก็แล้วกัน ทั้งหมดพากันเดินมาจนถึงต้นผึ้งก็เป็นเวลาย่ำค่ำ ต่างคนต่างเร่งจัดแจงสิ่งของที่ต้องใช้ แบ่งหน้าที่กัน […]

นกเน่า เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดมุกดาหาร เมื่อ 38 ปีที่ผ่านมา ตอนนั้นลุงทิวเพิ่งเรียนจบใหม่ ๆ จึงได้ไปสมัครเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้าอุปโภคบริโภค สมัยนั้นห้างตามต่างจังหวัดยังเป็นแค่ห้างเล็ก ๆ ลุงทิวก็จะไปจัดบูทตามร้านที่ใหญ่ ๆ หน่อย จนถึงเย็นก็กลับโรงแรม ช่วงนั้นทางบริษัทให้ลุงทิวเลือกคนขับรถไปคนนึง ลุงทิวจึงเลือกเอาคนที่สนิทที่สุด เป็นคนตัวใหญ่ สักเต็มตัว คนนี้ก็ได้มาขับรถให้ลุงทิวอยู่หลายปี สมัยนั้นมุกดาหารจะมีโรงแรมไม้อยู่แห่งหนึ่ง ผู้แทนทุกคนจะต้องเข้าพักโรงแรมนี้ วันนึงที่ลุงทิวและคนขับรถได้ขับผ่านอําเภอนาแก ก็ไปเจอเข้ากับนกเหยี่ยวที่ขายอยู่ร้านข้างทาง ลุงทิวใฝ่ฝันว่าอยากจะเลี้ยงมานานแล้ว ซึ่งทางร้านขายแบบเป็นคู่ ลุงทิวจึงหันไปถามคนขับรถว่าซื้อไปคนละตัวดีไหม คนขับรถก็ตกลงซื้อด้วย จากนั้นจึงได้นำเชือกผูกขานกแล้วใส่ไว้ในกล่อง พอขับรถผ่านตลาดสดนาแก ก็ได้แวะซื้อเนื้อแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อที่จะเอาไว้เลี้ยงนก ทั้งสองขับรถมาถึงโรงแรมเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ลุงทิวและคนขับรถจึงเอานกใส่ไว้ในลัง ลังละตัว แล้วก็นั่งทำงานต่อ ส่วนคนขับรถก็นั่งดื่มอยู่ข้าง ๆ จนเวลาประมาณเกือบ 2 ทุ่ม อยู่ ๆ ไฟก็ดับ แล้วคนขับรถก็วิ่งสวนออกไปนอกห้องทันที โดยที่ไม่พูดอะไรกับลุงทิวเลย ลุงทิวจึงไปเอาเทียนไขมาจุด แล้ววางไว้บนโต๊ะทำงาน โต๊ะทำงานจะหันหน้าไปทางโต๊ะกระจกแต่งตัว ด้านหลังจะเป็นเตียงนอน ลุงทิวนั่งทำงานไปสักพักก็รู้สึกเมื่อยตัว จึงเงยหน้าขึ้นมาแล้วสายตาก็เหลือบไปมองกระจกที่โต๊ะแต่งตัว ทันใดนั้น ก็เห็นเป็นลักษณะเงาของผู้หญิงดำ […]

เช็งเม้งขนหัวลุก เรื่องเล่าประสบการณ์หลอน

เมื่อประมาณปี พ.ศ.2522 ตอนนั้นเพิ่งปิดเทอมใหญ่ รอขึ้นชั้นมัธยมหนึ่ง ผมรู้สึกตัวเองโตมาก เมื่อถึงเทศกาลเช็งเม้งผมจึงไม่อยากไปร่วมด้วย ผมมองว่าเป็นเรื่องโบราณ ร้อนก็ร้อน อะไรๆ ที่ผู้ใหญ่ทำในตอนนั้น เด็กอย่างผมจะมองว่าล้าสมัย น่าเบื่อไปเสียหมด ผมมักต่อต้านแอนตี้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่ว่าพ่อผมดุมาก เจอบทลงโทษของพ่อ อาจจะถูกตัดเงินประจำสัปดาห์ไปเป็นเดือนๆ เหมือนพี่ชายคนโตของผมที่แอบไปดูดกัญชาแล้วพ่อทราบ เจอบทลงโทษหนึ่งเดือนเต็ม ต้องกินแต่ข้าวบ้านทุกมื้อ กินแต่ข้าวของที่มีแต่ในบ้าน ห้ามแม่หรือใครแอบให้เงิน หากรู้เจอเพิ่มอีกสิบเท่า พ่อทำจริงมาแล้ว ทุกคนจึงเกรงกลัวพ่อมาก ผมไปเช็งเม้งปีนั้นอย่างต่อต้าน ขึ้นรถก็โอ้เอ้ นั่งในรถก็ฟังซาวด์อเบาต์ที่ยุคนั้นกำลังฮิต พอเบื่อก็เอาเกมกดขึ้นมาเล่น เมื่อไปถึงสุสาน มักจะมีพวกโต๊ะข้าวต้มจับเกี้ยมที่พ่อมักเลี้ยงจัดคนมาด้วย เพราะคนที่มาไม่เพียงมีแต่ญาติ แต่พ่อจัดรถบัสขนาดใหญ่ไปอีกสี่คัน จึงมีทั้งเพื่อน ญาติ และใครก็ไม่รู้มาด้วย ทุกสุสานที่ไปจะมีการโยนเงินแจกทานอีก อาหารก็มีกิน ขนม แถมของชำร่วยที่แจกทุกสุสานอีก เทศกาลเช็งเม้งวันเดียวพ่อจะไปทุกสุสาน ทั้งอากงอาม่า อาแปะที่ตายไปแล้วและญาติคนอื่นๆ บางปีตอนเด็กไปกันถึงสิบแห่งก็มี ไปกันจนเหนื่อยเลย เหนื่อยขึ้นลงรถนี่แหละ ผมมักประชดให้แม่ได้ยิน เช็งเม้งที่ชลบุรี เมืองที่มีฮวงซุ้ยเยอะมาก ปีนั้นไปถึงที่แรก ผมขี้เกียจจำหรอกว่าหลุมของญาติคนไหน พอลงผมก็เดินหลบไปนั่งในโถงศาลาซึ่งก็แปลกดี อากาศร้อนมากแต่โถงศาลาพวกนี้จะเย็นสบายอย่างที่สุด พอเห็นคนเดินเสิร์ฟน้ำเย็นก็กวักมือเรียกให้นำมาเสิร์ฟ แม่เห็นเข้าก็เดินมาว่าผม ไปกวักมือเรียกพี่เขาแบบนี้ได้ไง […]

เรื่องห้ามเล่า ประสบการณ์หลอนรีสอร์ตนิรนาม

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อ 1 ปีที่แล้วระหว่างไปเที่ยวต่างจังหวัด ผมและเพื่อนอีก 3 คน มีชื่อว่า ไผ่ อีก 2 คนเป็นพี่น้องฝาแฝดกันชื่อว่า เขต กับ แดน พวกเราทั้งหมดได้ไปเที่ยวที่ต่างจังหวัดด้วยกัน แต่ก่อนที่พวกเราจะออกไปเที่ยวนั้น ก็ได้ทำการนัดกันไปไหว้พระขอพรที่วัดประจำหมู่บ้าน ก็มีเพียงแค่ผม เขตและแดนเท่านั้นที่ไปไหว้พระ สวนไผ่นั้นไม่ได้ไปเนื่องจากตื่นสายก็เลยยุ่งอยู่กับการเตรียมตัว หลังจากที่พวกเราทุกคนได้ออกไปเที่ยวกันทั้งวันจนเหน็ดเหนื่อยแล้ว แต่พวกผมไม่ได้จองที่พักกันเอาไว้ จึงต้องขับรถไปหากันเอาเอง ระหว่างทางก็ตกลงกันว่าจะซื้ออาหารและเครื่องดื่มเข้าไปในที่พักด้วยเลย เพราะเวลาตอนนั้นก็ดึกแล้ว และอีกอย่างทุกคนก็เหนื่อยจากการเดินทาง เราขับรถมุ่งหน้าไปได้สักพักก็เจอกับที่พักแห่งหนึ่ง เป็นรีสอร์ทซึ่งอ่านจากป้ายดู ทั้งเครื่องอำนวยความสะดวกและค่าเช่าก็ดูจะเหมาะสมกัน ทุกคนจึงตกลงเลือกรีสอร์ทแห่งนี้เป็นที่พักในที่สุด พวกเราเปิดห้อง 2 ห้องแยกกันพักเป็นคู่ พอเจ้าของรีสอร์ทพาทุกคนไปเดินดูที่พัก ทุกคนก็รู้สึกพอใจเพราะห้องของรีสอร์ทนั้นเพิ่งจะสร้างขึ้นมาใหม่เมื่อไม่กี่ปีนี้เอง หลังจากทุกคนจัดการเรื่องค่าเช่าแล้วก็จัดแจงเรื่องของกินกันแล้วก็แยกย้ายกันไป ในตอนนั้นผมก็รู้สึกแปลกๆ กับบรรยากาศบริเวณนั้นยังไงก็ไม่รู้ มันเงียบมาก ไม่มีแม้กระทั่งเสียงจิ้งหรีดร้อง หรือเสียงแมลง เรียกได้ว่าเงียบจริงๆ หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันเข้าห้อง ผมไปนอนกับไผ่ ส่วนฝาแฝดก็นอนกันอีกห้องหนึ่ง หลังจากผมเข้าห้องไปแล้วก็ได้นั่งคุยกับไผ่ ผลัดกันอาบน้ำแล้วออกมานั่งกินข้าว และหลังจากนั้นก็เตรียมดับไฟเข้านอน ก่อนที่จะนอนผมก็ได้ไหว้พระสวดมนต์ แต่ว่าไผ่เมื่อล้มตัวลงได้ก็นอนไปเลย ผมจึงหันไปบอกกับไผ่ว่า “เมื่อเช้าก็ไม่ได้ไปไหว้พระ ก่อนนอนมานอนต่างที่ต่างถิ่นก็ไม่คิดจะไหว้ขอเจ้าที่เจ้าทางก่อนเลยเหรอ” เมื่อไผ่ได้ยินคำพูดของผม จากที่นอนหงายจึงเปลี่ยนมานอนตะแคงหันหลังให้ผม แล้วก็พูดออกมาว่า […]

แค้นของมโนราห์ เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

แตร๊ด แตรด แตร่ แตร่ แตร่ แตร่ ว่า อ้อ ออ ออ อ้อ ออ ออ เสียงดนตรีกับเสียงร้องมโนราห์แว่วมายามดึก เลยให้นึก ถึงความเก่า แต่หนหลัง อันตัวเรา จะบอกกล่าว เล่าให้ฟัง เมื่อแต่ครั้ง เวลา กาลก่อนมา สมัยที่เรายังเด็ก ๆ เกิดคดีสะเทือนขวัญเกิดขึ้นในหมู่บ้าน นั่นคือที่หมู่บ้าน มีการจ้างคณะโนราห์คณะหนึ่งมาทำการแสดง ข้ามเขามาจากฝั่งพัทลุง เป็นคณะแสดงเล็ก ๆ คืนนั้นเราก็ได้ไปดูด้วย เพราะเราเป็นคนชอบดูมโนราห์ แต่รำไม่เป็น และหนึ่งในโนราห์ที่มารำ หน้าตาดี เราก็ดูจนจบก็กลับบ้านนอน ตื่นเช้ามา มีตำรวจมาที่หมู่บ้าน พ่อเราก็ไปฟังข่าว ก็กลับมาเล่าสู่แม่ฟัง เราเลยรู้ว่า มีผู้หญิงถูกฆ่ๅตๅย ด้วยการจับผูกคอกับต้นไม้ และคนที่ตๅยคือหญิงสาวหน้าตาดี ที่เป็นมโนราห์ที่มารำเมื่อคืนนี้เอง ถูกฆ่ๅที่ในป่าข้างหมู่บ้าน ตำรวจไปตรวจสอบแล้ว น่าจะเป็นการฆๅตรกรรมอำพราง เพราะการตรวจสอบ พบว่ามีร่องรอยการต่อสู้ในจุดไม่ไกลที่พบศพ แล้วกางเกงในก็ถูกถลก ตกอยู่ในพุ่มไม้ ตามเนื้อตัวศพก็พบรอยเหมือนถูกดูดเป็นจ้ำ ๆ ที่เต้านม บริเวณของลับก็มีคราบเลือดเกรอะ น่าจะถูกข่มขืuแล้วฆ่ๅ […]

กระท่อมกลางน้ำ เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

แสงแรกของวันส่องผ่านช่องของม่านหน้าต่างรถตู้เข้ามาในห้องโดยสาร ผมลืมตาตื่นพร้อมด้วยอาการปวดเมื่อยตัวเนื่องจากนั่งในท่าเดิมมาตลอดทั้งคืน เอื้อมมือไปเปิดให้ช่องของม่านขยายใหญ่ขึ้นเพื่อมองออกไปสำรวจสภาพบรรยากาศภายนอก รู้สึกแสบตายามเมื่อต้องแสงเพราะนอนไม่ค่อยหลับมาตลอดทั้งคืน อีกไม่กี่อึดใจพวกเราก็จะไปถึงที่หมาย ที่บ่อบำบัดน้ำเสียประจำจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน นับจากนี้ไปอีกแปดวัน มันจะเป็นที่ทำงานของผมและเพื่อนๆ ในคณะเดินทางที่มาด้วยกันอีกเจ็ดคน สถานที่แห่งนี้มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล ทั่วทั้งพื้นที่ประกอบด้วยบ่อบำบัดลักษณะเป็นบ่อพักน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่จำนวนมาก กระจายตัวอย่างเป็นระเบียบและมีแบบแผนคล้ายคันนาปลูกข้าว ในส่วนที่ไม่ได้เป็นบ่อก็จะเป็นพื้นดินซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยวัชพืชนานาพันธุ์ ด้วยบรรยากาศที่ค่อนข้างสงบ ร่มรื่น และค่อนข้างสบายๆ สวยงาม ในช่วงเวลากลางวันมันสามารถใช้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว หรือพักผ่อนหย่อนใจของชาวบ้านแถบนี้ได้เป็นอย่างดี รถเลี้ยวจากตัวถนนสายหลักเข้าไปยังอาณาเขตของบ่อบำบัด ขับเข้าไปอีกประมาณห้าร้อยเมตรก็ถึงบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งพวกเราจะต้องอาศัยเป็นสถานที่สำหรับปฏิบัติงานกัน ข้างของเครื่องใช้ อุปกรณ์ต่างๆ จึงถูกลำเลียงลงมา และจัดเตรียมไว้ที่นี่ หน้าที่ของพวกผมตลอดแปดวันต่อจากนี้นั้นไม่มีอะไรมาก หรือยุ่งยากซับซ้อนแต่อย่างใด เพียงแค่ให้คนใดคนหนึ่งหรือสองคน ถืออุปกรณ์สุ่มตัวอย่างน้ำ เดินลึกเข้าไปอีกในเขตของบ่อบำบัด เปิดฝาท่อตามจุดต่างๆ ที่ถูกกำหนดเอาไว้ในแผนผัง หย่อนอุปกรณ์ลงไป หลังจากนั้นก็นำกลับมาเก็บยังจุดพัก เพื่อรอให้รถมารับส่งตัวอย่างกลับไปยังกรุงเทพฯ เพียงแต่ว่าภารกิจนี้ ต้องทำตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ดังนั้น พวกเราแปดคนจึงถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มละสี่คน เพื่อเก็บตัวอย่างกลุ่มละสิบสองชั่วโมง วันแรกของการทำงาน ผมได้อยู่กะดึก ซึ่งต้องปฏิบัติงานระหว่างเวลาสองทุ่มถึงแปดโมงเช้า ในคืนนี้ ผมได้รับรู้ว่า ที่บ่อบำบัดแห่งนี้ไม่มีหลอดไฟติดเพื่อให้แสงสว่างเลยสักดวงเดียว ในขณะปั่นจักรยานลึกเข้าไป สองข้างทางมีเพียงต้นไม้ใบหญ้าสั่นไหวไปมา สร้างความสั่นคลอนให้แก่ประสาทไม่น้อย แสงไฟจากจักรยานก็ไม่สว่างพอจะทำให้อุ่นใจอะไรได้เลย ขณะจอดจักรยานและก้มตัวลงเปิดฝาท่อที่อยู่ริมคูน้ำ สายตาเหลือบมองไปมาและพบว่า ตรงข้ามคูน้ำเป็นที่ตั้งของฮวงซุ้ยจำนวนมาก […]

คนกินน้ำมันพราย เรื่องเล่าสยองขวัญ

อิทัง สัพเพเปรตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา ขอผลบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงจงมีความสุข นี่เป็นเสียงสวดของหลวงตารอด ซึ่งมักจะท่องบทแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลทุกครั้ง หลังจากลืมตาออกจากการเจริญภาวนา ทุกค่ำคืนที่แสนเย็นเยือก ฉันจะได้ยินเสียงท่องบ่นท่ามกลางความมืดที่เงียบสงัด ทำให้ฉันซึ่งนอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเก่าภายในห้องของหลวงตา อดที่จะลืมตาขึ้นมองไปยังร่างผอมบางของหลวงตารอดไม่ได้ แว้บหนึ่งที่มองไปเบื้องหน้าของหลวงตารอด ฉันถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งตัว ด้วยคล้ายจะมองเห็นหรือสัมผัสบางสิ่งบางอย่างซึ่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะหมู่บูชา สิ่งที่ฉันเห็นปรากฏอยู่ในรูปร่างของผู้คน ทั้งเด็กและแก่ กำลังนั่งพนมมือก้มหน้า หมอบลงกับพื้น คล้ายคนกำลังรับศีลรับพร ก่อนที่ฉันจะยกมือขึ้นขยี้ตา เงารางๆ ของผู้คนเหล่านั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว ทำไมไม่นอนล่ะเณร หลวงตารอดหันมามองดูฉันพร้อมยิ้มออกมาน้อยๆ ที่มุมปาก ฉันลุกขึ้นมองฝ่าแสงสลัวของเปลวเทียน ก่อนจะมองรอบๆ ห้องของกุฏิไม้เก่าที่หลวงตารอดอาศัยคุ้มแดดคุ้มฝน มองหาอะไรหรือ ไม่มีอะไรแล้วนอนเถอะ เสียงนั้นอ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยความปราณีจนฉันสัมผัสได้ หลวงตารอดเป็นพระผู้ใหญ่ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ เพราะท่านเป็นนักปฏิบัติ ไม่ยึดติดกับวัตถุและเลือกปฏิบัติ ท่านมีความรู้ความสามารถในการรักษาผู้ป่วยด้วยสมุนไพร และเป็นหมอดูใบพลูที่แม่นยำ กุฏิของท่านจึงไม่ค่อยว่างเว้นญาติโยม พวกเขาล้วนแต่มาพึ่งบารมีของท่าน ตลอดเวลาที่ฉันบวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดแห่งนี้ ฉันได้รับรู้และพบเจอเหตุการณ์หลายอย่างที่ชวนฉงนใจยิ่งนัก บางสิ่งบางอย่างฉันเองก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้ ยิ่งนานวันทำให้ฉันอดนึกไม่ได้ว่า ในโลกใบนี้ยังมีสิ่งที่ชวนพิศวงซุกซ่อนอยู่มากมาย และรอคอยให้พวกเราได้ค้นหาคำตอบ บ่ายแก่ๆ วันนั้น หลังจากที่ฉันก่อไฟต้มน้ำชาให้หลวงตาเรียบร้อยแล้ว ก็ถือไม้กวาดทางมะพร้าวเดินตรงไปยังหน้าลานวัด แต่ขณะที่กำลังลงมือกวาดเศษใบไม้อยู่นั้น เสียงผู้คนหลายคนที่สาวเท้าวิ่งตรงมายังหน้าวัดก็ดังขึ้น […]

ตราสังจำเป็น เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เมื่อตอนช่วงเข้าพรรษาในปี 2540 ผมได้บวชเป็นพระอยู่วัดหนึ่งที่ตำบลเขาทราย จังหวัดพิจิตร ซึ่งในปีนั้นผมจำได้ว่ามีพระบวชใหม่จำนวน 5 รูป รวมทั้งตัวผมเองด้วย และเรื่องราวที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ มันได้เกิดขึ้นในขณะที่ผมบวชเป็นพระนี่เอง ผมยังจำได้ดีถึงวันเกิดเหตุสยองขวัญที่ทำให้ผมต้องจดจำไปตลอดชีวิต มันเป็นวันหนึ่งหลังจากที่ผมบวชได้ประมาณเดือนกว่าๆ วันนั้นได้มีโยมมานิมนต์พระที่วัด เพื่อให้ไปสวดบังสุกุลเป็นบังสุกุลตายหลายราย จนกระทั่งพระในวัดไม่มีใครอยู่แล้วนอกจากผมเพียงรูปเดียว และได้มีญาติของผู้ป่วยคนหนึ่งเดินทางมานิมนต์พระ พระที่วัดให้ไปช่วยสวดส่งวิญญาณให้กับผู้ป่วยด้วยโรคเอดส์ซึ่งคิดว่าไม่รอดแน่ๆ ในวันนั้น แม้ว่าผมจะเป็นพระใหม่ แต่ในเมื่อญาติโยมมานิมนต์ผมจึงไม่อาจขัดได้ จึงจำเป็นต้องเดินทางไปทั้งที่ตอนนั้นยังไม่มีความรู้อะไรมากนัก ตอนนั้นก็เพียงสวดได้แค่บังสุกุลเท่านั้น และผมไม่คิดว่าจะต้องเจอกับศึกหนักดังที่จะเล่าต่อไปนี้ เมื่อผมเดินทางไปถึงบ้านของผู้ป่วย ได้พบว่าผู้ป่วยอยู่ในอาการหนักมากเป็นชายอายุประมาณ 25 ปี ซึ่งใครๆ ที่เห็นต่างก็รู้ว่าเขาคงไม่รอดพ้นไปจากคืนนี้แน่ ญาติจึงขอให้ผมช่วยสวดส่งวิญญาณเนื่องจากต้องการให้ผู้ป่วยจากไปในขณะที่พระสวดอยู่ข้างๆ เพื่อวิญญาณจะได้ไปอย่างสงบ แล้วมันก็จริงดังว่า เพราะเพียงไม่นานนักผู้ป่วยรายนี้ก็สิ้นลมจากไปจริงๆ ไปโดยที่มีพระนั่งสวดอยู่ข้างๆ ท่ามกลางญาติพี่น้องที่ร้องไห้กันระงม ตอนนี้แหละครับที่ผมลำบากใจเป็นที่สุดเพราะหลังจากที่ผู้ป่วยสิ้นลมไปแล้ว ญาติๆ ได้ขอร้องให้ผมทำพิธีมัดตราสังพร้อมกับบรรจุศพใส่โลงซึ่งเตรียมไว้เรียบร้อย ผมเองตอนนั้นก็ไม่มีความรู้ในเรื่องพิธีกรรมเหล่านี้เลย แต่เมื่อถูกขอร้องผมจึงจำเป็นต้องทำ อาศัยที่ผมเคยอ่านจากหนังสือเกี่ยวกับการจัดพิธีศพมาบ้าง ผมก็เลยจำต้องลงมือทำพิธีอย่างเสียไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างญาติผู้ตายจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ผมจึงจำเป็นต้องนำด้ายสายสิญจน์มามัดศพ สวดก็สวดไม่เป็น ได้แต่ท่องบทสวดเท่าที่สามารถสวดได้ไปพลางๆ ขณะทำพิธี ผมเริ่มมัดศพที่บริเวณหัวแม่มือทั้งสองข้างแล้วลากไปมัดที่ข้อเท้า ตามไปด้วยเอวและข้อมือ จนกระทั่งไปจบด้วยการมัดที่บริเวณลำคอของศพ โดยขณะที่มัดนั้นผมก็พยายามสวดเท่าที่สวดได้ กระทำพิธีศพอย่างงูๆ ปลาๆ ทำเท่าที่จำได้จากในหนังสือที่เคยอ่าน แม้รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องเลย […]