ลุงวงค์ เป็นผู้ให้ข้อมูลว่า “บาตรพระแตก” เป็นไสยดำอีกประเภทหนึ่งที่มีอันตราย ถ้าหมอคุณไสยไม่เก่งจริงและไม่มีฝีมือทางไสยศาสตร์เวทมนต์อาคม รับรองว่าแก้และถอนไม่ได้เป็นอันขาด ยกเว้นผู้รู้และผู้เรืองอาคมเท่านั้นที่จะแก้ล้างอาถรรพ์ของบาตรพระแตกนี้ได้ พร้อมกับเผยว่า
มีหลานชายของแกไปแต่งงานกับหญิงต่างหมู่บ้าน ซึ่งก่อนจะได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นเมีย หลานชายต้องผ่านด่านอรหันต์มา เลือดตาแทบกระเด็นเนื่องจากมีคู่แข่งหลายคน แต่ละคนล้วนแต่มีดีกันทั้งนั้น อาทิ เป็นลูกชายของกำนันผู้มีอิทธิพล เป็นลูกของผู้กว้างขวาง เป็นลูกของข้าราชการและอื่นๆ สำหรับญาติคนนี้เป็นลูกชาวนาแล้วยังเป็นคนต่างถิ่นอีกด้วย

แกยังเคยห้ามหลานชายมิให้ไปแย่งผู้หญิงคนเดียวกันกับคนอื่น พอมีปัญหาแล้วกลัวจะสู้คนพวกนั้นไม่ได้ แต่ก็ให้กำลังใจหลานชายให้ประสบความสมหวัง และนึกไม่ถึงว่ามีใครสักคนเล่นของไสยดำ ซึ่งเป็นอีกวิธีที่สกปรก น่าเป็นห่วงและอันตราย ไม่เหมือนวิธีลอบยิงซึ่งหากดวงเราไม่ขาดไม่ต้องกลัว
ปรากฏว่าหลานชายของแกได้แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ หลังจากชิงดีชิงเด่นกับหนุ่มๆ หลายคนในหมู่บ้านและคนต่างถิ่น นึกว่าเรื่องจะจบลงด้วยดีแต่ผิดคาด ปรากฏว่าหลานชายของแกเจอดีถูกจองเวรตามกัดไม่ปล่อย เพียงแต่ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นหมาลอบกัดลับหลัง

จนเดือดร้อนมาถึงแกที่ต้องไปช่วย ทั้งที่เคยเตือนและบอกหลานชายให้ระวังตัวเสมอ แต่หลานไม่เคยเชื่อที่แกแนะนำเรื่องมันถึงได้วุ่นวายไม่จบ ถ้าไม่เห็นแก่ญาติผู้ใหญ่แกจะไม่ไปช่วยหลานชายคนนี้เลย หมั่นไส้ที่มันไม่ฟัง แต่ก็ยอมรับในฝีมือหลานชายที่สามารถคว้าผู้หญิงคนนี้มาเป็นเมียได้
แกเท้าความหลังให้ฟังว่า หลังจากแต่งงานได้ 6 เดือน ยังอยู่ในระหว่างข้าวใหม่ปลามันตามประสาหนุ่มสาว พอย่างเข้าเดือนที่ 7 หลานชายคนนี้ก็มีความผิดปกติเกิดขึ้นเป็นคนละคน จากเป็นคนดีดี กลายมาเป็นคนเสียสติทะเลาะกับคนในบ้านทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่เมียตัวเอง จนบ้านร้อนระอุเต็มไปด้วยไฟแห่งความเดือดร้อน สาเหตุเพราะมีคนเอาบาตรพระแตกแอบมาฝังไว้ในดินใต้ถุนบ้านนั่นเอง

เจตนาเพื่อต้องการให้เกิดความแตกแยกในครอบครัวของญาติคนนี้ ทุกครั้งที่หลานชายทะเลาะกับเมียหรือคนในบ้าน จะเกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมา ทำให้คนในบ้านของเมียหวาดกลัว ช่วยกันจับเอาเชือกมัดตัวล่ามเอาไว้มิให้อาละวาด กลายเป็นนักโทษโดยไม่รู้ตัว เพราะโดนของถูกกระทำด้วยคุณไสยดำจากศัตรู ที่ต้องการทำลายให้หลานชายของแกมีอันเป็นไป แล้วจะได้สวมรอยมาครองรักกับเมียของหลานชาย ซึ่งพฤติกรรมสกปรกเช่นนี้แกยอมไม่ได้
เมื่อแกรู้ข่าวว่าหลานชายมีอาการคลุ้มคลั่งก็อยากจะไปดูด้วยตาตัวเอง จึงได้เดินทางไปบ้านเมียของหลานชายพร้อมกับพ่อของมัน และมีญาติติดตามไปด้วย 3-4 คน การเดินทางไปยังบ้านของเมียของหลานชายใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆ กว่าจะถึงก็พลบค่ำพอดี ซึ่งระยะทางไกลมากและถนนหนทางก็ลดเลี้ยวไปตามคันนาและถนนบ้างสลับกัน สมัยนั้นถนนหนทางเป็นทางเกวียน ที่ใช้สัญจรไปมาหาสู่กันของชาวบ้านหรือใช้คันนา เดินทางลำบากมาก ไม่เหมือนสมัยนี้ถนนไปมาหาสู่กันสะดวกรวดเร็วมียานพาหนะเดินทาง

เมื่อไปถึงบ้านเมียของหลานชายตอนพลบค่ำ และเห็นหลานชายถูกพันธนาการผูกล่ามด้วยเชือกน่าสงสารเวทนา คนเป็นพ่ออดที่จะสงสารลูกไม่ได้ โผเข้าไปสวมกอดลูกชาย ด้วยความผูกพันของสายเลือดระหว่างพ่อกับลูก น่าแปลกที่ลูกชายไม่ขัดขืนและทำร้ายพ่อของมัน เหมือนมีสติ ปากก็ร้องบอกให้พ่อแก้เชือกที่ผูกล่ามเอาไว้ แต่ถูกพ่อตาแม่ยายและเมียกับญาติๆ ห้ามมิให้แก้เชือกที่ล่ามไว้ อ้างเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้าน
แกกับพ่อของมันได้แต่เงียบไม่กล้าทัดทาน เมื่อเป็นความต้องการของอีกฝ่าย แกเห็นอาการของหลานชายแล้วไม่ธรรมดาต้องโดนถูกกระทำด้วยไสยดำ จึงกระซิบบอกพ่อของหลานชายว่า “อาการที่ข้าดูคงจะโดนของไสยดำแน่ ข้าขออาสารักษาหลานคนนี้เอง”

พ่อของมันพยักหน้าเห็นดีเห็นงามตามที่แกบอก ตกลงที่จะรักษาและถอนไสยดำออกจากตัว ส่วนคนอื่นจะเชื่อเรื่องนี้หรือไม่แกยังไม่พูด ได้แต่เพียงคุยกันสองคนเท่านั้น ฝ่ายเมียของหลานชายได้หาข้าวปลาอาหารมาเลี้ยง แกยังไม่วางใจ ได้แอบหยิบเครื่องรางงาช้างที่ติดตัวมาจุ่มลงในอาหารทั้งหมด เพื่อป้องกันการแอบใส่ยาสั่งของผู้ไม่หวังดี โดยไม่มีใครในวงอาหารเห็นการกระทำของแกในครั้งนี้ จากนั้นก็กินอาหารไปคุยไปตามประสาคนเป็นดองกัน
แล้วอยู่ๆ เพื่อนบ้านวัยกลางคนและเด็กรุ่นเดียวกับหลานชายแก ได้นำเอาอาหารหลายอย่างมาสมทบ คงจะรู้ว่ามีคนต่างถิ่นมาเยี่ยม และถือวิสาสะนั่งร่วมวงกินอาหารด้วยกัน พร้อมกับคะยั้นคะยอให้แกกับคนอื่นๆ กินอาหารที่พวกเขานำมาเลี้ยง อ้างว่าเป็นอาหารพิเศษที่ทำมาเลี้ยงคนต่างถิ่นอย่างแกกับพรรคพวก
คำพูดของชายวัยกลางคนทำให้แกเกิดความสงสัยในอาหารดังกล่าว กลัวจะแอบใส่ยาสั่งผสมให้กิน แต่เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจที่พวกเขาอุตส่าห์เอาอาหารมาเลี้ยง แกจึงสะกิดมิให้พ่อของหลานชายกินอาหารดังกล่าว จนกว่าแกจะพิสูจน์ได้ว่าไม่มียาสั่งในอาหาร แกจึงตักอาหารดังกล่าวใส่ถ้วยรวมกัน แล้วแอบเอางาช้างจุ่มลงไปในอาหาร ปรากฏว่าไม่มีอะไรผิดปกติจึงกินอาหารในถ้วยนั้น พ่อของหลานกับคนอื่นจึงกินอาหารตามแก

ตลอดทั้งคืนแกจะได้ยินเสียงร้องครวญครางของหลานชายดังแว่วมาจนสว่าง แทบไม่ได้นอนทั้งคืน เพื่อคอยเฝ้าระวังภัยกลัวอันตรายจะเกิดขึ้นกับหลานชาย แต่ในที่สุดก็ผ่านมาได้ด้วยดี หลังจากที่กินอาหารเช้าแล้ว แกได้ขอตัวเข้าไปในห้องพระปลุกเสกน้ำมนต์ด้วยตัวเองนานเป็นชั่วโมง จึงได้ถือขันน้ำมนต์ออกมา แล้วเดินพรมน้ำมนต์ไปทั่วบ้านและตามดินทุกตารางนิ้วมิให้รอดสายตา โดยมีพ่อของหลานชายคอยเดินตามหลัง เพราะน้ำมนต์ปลุกเสกของแกจะทำลายอาถรรพ์ของบาตรพระแตกให้สิ้นความขลังลง แกเชื่อในพุทธคุณของอาคมที่ปลุกเสกในน้ำมนต์ ว่าจะสามารถล้างอาเพศอาถรรพ์ของบาตรพระแตก ถ้าคนที่เอาบาตรพระแตกมาฝังอาคมไม่แก่กล้าพอ

อยู่บ้านเมียของหลานชายหลายวัน เพื่อดูอาการของหลานชายว่าจะดีขึ้นมากน้อยเพียงใด สถานการณ์เช่นนี้ไว้วางใจยังไม่ได้จนกว่าจะเห็นแน่ชัดว่าปลอดภัย นั่นแหละถึงจะกลับบ้านได้ หลังจากที่เอาน้ำมนต์ไปประพรมทั่วบ้าน อะไรก็ดีขึ้น รวมทั้งอาการของหลานชายด้วย เพราะน้ำมนต์ไปทำลายอาเพศของบาตรพระแตก

แกจึงแก้เชือกที่ล่ามหลานชายออกให้เป็นอิสระ แต่เมียและพ่อตาแม่ยายกับญาติพี่น้องของเมียยังหวาดระแวง จนแกต้องอธิบายว่า มีคนเอาของต่ำที่มีอาถรรพ์มาฝังไว้ในบ้าน จึงทำให้จิตใจคนในบ้านร้อนลุ่มเห็นหน้ากันเป็นยักษ์เป็นมารคอยแต่ทะเลาะกัน จนบ้านเกือบจะแตกสาแหรกขาดสะบั้น ผัวกับเมียต้องเลิกแยกทางกัน เพราะแรงอาถรรพ์ของบาตรพระแตก แม้ว่าบาตรพระแตกจะยังฝังอยู่ในบริเวณบ้าน และแกไม่รู้ว่าบาตรพระแตกถูกฝังอยู่ที่ไหนก็ตาม แต่ก็ทำให้ทุกคนโล่งใจเมื่อได้ฟังแกเล่า

แกยังได้ทำพิธีแก้และกันคุณไสยดำให้กับหลานชายและคนในบ้าน มิให้โดนอาเพศอาถรรพ์อีก ด้วยการนำเอาตัวต่อที่แกทำขึ้นเองผ่านการปลุกเสกอาคมมาแล้วจำนวน 9 ตัว ไปฝังทั่วทุกทิศ โดยบริกรรมอาคมกำกับตัวต่อเอาไว้ เมื่อมีสิ่งใดที่เป็นไสยดำแปลกปลอมเข้ามาก็จะกำจัดไป และไม่น่าเชื่อหลังจากที่แกถอนไสยดำบาตรพระแตกและฝังตัวต่อขี้ผึ้งแล้ว คนในบ้านหลังนั้นก็ใจเย็น สุขุม เยือกเย็น และยิ้มแย้มแจ่มใสกลับมาเหมือนเดิม
เป็นเครื่องพิสูจน์ยืนยันว่า อาถรรพ์ของบาตรพระแตกได้ถูกทำลายลงโดยสิ้นเชิงเรียบร้อยแล้ว แกที่อยู่บ้านเมียของหลานชายนานหลายอาทิตย์จึงได้เดินทางกลับ ทั้งที่คิดว่าจะอยู่ไม่นาน แต่เมื่อมาเจอสิ่งที่ไม่คาดฝันซึ่งมีอาถรรพ์รุนแรง ถึงกับสามารถทำให้คนในบ้านแตกแยกกันได้ จึงจำต้องล้างอาเพศให้หมด เป็นการเสร็จสิ้นภารกิจของแก

และวิธีแก้และกันอาถรรพ์ของคุณไสยมนต์ดำอย่างง่ายๆ ซึ่งเป็นพิธีกรรมของเขมร ที่ใช้กันมานานแต่บรรพกาลและหาได้ง่าย ไม่ต้องไปพึ่งพาอาศัยผู้เรืองอาคม โดยให้หาสุนัขดำปลอดทั้งตัวไม่มีสีอื่นปนแต่อย่างใด นำมาอาบน้ำให้และนำน้ำแรกเท่านั้น กลิ่นของสุนัขอาจจะเหม็นสาบรุนแรงมากก็ต้องทน จากนั้นให้นำมาผสมกับน้ำเปล่าอาบให้ครบ 3 วัน ตอนเช้าหรือตอนเย็นวันละ 1 ครั้ง เชื่อว่าล้างอาถรรรพ์ได้ชะงัดเป็นเลิศ
ท่านใดรู้ตัวว่าโดนไสยดำจะเป็นอะไรก็ตาม ให้นำวิธีนี้ไปลองใช้ดู รับรองว่าจะสามารถล้างอาเพศอาถรรพ์ได้ เมื่อนั้นท่านก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้นและดีขึ้นทุกๆ ด้าน