เปรตพระที่ถ้ำบนเขาจังหวัดเลย เรื่องเล่าสยองขวัญ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมเจอมากับตัวครับ เรื่องอาจไม่มีสตอรี่อะไรมาก แต่ก็ถือเป็นไม่กี่ครั้งในชีวิตที่เจอแบบจังๆ กลางวันแสกๆ เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงที่มหาลัยผมพึ่งจะสอบเสร็จครับ นักศึกษาหลายคนยังไม่กลับบ้านเพราะต้องรอเคลียร์งานค้างต่างๆ ผมก็เป็นหนึ่งคนที่ยังไม่กลับบ้าน เพราะนอกจากจะต้องจัดการงานค้างต่างๆ แล้ว ยังเป็นช่วงที่เหมาะกับการขับรถเที่ยวชิลๆ ก่อนไปพักผ่อนยาวที่บ้าน จังหวัดที่ผมเรียนอยู่มีภูเขาเยอะมากครับ ที่เที่ยวส่วนใหญ่ก็จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะผมที่ชอบเที่ยวตามวัดวาอารามด้วย วัดที่มีธรรมชาติงดงามจึงเป็นสถานที่ปักหมุดต้นๆ ของผมครับ ช่วงก่อนหน้านั้นหลายวัน ผมก็บ่นกับพี่คนนึงที่สนิทกันว่าเบื่อๆ ไม่มีอะไรจะทำ อยากไปเที่ยวโน่นนี่ ตามประสานักศึกษามหาลัยที่พึ่งจะสัมผัสคำว่าว่างครับ วันก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง พี่ผมคนนี้เลยส่งรีวิววัดถ้ำแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงพอสมควรเรื่องหินงอกหินย้อยที่งดงามมาให้ดู พี่: วัดถ้ำ. เคยไปยัง? ผม: ยังๆ พี่: ไปมั้ย? ผม: ไปๆ พรุ่งนี้เลยมั้ย พี่: เคๆ วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ทำภารกิจส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ผมก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปรับพี่ที่หอครับ อากาศวันนั้นถือว่าดีเหมาะแก่การเที่ยวมากเพราะไม่มีแดดเลย เราออกเดินทางกันประมาณ 11 โมงครับ ระหว่างทางมีฝนพรำนิดหน่อยแต่ไม่ถึงกับเปียก ทางเข้าค่อนข้างคดเคี้ยวพอสมควร ต้องผ่านไร่นาและสวนยางของชาวบ้านเข้าไป ผมขับรถมาเรื่อยๆ จนมาถึงที่หมายใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงครับ พอมาถึงวัดก็มองหาถ้ำแต่ก็ต้องผิดหวังกันครับ เพราะเป็นช่วงหน้าฝน ทางวัดเลยปิดถ้ำเพราะไม่สะดวกในการลงไป และป้องกันอันตรายจากการลื่นล้ม ผมกับพี่จึงได้แค่ไหว้พระและขอพรพญานาคหน้าปากถ้ำครับ พอที่หมายแรกล้มเหลวไปแล้ว […]

เลี้ยบ..เพื่อนรัก เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

สวัสดีพี่ๆ ทีมงานเดอะช็อคทุกคน ผมชื่อชิครับ เรื่องที่จะนำมาเล่าวันนี้เป็นประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นกับผมเอง เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่ผมกับเพื่อนอายุ 25 ปี ผมมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อเลี้ยบครับ ผมกับเลี้ยบสนิทกันมากเพราะว่าบ้านเราอยู่ใกล้กัน เดินไปแป๊บเดียวก็ถึงบ้านเลี้ยบแล้ว แล้วพ่อแม่ผมกับพ่อแม่มันก็สนิทกันมาก ต้องบอกว่าผมกับเลี้ยบเรียนด้วยกันตั้งแต่อนุบาล ประถมก็เรียนด้วยกัน มัธยมก็เรียนด้วยกัน จนมา ปวช. เราก็เรียนโรงเรียนเดียวกันครับ ตอนเช้ามันก็จะมารับผมแล้วเดินไปป้ายรถเมล์พร้อมกันเพื่อรอขึ้นรถเมล์ไปเรียนนั่นเอง วันนั้นผมจำได้ดี เป็นวันจันทร์ เลี้ยบก็มารับผมตามปกติ แต่ครั้งนี้มันมาแปลกครับ ทุกครั้งที่เดินไปหน้าปากซอยมันจะเป็นคนเฮฮา ตลก ชอบเล่นอะไรแผลงๆ วันนั้นมันนิ่งมากครับ เดินก้มหน้าก้มตา ผมก็ถามว่าเลี้ยบเป็นอะไรวะ มันก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร ไปเหอะ รีบไปเรียนดีกว่า ก็ไปเรียนกันครับ พอรถมาก็นั่งรถไปเรียน แต่ท่าทีที่แปลกของมัน มันไม่คุยกับผมเลย เป็นอะไรที่ผมแปลกใจมาก ผมพยายามถามมันก็ไม่บอก บอกแต่ว่าไม่เป็นอะไร ถามว่าไม่สบายรึเปล่า มันก็บอกว่าไม่ สบายดี ผมก็เลยไม่ได้ถามอะไรต่อ พอถึงโรงเรียนก็ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไป ตัวผมเรียนก่อสร้าง ส่วนไอ้เลี้ยบเรียนช่างไฟ พอมาถึงช่วงเย็นผมก็จะรอเลี้ยบอยู่หน้าโรงเรียนวันนั้นผมรอนานมาก เลี้ยบไม่มาสักที จังหวะนั้นพอดีหันไปเห็นเพื่อนเลี้ยบกำลังเดินมาพอดี ผมก็เลยถามว่า เฮ้ย! ไอ้เลี้ยบไปไหนวะ? เมื่อตอนเที่ยง ไอ้เลี้ยบมันโดดเรียนไปไหนก็ไม่รู้ เพื่อนของเลี้ยบมันก็ตะโกนกลับมา ผมก็สงสัยว่า เอ๊ะ […]

โป่งผีดุ อาถรรพ์ในป่าลึก เรื่องเล่าสยองขวัญ

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่พรานล่าสัตว์เล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ชวนขนลุกไปป่าลึก พราณลุม เป็นพรานเฒ่าอายุเยอะมากแล้ว แต่ก็ยังเป็นพรานที่เจนป่าอยู่ คนรุ่นเดียวกับแกต่างก็เลิกเป็นพรานไปหมดแล้ว แต่แกก็ยังใช้ชีวิตเป็นพรานป่าเก็บของป่ามาขายในเมืองบ้าง ล่าสัตว์มาขายบ้าง นำทางให้นักท่องเที่ยวบ้าง ถึงอายุจะเยอะ แกก็เป็นพรานที่มีคาถาอาคม ไม่ว่าจะเข้าป่าถิ่นไหนแกจึงไม่กลัว เพราะความที่เป็นคนมีวิชาติดตัว มีอยู่ครั้งหนึ่ง แกแบกปืนเข้าป่าไป 2 วันแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้สัตว์สักตัวจึงทำให้แกหงุดหงิดมาก แกจึงตัดสินใจไปที่โป่งโพง ที่ซึ่งชาวบ้านล่ำลือกันว่าผีดุ ไม่มีใครกล้าเข้าไปล่าสัตว์ที่นั่น ด้วยความหงุดหงิดที่เข้าป่ามาถึง 2 วัน แล้วยังไม่ได้สัตว์สักตัว พรานลุมจึงเดินทางไปที่โป่งโพง เดินทางกว่าจะไปถึงก็ดึกสงัดมาก พรานลุมขึ้นไปนั่งคอยดักยิงสัตว์อยู่บนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง รออยู่เป็นนานก็ไม่มีตัวอะไรผ่านมาเลย แกจึงตะโกนออกมาด้วยความหัวเสียว่า สัตว์มันหายไปไหนกันหมดวะ รึผีป่ามันจะเอาไปกินหมด ไม่เหลือไว้ให้กูล่าบ้างเลยโว้ย! หลังจากตะโกนออกไปได้พักเดียว ก็ปรากฏความเคลื่อนไหวขึ้นที่พื้นป่าด้านล่างทันที พรานลุมรีบเงียบเสียงเพ่งดูว่าเป็นตัวอะไร แกมองว่าเป็นสมเสร็จ สัตว์ซึ่งถือว่าเป็นตัวอัปมงคลของพรานทั้งหลาย เนื่องจากเป็นสัตว์ที่รวมลักษณะของสัตว์หลายอย่างไว้ในตัวเดียวกันไม่มีลักษณะเฉพาะเป็นของตัวเอง พรานรุ่นเก่าเล่าต่อกันมาว่า ถ้ายิงไปโดนส่วนไหนของสมเสร็จมันจะร้องเป็นเสียงของสัตว์ชนิดนั้น พรานลุมยิ่งโมโหใหญ่ เมื่อเห็นว่าเป็นตัวอะไรเพราะนี่มันตัวอัปมงคลสำหรับพราน ยิ่งหาสัตว์ไม่ได้อยู่ยังมีตัวอัปมงคลโผล่ออกมาอีก ด้วยความโมโหพรานลุมจึงยิงปืนไปที่สมเสร็จตัวนั้น ปรากฏว่ามันมีเสียงร้องออกมาเป็นเสียงหมู พรานลุมจึงชะงักไป แกบอกว่าตอนนั้นงงด้วย เคยแต่ฟังพรานคนอื่นเล่า เพิ่งได้เจอกับตัวเองก็วันนี้นี่เอง ที่เขาว่ายิงโดนส่วนของสัตว์ชนิดไหนมันจะร้องเป็นเสียงของสัตว์ชนิดนั้น แต่สมเสร็จตัวนั้นก็ยังไม่ตาย มันพยายามหนีออกจากที่ตรงนั้น พรานลุมก็พูดว่า ไอ้นี่มันหนังเหนียวแฮะ เอาไปอีกนัดละกัน แล้วยิงซ้ำไปอีกหนึ่งนัด ปัง! คราวนี้มันร้องเป็นเสียงช้างดังลั่นป่า แต่มันก็ยังไม่ตาย […]

กล่องมอญ ของอาถรรพ์จากสวนจตุจักร!

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่บ้านของคุณเล็กแถวลำลูกกา เมื่อปี พ.ศ.2554 ส่วนตัวคุณเล็กนั้นชอบสะสมของเก่า ชอบเดินหาของเก่าตามสวนจตุจักร แล้วมีอยู่วันหนึ่ง ก็นัดกับเพื่อนไปที่สวนจตุจักร เพื่อไปหาดูของเก่า วันนั้นก็มีเพื่อนอีก 3 คน รวมคุณเล็กด้วยเป็น 4 คน คุณเล็กก็เดินไปเรื่อย ๆ และเดินผ่านร้านขายของเก่าร้านหนึ่งที่ขายกล่องไม้ คุณเล็กก็ไปสะดุดตากล่องไม้สีดำฝังมุก เป็นลายไทย สวยมาก ก็ถามลุงเจ้าของร้านว่า พี่นี่กล่องอะไร สวยจัง ลุงเจ้าของร้านตอบว่า ไม่รู้ ก็ไปซื้อเหมา ๆ มา น้องชอบไหมล่ะ พี่พยายามเปิดมาตั้งนานแล้ว แต่เปิดไม่ออก คุณเล็กก็หยิบกล่องขึ้นมาดู ลักษณะของกล่อง กว้าง 10 นิ้ว ยาว 15 นิ้ว เป็นไม้สีมัน ๆ ฝังมุกเป็นลายไทย มีรอยฝาปิด แต่ไม่มีกลอนล็อก ไม่มีรูกุญแจ พอเขย่า ๆ กล่องก็มีเสียง ก็อกแก็ก ๆ อยู่ข้างในกล่อง สุดท้ายแล้วคุณเล็กก็ซื้อกล่องใบนี้มา และเดินมาหาเพื่อน เพื่อนก็ถามว่า ไปซื้อกล่องอะไรมาวะ […]

คุณไสยกระดูกผี เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เมื่อไม่นานมานี้​ เรามีโอกาสได้อ่านดวงจากนักพยากรณ์​ท่านหนึ่ง​ ว่าด้วยเรื่อง​ ราศีไหนกำลังจะโดนคุณไสย​ โดนคนทำของไม่ดีใส่​ เจออะไรค่ำ ๆ มืด ๆ ห้ามทัก​ พออ่านจบ​ อ้าว​นี่มันราศีเรานี่นา​ เเต่ตอนนั้นก็คิดว่ามันคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง​ เเต่ลึก ๆ แล้วก็บอกตัวเองว่า ระวังไว้หน่อยก็ดี จนเวลาผ่านไปอาทิตย์​กว่า​ วันนั้นเป็นช่วงบ่าย เราสังเกตุ​เห็นเงาคล้ายคนวิ่งไปวิ่งมา​ที่หน้าบ้าน​ ตอนนั้นเราลืมนึกเรื่องที่อ่านดวงไปเสียสนิท​ เราเลยตะโกนถามออกไป นั่นใครน่ะ​ แล้วเงานั้นก็หายไป​ จนตกค่ำเราได้กลิ่นเหม็นเน่าจากหน้าบ้าน​ กลิ่นเเรงมาก แต่แปลกที่คนในบ้านกลับไม่มีใครได้กลิ่นเลย​ กลิ่นแรงจนเวียนหัว จนเราเผลอสบถขึ้นมาว่า กลิ่นเ_ี้ยอะไรวะเนี่ย​ อะไรตายวะ! พอเราพูดจบ แม่หันมาตีเเขน​ มันดึกมันดื่นจะพูดทำไม? เราเลยบอกแม่ว่ามันเหม็น​ จนสุดท้ายเราก็หนีขึ้นไปนอน​ คืนนั้นเวลาประมาณ​ตี 2 เราสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงคนเรียกชื่อ​ เรียกอยู่นานมาก​ เสียงนั้นเย็นยะเยือก​จนน่าขนลุก​ เเต่เราก็ไม่ขานรับ​ ได้เเต่นอนกอดหมอนข้างข่มใจไว้​ด้วยความกลัว จนถึงช่วงเช้ามืด​ เราได้ยินเสียงเเม่เอะอะ​โวยวายลั่นบ้าน​ ตะโกนถามคนในบ้าน ปลุกจนตื่นหมดทุกคน ญาติข้าง ๆ บ้านก็ตกใจตื่น กำลังจะวิ่งมาที่บ้าน​ แต่ต้องชะงัก​เพราะตรงหน้าบ้านมีกองผงถ่านสีเทา ๆ ดำ ๆ […]

ตุงแดงข้างทาง เรื่องเล่าสยองขวัญ

เมื่อปี พ.ศ. 2539 ตอนที่ผมเรียนอยู่ ปวช. ปี 1 พอสอบกลางภาคเสร็จ ช่วงเดือนตุลาคม ผมก็ได้กลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ที่จังหวัดสมุทรปราการ ที่นั่นมีพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่สนิทกับครอบครัวผมมาก เป็นคนจังหวัดตาก แกกำลังจะพาครอบครัวกลับไปเยี่ยมบ้าน 1 สัปดาห์ แกเห็นผมว่างๆ อยู่ เลยชวนผมไปเที่ยวด้วย ผมเองไม่เคยไปเที่ยวภาคเหนือก็เลยตอบตกลง เราเดินทางไปโดยรถปิคอัพของพี่เขา พี่เขาเป็นคนขับ มีภรรยาแกนั่งหน้า และมีลูกชายชื่อ น้องบอย อายุประมาณ 6 ขวบนั่งแค็บหลังกับผม น้องบอยมีเป้ใบหนึ่งสะพายหลัง ในเป้มีหุ่นยนต์และหนังสือการ์ตูน พวกเราเดินทางไปเรื่อย แวะปั๊ม จอดกินข้าวบ้าง จนถึงเวลา 6 โมงเย็น เหลืออีกไม่กี่กิโลเมตรจะถึงที่หมาย พี่เขาเกิดปวดท้องหนักขึ้นมา แต่แถวนั้นมันไม่มีปั๊ม แล้วสองข้างทางมีแต่ป่า แกเลยตัดสินใจจอดรถลงไปปลดทุกข์ในป่า ผมเลยขอลงไปปัสสาวะด้วย ซึ่งน้องบอยก็ขอลงมาเหมือนกัน พี่เขารีบวิ่งเข้าไปในป่า ส่วนผมก็ยืนทำธุระไป โดยหางตาผมเห็นน้องบอยเดินไปที่ต้นก้ามปูที่อยู่ใกล้ๆ พอผมทำธุระเสร็จก็เรียกน้องบอย น้องบอยก็เดินออกมาจากหลังต้นก้ามปู ส่วนพี่เขาก็ออกมาจากป่าพอดี เลยพากันขึ้นรถออกเดินทางต่อ ตอนที่ขับรถออกมาแล้ว ผมสังเกตว่าพี่เขามองกระจกหลังอยู่ 3-4 ครั้ง จนแกบอกผมที่นั่งอยู่ข้างหลังแกว่า ลองหันไปดูกระบะหลังหน่อย […]

บ่อร้างท้ายสวน เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนนะคะ ค่ำคืนนี้ก็มีเรื่องมาเล่ากันอีกเช่นเคย บอกก่อนเลยนะคะ ว่าเรื่องนี้อาจต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านเพราะเป็นประสบการณ์อันเหลือเชื่อและเป็นความเชื่อส่วนบุคคลค่ะ คุณย่าจำรัส ในวัยแปดสิบเจ็ดปี ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ตรง ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวของท่านให้เราฟัง คุณย่าจำรัสพื้นเพท่านเป็นคน อ.เสาไห้ จ.สระบุรี แต่ไปแต่งงานมีครอบครัวอยู่ที่ จ.พิจิตร พ่อแม่สามียกบ้านพร้อมที่ดินให้ผืนหนึ่ง อยู่ในอำเภอที่มีเขตติดต่อกับจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ดินผืนนี้มีอาณาเขตประมาณสามไร่ ตัวบ้านปลูกอยู่บริเวณด้านซ้ายของที่ดิน ส่วนด้านขวาจะปลูกต้นกล้วยตานีเรื่อยลงไปจนติดเชิงเขา ด้านหลังสวนกล้วยตรงตีนเขา มีบ่อน้ำอยู่บ่อหนึ่ง เป็นบ่อน้ำลึกหลายสิบเมตร ไม่ได้ใช้มาหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่ไฟฟ้าน้ำประปาเข้าถึง บ่อน้ำท้ายสวนกล้วยก็หมดบทบาทลงไป ที่ตีนเขามีกระท่อมอยู่หลังหนึ่ง มีพี่สาวของสามีคุณย่าจำรัสอาศัยอยู่ ชื่อว่า คุณย่าเจียม ย่าเจียมแกสติไม่ดี วันๆ แกเอาแต่หัวเราะ บางทีก็ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร บางทีก็กรีดร้องแล้ววิ่งไปเกาะขอบบ่อน้ำ บางทีก็พร่ำเพ้อถึงแต่ผีสาง คุณย่าแกก็กลัวไม่อยากไปยุ่งด้วย เห็นแต่สามีคอยเอาข้าวเอาน้ำไปส่งให้ตอนเช้ากับเย็น แกเคยถามสามีถึงเรื่องที่ทำให้ย่าเจียมแกต้องเสียสติแบบนี้ สามีแกก็เลยเล่าให้ฟังว่า ตอนย่าเจียมเป็นสาว ย่าเจียมเป็นคนสวย มีผู้ชายมาติดพันมากหน้าหลายตา ล้วนแล้วแต่เป็นคนมีฐานะดีทั้งสิ้น แต่ด้วยเหตุผลใดไม่อาจทราบได้ ย่าเจียมแกกลับมิได้ทำตัวให้มีคุณค่าสมกับรูปลักษณ์หน้าตาอันงดงามเพียบพร้อมของแก แกกลับทำตัวตกต่ำคบแต่นักเลงสุรา นักเลงหัวไม้ คบพวกอันธพาลคอยเกะกะระรานเขาไปทั่ว ย่าเจียมในวัยสาวแรกรุ่น ต้องหมดคุณค่าลงเพราะทำตัวเกกมะเหรกเกเร กินเหล้าเมายา ไม่ผิดกับนิสัยของผู้ชาย ต่อมาไม่นานย่าเจียมก็ท้อง ท้องโดยมิรู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็ก แต่ย่าเจียมแกก็ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อน แกก็ยังคบเพื่อนกินเหล้าสรวลเสเฮฮา ดูเหมือนแกมิได้ยินดียินร้ายกับหนึ่งชีวิตอันบริสุทธิ์ที่กำลังจะเกิดมา […]

“บาตรแตก” อาถรรพ์คุณไสย อวิชชาไสยดำ

ลุงวงค์ เป็นผู้ให้ข้อมูลว่า “บาตรพระแตก” เป็นไสยดำอีกประเภทหนึ่งที่มีอันตราย ถ้าหมอคุณไสยไม่เก่งจริงและไม่มีฝีมือทางไสยศาสตร์เวทมนต์อาคม รับรองว่าแก้และถอนไม่ได้เป็นอันขาด ยกเว้นผู้รู้และผู้เรืองอาคมเท่านั้นที่จะแก้ล้างอาถรรพ์ของบาตรพระแตกนี้ได้ พร้อมกับเผยว่า มีหลานชายของแกไปแต่งงานกับหญิงต่างหมู่บ้าน ซึ่งก่อนจะได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นเมีย หลานชายต้องผ่านด่านอรหันต์มา เลือดตาแทบกระเด็นเนื่องจากมีคู่แข่งหลายคน แต่ละคนล้วนแต่มีดีกันทั้งนั้น อาทิ เป็นลูกชายของกำนันผู้มีอิทธิพล เป็นลูกของผู้กว้างขวาง เป็นลูกของข้าราชการและอื่นๆ สำหรับญาติคนนี้เป็นลูกชาวนาแล้วยังเป็นคนต่างถิ่นอีกด้วย แกยังเคยห้ามหลานชายมิให้ไปแย่งผู้หญิงคนเดียวกันกับคนอื่น พอมีปัญหาแล้วกลัวจะสู้คนพวกนั้นไม่ได้ แต่ก็ให้กำลังใจหลานชายให้ประสบความสมหวัง และนึกไม่ถึงว่ามีใครสักคนเล่นของไสยดำ ซึ่งเป็นอีกวิธีที่สกปรก น่าเป็นห่วงและอันตราย ไม่เหมือนวิธีลอบยิงซึ่งหากดวงเราไม่ขาดไม่ต้องกลัว ปรากฏว่าหลานชายของแกได้แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ หลังจากชิงดีชิงเด่นกับหนุ่มๆ หลายคนในหมู่บ้านและคนต่างถิ่น นึกว่าเรื่องจะจบลงด้วยดีแต่ผิดคาด ปรากฏว่าหลานชายของแกเจอดีถูกจองเวรตามกัดไม่ปล่อย เพียงแต่ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นหมาลอบกัดลับหลัง จนเดือดร้อนมาถึงแกที่ต้องไปช่วย ทั้งที่เคยเตือนและบอกหลานชายให้ระวังตัวเสมอ แต่หลานไม่เคยเชื่อที่แกแนะนำเรื่องมันถึงได้วุ่นวายไม่จบ ถ้าไม่เห็นแก่ญาติผู้ใหญ่แกจะไม่ไปช่วยหลานชายคนนี้เลย หมั่นไส้ที่มันไม่ฟัง แต่ก็ยอมรับในฝีมือหลานชายที่สามารถคว้าผู้หญิงคนนี้มาเป็นเมียได้ แกเท้าความหลังให้ฟังว่า หลังจากแต่งงานได้ 6 เดือน ยังอยู่ในระหว่างข้าวใหม่ปลามันตามประสาหนุ่มสาว พอย่างเข้าเดือนที่ 7 หลานชายคนนี้ก็มีความผิดปกติเกิดขึ้นเป็นคนละคน จากเป็นคนดีดี กลายมาเป็นคนเสียสติทะเลาะกับคนในบ้านทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่เมียตัวเอง จนบ้านร้อนระอุเต็มไปด้วยไฟแห่งความเดือดร้อน สาเหตุเพราะมีคนเอาบาตรพระแตกแอบมาฝังไว้ในดินใต้ถุนบ้านนั่นเอง เจตนาเพื่อต้องการให้เกิดความแตกแยกในครอบครัวของญาติคนนี้ ทุกครั้งที่หลานชายทะเลาะกับเมียหรือคนในบ้าน จะเกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมา ทำให้คนในบ้านของเมียหวาดกลัว ช่วยกันจับเอาเชือกมัดตัวล่ามเอาไว้มิให้อาละวาด […]

เปียก! เรื่องเล่าสยองขวัญ

ประสบการณ์ของคุณนัท เรื่องมันมีอยู่ว่า สมัยที่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแล้วต้องไปฝึกงานตามโรงแรม ก็ยกแก๊งกันไปฝึกงานที่ภูเก็ต แล้วก็ไปอาศัยนอนตามบ้านว่างๆ ของคนที่เพื่อนรู้จัก เค้าไม่คิดค่าเช่าเลย คิดแต่ค่าน้ำค่าไฟ สิ่งที่แปลกก็คือบ้านหลังนี้เป็นหลังเดียวในหมู่บ้านที่ไม่มีศาลพระภูมิ แต่เพื่อนๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก มีแต่คุณนัทที่รู้สึกไม่ค่อยดีอยู่คนเดียว ก็เลยชวนเพื่อนจุดธูปไหว้เจ้าที่กัน ผ่านไปเดือนนึงก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ มีแค่ความรู้สึกเหมือนโดนจ้องอยู่ตลอดเวลาของคุณนัทเพียงคนเดียว วันหนึ่งทั้งแก๊งก็ยกพวกไปเที่ยวกันในตัวเมือง แต่พอขากลับเพื่อนคุณนัทเป็นคนขับ พอขับมาจะถึงบ้านแทนที่จะจอดรถกลับขับเลยตัวบ้านไปเลย คุณนัทก็สงสัยว่าจะขับเลยบ้านทำไม ลืมบ้านตัวเองเหรอ เพื่อนก็ถามกลับว่าเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวๆ นั่งหน้าบ้านไหม ซึ่งคุณนัทก็ไม่เห็นว่ามีใครเลย พอขับวนกลับมาดูอีกรอบคุณนัทก็ลงไปดูเองกับตา ก็ไม่เห็นมีใคร เพื่อนก็เลยขับเข้ามาจอดตามปกติ ขณะที่ทุกคนลงจากรถเตรียมจะเข้าบ้านนั้นเอง หมวกกันน็อคที่วางคว่ำไว้อยู่แถวนั้น อยู่ดีๆ ก็หงายขึ้นมาเองเฉยๆ ทั้งที่ไม่มีลมหรืออะไรไปสัมผัสเลย ทุกคนตกใจก็รีบวิ่งเข้าบ้านกันหมด คืนนั้นระหว่างที่นอนๆ อยู่ คุณนัทก็ฝันว่าลงไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แล้วมานั่งกินตรงห้องนั่งเล่น กินเสร็จก็จะมานอน ตอนนั้นเองก็เห็นผู้หญิงคนนึงใส่ชุดคนไข้ของโรงพยาบาล ผมยาวปิดหน้า มายืนชี้หน้าบอกว่าพวกมึงเก็บให้หมดเลยนะ เดี๋ยวนี้เลย!’ แล้วคุณนัทก็ตื่น พอตื่นมาก็เห็นว่าบ้านตัวเองนั้นรกมากเพราะอยู่กันตามประสาชายหนุ่ม เลยเข้าใจว่าเค้าคงมาบอกให้เก็บบ้าน แต่เพื่อนที่อยู่ข้างๆ นั้นก็ตื่นอยู่เหมือนกันแล้วก็งงว่าคุณนัทเป็นอะไร เพราะคุณนัทนอนๆ อยู่แล้วก็พูดว่าพวกมึงเก็บให้หมดเลยนะ แต่เสียงที่ออกมานั้นเป็นเสียงผู้หญิง ไม่ใช่เสียงคุณนัท! หลังจากเหตุการณ์นี้ทุกคนก็เริ่มกลัวๆ กัน แต่คุณนัทก็บอกว่าไม่มีอะไรมากหรอก ก็เราทำบุญจุดธูปไหว้ไปแล้วนี่ ทั้งที่ในใจคุณนัทเองก็ยังหวั่นๆ นั่นแหละ วันหนึ่งเพื่อนๆ ก็แยกย้ายกันไปเที่ยวแล้วไปนอนตามบ้านสาวบ้าง บ้านเพื่อนบ้าง เหลือคนนอนที่บ้านหลังนี้แค่สี่คน คุณนัทก็เหมือนจะฝันอีก […]

เวรกรรม เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเพื่อนของคุณวี อยากฝากไว้ให้เป็นแง่คิดเตือนใจเพราะเป็นเรื่องของการทำบาป เพราะคุณวีต้องการให้ผู้ที่คิดจะทำผิดเปลี่ยนใจหันมาเลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง เรื่องสยองนี้ทำให้คุณวีเชื่อแล้วว่า บาปกรรมนั้นมีจริง ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีที่แล้ว คุณวีศึกษาอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รู้จักกับเพื่อนชาวไทยที่ศึกษาในสถาบันเดียวกันหลายคน และคุณวีก็ได้รู้จักกับคุณแอน (นามสมมติ) เจ้าของเรื่องที่คุณวีกำลังจะเล่าให้ฟังต่อจากนี้ หลังจากที่แอนเรียนจบ ก็เดินทางกลับมาประเทศไทย ส่วนตัวคุณวียังคงอยู่ต่อที่อเมริกา ระหว่างที่คุณวีอยู่ที่อเมริกาก็ได้ยินข่าวของแอนจากเพื่อนๆ คนอื่น ว่าแอนได้เข้าทำงานและก็พบรักกับลูกชายเจ้าของบริษัทที่แอนทำงานอยู่ เวลาล่วงผ่านไปประมาณ 2 ปี คุณวีก็ได้รับข่าวดีอีกครั้ง ว่าแอนกำลังจะแต่งงานกับลูกชายเจ้าของบริษัทคนนั้น จึงเดินทางกลับมาประเทศไทยเพื่อร่วมฉลองงานแต่งงานของคุณแอน ในเวลานั้นวีรู้สึกดีใจกับแอนที่มีครอบครัวแสนสุขและเพรียบพร้อมไปด้วยเงินทอง หลังจากงานแต่งของแอน วีก็เดินทางกลับอเมริกา แล้วก็ขาดการติดต่อกับแอนไป จนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว วีตัดสินใจกลับมาอยู่เมืองไทยเพื่อมาดูแลคุณพ่อคุณแม่ ก็ได้ยินข่าวของแอนอีกครั้ง ว่าเธอมีลูกสาว 2 คนและกำลังลำบากมาก บ้านกำลังจะถูกยึด รถที่มีก็ถูกยึดไปแล้วทุกคัน มีหนี้สินท่วมตัว บริษัทของสามีซึ่งเปิดมานาน 30 ปีก็ต้องปิดกิจการลงและอยู่ในฐานะล้มละลาย วีพยายามติดต่อกับแอนหลังจากทราบข่าว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เพราะว่าแอนย้ายที่อยู่ไปไหนไม่มีใครทราบ จนเมื่อปลายปีที่แล้วก็ได้ข่าวของแอนจากเพื่อนอีกคนหนึ่งว่า พบเจอแอนไปเป็นแม่บ้านทำความสะอาดโรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ วีรู้สึกตกใจมากและเป็นห่วง จึงรีบเดินทางไปเชียงใหม่เพื่อจะรอพบกับแอน เพราะต้องการจะช่วยเหลือเธอ หลังจากที่วีเดินทางไปพบกับแอนแล้ว วีรู้สึกสงสารแอนจับใจ แอนเปลี่ยนไปมาก […]