ทำไปได้ยังไง เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมได้ยินได้ฟังมาอีกทอดหนึ่ง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านเรื่องต่อไปนี้ ขอขอบคุณครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว ที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี มีลูกสาวของคหบดีคนหนึ่งซึ่งเป็นคนมีฐานะ เกิดไม่สบายจึงเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เธออายุไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ เป็นคนสวย อัธยาศัยดี มานอนรักษาตัวอยู่เป็นเวลาเกือบๆ เดือน เธอจึงเป็นที่รู้จักมักใคร่ของพนักงานเกือบทุกแผนกในโรงพยาบาลแห่งนั้น อยู่มาวันหนึ่ง อาการของเธอทรุดหนักลงถึงขั้นโคม่า ซึ่งแต่ก่อนก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าอาการแบบนี้เรียกว่าอะไร แต่ถ้าเป็นในสมัยนี้ก็คงคล้ายๆ กับการติดเชื้อในกระแสเลือด และเธอก็ได้เสียชีวิตลง ด้วยความที่สมัยตอนยังมีชีวิต ตัวเธอเป็นที่รักและหมายตาของใครหลายๆ คน รวมถึงพวกหนุ่มๆ พนักงานซึ่งอยู่ในวัยคะนอง เรื่องมันมาเกิดขึ้นก็ตรงที่ว่า เธอได้เสียชีวิตในตอนกลางคืน และในสมัยนั้นการติดต่อสื่อสารไม่สะดวกสบายเท่ากับทุกวันนี้ โทรศัพท์ก็ยังเป็นโทรศัพท์บ้าน เมื่อญาติเธอรู้ข่าว จึงแจ้งกับโรงพยาบาลว่าสะดวกที่จะมารับศพในวันรุ่งขึ้น เมื่อทราบดังนั้น ขั้นตอนต่อไปคือการเก็บศพ ซึ่งห้องเก็บศพจะอยู่ด้านหลังของโรงพยาบาล เป็นหน้าที่ของบุรุษพยาบาล 1 คน และพนักงานห้องดับจิต 1 คน ทั้งสองเข็นร่างไร้วิญญาณของเธอมา ซึ่งตึกหญิงกับห้องเก็บศพระยะทางค่อนข้างไกลกันพอสมควร ด้วยความคะนองหรืออย่างไรไม่ทราบ พวกเขาเอามือล้วงเข้าไปที่หว่างขาของศพ ทำการกระทำชำเราศพ เอามือไปจับ ไปบีบ ไปล้วง ซึ่งด้วยความที่ศพเพิ่งตายใหม่ๆ จึงยังคงสภาพและร่างกายก็ยังนิ่มๆ อยู่ ขณะที่กระทำการกันอยู่ก็ส่งเสียงเอิ้กอ้ากสนุกสนานเป็นที่สำราษบานใจ […]

เงาปริศนา ตรงร่องน้ำกลางถนนลพบุรีราเมศวร์ จ.สงขลา เรื่องเล่าสยองขวัญ

ถนน ลพบุรีราเมศวร์ จ.สงขลา ถ้าเป็นคนที่อาศัยหรือมาใช้ชีวิตใน อ.หาดใหญ่ และ อ.เมืองสงขลา คงจะคุ้นเคยกับถนนสายนี้เป็นอย่างดีนะครับ ก็เป็นถนนที่ตัดตรงเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ จาก 4 แยกบางกล่ำ ไปจรด 4 แยกน้ำกระจาย ของ อ.เมือง เป็นถนน 4 เลน ที่มีโค้งน้อยมาก ตามรูปที่แนบมา ช่วงต้นทาง สองข้างทางจะเต็มไปด้วยตึกและอาคารที่ผุดขึ้นมาหลังการมีถนน ช่วงกลางแถวๆ มัสยิดใหญ่ จะตัดผ่านทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา มองเห็นเขาคอหงส์หลังเมืองหาดใหญ่อยู่ไกลๆ ส่วนช่วงใกล้เขต อ.เมือง ตรงที่เป็นโค้งก่อนถึง 4 แยกน้ำกระจาย จะเป็นเนินเขา ไอ่ช่วงกลางก่อนถึงช่วงปลายของถนนเส้นนี้ ตอนกลางคืนจะเปลี่ยวมาก ยิ่งตอนดึกๆ รถน้อยๆ จะยิ่งเปลี่ยวสุดๆ ช่วงกลางวันกับหัวค่ำไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เพราะคน อ.เมือง และหาดใหญ่ ใช้เส้นทางนี้ บวกกับรถที่มาจากที่อื่นก็ทำให้พลุกพล่านพอสมควร แต่เพราะรถมากนี่แหละ ทำให้ถนนเส้นนี้ขึ้นชื่อเรื่อง “คนตาย” เยอะมาก ก็ตายจากอุบัติเหตุทางรถนั้นแหละ มันก็ธรรมดาของถนนที่รถเยอะอยู่แล้ว ที่จะมีอุบัติเหตุบ่อยๆ ไม่น่าแปลก แต่จากประสบการณ์ตรงของการขับรถผ่านถนนเส้นนี้บ่อยๆ กับจากคนรอบข้างที่เจออะไรแปลกๆ […]

เรื่องเล่าผี ราชภัฏสวนสุนันทา

เมื่อลองดูประวัติคร่าวๆ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาแล้ว เรื่องความเฮี้ยนต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เพราะก่อนจะก่อตั้งเป็นมหาวิทยาลัยนั้น เดิมเคยเป็นวังเก่าของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ซึ่งเป็นพระอัครมเหสีพระองค์แรกของรัชกาลที่ 5 เด็กนักศึกษาที่นี่ส่วนมากจึงเรียกตัวเองว่า “ลูกพระนาง” และด้วยความเป็นสถานที่เก่าแก่ มีระยะเวลาเนิ่นนาน จึงไม่น่าแปลก ถ้าจะมีเรื่องราวชวนให้นึกคิดเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็นอยู่เสมอ เรื่องเล่าหลอนๆ สวนสุนันทา ตึกเหลือง ว่ากันว่าตึกที่เก่าที่สุดของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ก่อสร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 นักศึกษามักเรียกกันว่า “ตึกเหลือง” สมัยก่อนเป็นที่ประทับของเชื่อพระวงศ์ในวัง ปัจจุบันตึกนี้ได้เปิดให้ใช้บริการนวดแผนโบราณให้แก่คนนอกได้ด้วย (ชั้นบนสุดมีเรื่องราวลี้ลับเกี่ยวกับสวนสุนันทาสมัยก่อนมีรูปภาพ และโมเดลแผนที่ในสมัยที่ยังเป็นวังเก่าอยู่ด้วย) ใต้ดินตึกศิลปกรรม เรื่องที่ฟังทีไรต้องขนลุกทุกที ก็คือเรื่อง “ใต้ดินตึกศิลปกรรม” ว่ากันว่าที่ชั้น G ตึกศิลปกรรม หรือชั้นใต้ดินนั้น ในสมัยยังเป็นวัง ที่ตรงนี้คือคุกเก่าไว้ขังนักโทษ และในตอนกลางคืน ยามที่นี่ก็จะได้ยินเสียงโซ่ลากตลอดเวลา เสียงนั้นน่าจะเป็นเสียงโซ่ตรวนที่ใช้ล่ามขานักโทษ รวมถึงมีนักศึกษาคนหนึ่งเคยทำงานอยู่ใต้ตึกในเวลากลางคืน โดยนักศึกษาคนนั้นเขียนงานไปดูดบุหรี่ไปด้วย จนเห็นพระนางสุนันทามาเตือนให้เลิกดูดบุหรี่ หรือบางคนก็เล่าว่า มีนักศึกษาคนที่มีสัมผัสซิกเซ้นส์มาเรียนได้ไม่ถึงเทอมก็ลาออก เขาเล่าให้ฟังว่า “อยู่ไม่ได้เลย เพราะสวนสุนันทามีผีในวังเยอะมาก” และทุกวันนี้ก็ไม่มียามมาเฝ้าชั้นใต้ดินตอนดึกๆ อีกเลย ชั้น 4 ตึกศิลปกรรม เรื่องราวชวนสยองของตึกศิลปกรรมยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะบริเวณชั้น 4 […]

แกนั่งอยู่บนขื่อบ้าน เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 38 ปีก่อน สมัยที่ผมเพิ่งจบ ม.ศ.3 ใหม่ๆ อายุราว 16-17 ปี ผมมีเพื่อนสนิทอยู่ 3 คน ชื่อ เต๊ก บุญเลิศ และชัย บ้านของผม เต๊ก และบุญเลิศ อยู่ที่กรุงเทพ ส่วนชัยมีบ้านอยู่ทางภาคอีสาน วันนั้นพวกผมเรียนจบ ม.ศ.3 กันพอดี จึงอยากจะไปเที่ยวพักผ่อน พวกผม 3 คนจึงจะไปเที่ยวหาชัยที่บ้าน ซึ่งชัยเขาได้กลับบ้านไปก่อนหน้านั้นแล้ว เราเดินทางไปบ้านชัยโดยขึ้นรถไฟจากหัวลำโพงกันตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะได้ไปถึงบ้านชัยไม่ค่ำมาก จะได้ไม่ลำบากตอนเดินเข้าไปหาบ้านชัย เพราะต้องเดินเท้ากันเข้าไปลึก เรานั่งรถไฟไปถึงประมาณบ่าย 3 โมงเย็น ชัยมารับพวกผมที่สถานีรถไฟและต่อรถสองแถวเข้าไปแถวระแวกบ้านของชัย หลังจากที่ลงรถสองแถวพวกผมจะต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตรเพราะไม่มีรถและก่อนที่จะไปถึงบ้านของชัยที่อยู่สุดทาง พวกผมได้ผ่านบ้านที่พ่อแม่ชัยพักอาศัยอยู่เพื่อจะมาดูแลไร่นา ซึ่งอยู่ด้านหน้าปากทาง กว่าจะเดินถึงบ้านชัยก็ปาไปบ่ายสี่โมงเย็น พอจัดข้าวของเสร็จได้ซักพัก แม่ของชัยได้ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาเรียกให้ชัยไปดูพ่อที่ไม่สบายที่บ้านตรงปากทางเข้า เพราะแม่ต้องไปเอายาในตัวอำเภอ ชัยได้ยินแม่เรียกจึงออกไปแล้วบอกกับพวกผมว่า พักอยู่ที่นี่ พวกมึงไม่ต้องเกรงใจนะ ทำตัวตามสบาย ผมจึงให้เต๊กไปเป็นเพื่อนชัยเผื่อจะได้ช่วยกันดูแลพ่อ ส่วนผมอยู่กับบุญเลิศที่บ้าน เพราะจะได้อยู่เป็นเพื่อนป้าของชัยที่พักอยู่ที่นี่ ป้าเป็นพี่สาวของแม่ชัย อายุราว […]

คนแรก เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม หรือเมื่อ 2 วันที่แล้วนี้เอง เรื่องราวของคุณตุ๊กตามีอยู่ว่า ตุ๊กตามีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งชื่อแหม่ม โดยที่ทั้งสองได้รู้จักกันตอนที่ตุ๊กตาย้ายมาเรียนที่สมุทรสาคร มีครั้งหนึ่งแหม่มได้มีโอกาสไปเที่ยวที่บ้านเกิดของตุ๊กตา ซึ่งตุ๊กตาเกิดและโตที่ จ.เพชรบูรณ์ พอดีแหม่มเขาอยากมีบ้านที่ต่างจังหวัดให้แม่อยู่ เพราะเดิมทีครอบครัวของแหม่มนั้นอาศัยเช่าบ้านอยู่ที่ จ.สมุทรสาคร หลังจากที่แหม่มได้ที่ดินที่ จ.เพชรบูรณ์ ตามที่ตั้งใจไว้ก็ไปปลูกบ้านไว้ที่นั่น แต่ตัวแหม่มเองยังคงทำงานที่กรุงเทพ จนสักพักได้ย้ายงานไปทำที่ จ.พิษณุโลก ส่วนตุ๊กตาก็ยังคงอาศัยอยู่ที่ จ.สมุทรสาครเช่นเดิม นานๆ ครั้งที่ทั้งสองจะมีโอกาสได้มาเจอกัน เช้าวันที่เกิดเรื่อง แหม่มโทรมาหาตุ๊กตาแล้วบอกว่าจะมาหาที่บ้านที่มหาชัย และค่ำวันนั้นเวลาประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ตุ๊กตากำลังจะเดินออกไปนั่งเล่นที่หน้าบ้าน ก็พอดีเห็นแหม่มเดินเข้ามา อ้าว แกมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ ตุ๊กตาร้องทัก ถึงเมื่อกี้เอง ตอนที่แกเดินออกมาพอดีนั่นแหละ แหม่มว่า เออๆ เข้ามาบ้านก่อน แกเรียกใครวะ บอกชื่อด้วยสิ คือเนื่องจากว่าตุ๊กตาเป็นคนกลัวผีมาก และจะถือเวลาจะเรียกใครขึ้นรถหรือเข้าบ้านก็มักจะเรียกชื่อก่อน ซึ่งแหม่มก็มักจะชอบอำเล่นอยู่เสมอๆ หลังจากทั้งคู่เดินเข้ามานั่งพักในบ้านแล้ว ตุ๊กตาก็เอ่ยกับเพื่อนสนิทว่า นั่งก่อนแก เดี๋ยวสักพักค่อยไปหาอะไรกินกัน นั่งรถมาเพลียมาก มีบะหมี่ซองบ้างมั้ย ไม่ได้กินกันแบบเด็กหอมานานมากแล้ว แหม่มว่า อ้าว แล้วแกมารถอะไร ฉันมารถตู้ […]

ดวงจิตสุดท้าย เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงที่คุณน้ำไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาลเพราะว่าแม่เขาป่วย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่มีอะไรเหตุการณ์ปกติดี จนกระทั่งมีพยาบาลคนหนึ่งเสียชีวิต ตามที่เป็นข่าว หลังจากวันที่เสียชีวิตได้สองสามวัน เหตุการณ์แปลกๆก็เกิดขึ้น วันนั้นช่วงเวลาประมาณตี 1 คุณน้ำก็ได้ยิน ครืนนนนนน เสียงเหมือนรถเข็นของพยาบาล ที่เข็นมาเวลาให้ยาคนไข้ แม่ก็ทักขึ้นมาว่า “นั่นเสียงอะไร” คุณน้ำก็ตอบไปว่า “ไม่รู้เหมือนกัน” ลักษณะของบริเวณเตียงผู้ป่วยที่โรงพยาบาลจะมีม่านปิด โดยที่ชายของผ้าม่านจะสูงลอยจากพื้นขึ้นมา ถ้ามีคนเดินผ่านไปมาก็จะเห็นความสูงอยู่ที่ประมาณข้อเท้า คุณน้ำจึงก้มดู แต่ก็ไม่เห็นอะไร จากนั้นก็มีเสียงรูดม่าน แกร๊กกกก คุณน้ำก็ก้มดูอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบอะไร และคืนนั้นก็ผ่านพ้นไป วันต่อมาคุณน้ำจึงไปเล่าให้ญาติฟังถึงเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น ญาติก็บอกว่า มีข่าวว่ามีพยาบาลเพิ่งเสียขีวิต ออกข่าวหน้าหนึ่ง และญาติก็ยังเล่าให้ฟังต่ออีกว่า เมื่อวันก่อนเค้าได้ไปทำงานที่ชั้น 4 มีคนไข้เล่าให้ฟังว่าขณะที่กำลังนอนอยู่ ก็มีพยาบาลเอายามาให้ โดยปกติแล้วพยาบาลที่นำยามาให้ จะบอกวิธีการทานยาว่าต้องทานช่วงเวลาไหน ทานกี่เม็ด แต่พยาบาลคนนี้มีท่าทางแปลกออกไปคือ หน้าบึ้งตึง เอายามาให้เฉยๆ ไม่พูดไม่จาอะไร แล้วก็เดินไปฉีดยาเตียงอื่นต่อ เรียกได้ว่าชั้น 4 โดนกันทั้งชั้นเลย ในคืนนั้นเองช่วงเวลาตีหนึ่ง คุณน้ำก็ได้ยินเสียงเข็นรถมาเหมือนเดิม แต่คราวนี้มีเสียงร้องไห้ ฮือออออ ดังลอยมาด้วย คราวนี้แม่ของคุณน้ำก็ทักไปว่า เนี่ย มาอีกแล้ว แต่ว่าครั้งนี้คุณน้ำบอกแม่ว่า […]

ทำคุณไสยใส่พระธุดงค์ เรื่องเล่าสยองขวัญ

เรื่องเล่านี้ถูกถ่ายทอดมาจากลุงแดน ลุงของเพื่อนสนิทผมสมัยเรียน ปวช. เพื่อนผมชื่อว่า เบียร์ แกเล่าว่าหลังจากอกหักจากบัว สาวงามที่แกเฝ้ารอมานาน แกไปบวชอยู่วัดป่าพร้อมทั้งออกธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพร เรียนทั้งคาถาอาคมสมุนไพรต่างๆ จากทั้งครูอาจารย์พระธุดงค์สายกรรมฐาน และฆราวาสที่เก่งกล้าอาคม แกสักยันต์หลายอย่างไว้กับตัว ครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่แกจำได้ไม่ลืม แกเล่าว่าเดินธุดงค์มาตามภูเขาที่เรียกว่าดงพญาไฟ ป่าไม้รกครึ้มเป็นเสมือนป่าดงดิบ ต้นไม้เถาวัลย์พันเกี่ยวคดเคี้ยวไปมาดูน่ากลัว เดินไปพบเจอหมู่บ้านหนึ่ง มีอยู่ประมาณ 10-20 หลังคาเรือน มองดูแล้วน่าอยู่มากทีเดียว เมื่อคนในหมู่บ้านนั้นเห็นพระภิกษุแปลกหน้าย่างกรายเข้ามา ทุกคนต่างดีใจ นิมนต์ท่านให้มาบิณฑบาตตอนเช้าได้ไหม แกพยักหน้ารับคำ มีเพียงชายแก่คนหนึ่ง หนวดเครายาว มีผ้าโพกหัว คล้องลูกประคำสีดำเต็มคอ มองดูแกด้วยสายตาเย้ยหยัน และมีคำพูดคำนึงออกมาว่า ท่านมาธุดงค์แถวนี้ไม่กลัวรึ ผีป่าผีเขา อาถรรพ์มันมากโขอยู่ ระวังไม่ได้กลับออกไปนะท่าน! แกยิ้มให้ชายแก่คนนั้นเบาๆ ถามว่าแถวนี้มีวัดหรือที่สงบๆ บ้างไหม คิดว่าฝนน่าจะตกถ้าอยู่ในกลดคงต้องเปียกไม่ดีแน่ ชาวบ้านก็ต่างอาสาบอกให้ท่านมาพักบ้านตนบ้าง แนะนำบ้านนั้นบ้าง บ้านนี้บ้าง แล้วชายแก่คนเดิมก็หัวเราะแล้วพูดว่า ท่านครับ! เดินขึ้นไปบนเขาสักพักจะเจอกระท่อมร้างหลังนึงตั้งอยู่ ถ้าไม่กลัวนะครับ คงจะพอกันแดดกันฝนได้อยู่ ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบเที่ยงพอดี ชาวบ้านจึงเชิญท่านฉันเพล สำรับกับข้าวก็เป็นอาหารธรรมดานี่ล่ะครับ ปลาย่าง น้ำพริก ผักสด ข้าวเหนียวนึ่งในกระบอกไม้ไผ่ ลุงแกเริ่มฉันอาหารเหล่านั้น […]

เรื่องเล่าสยองขวัญ เจ้ากรรมนายเวร ตอนที่ ๒

เรื่อง เจ้ากรรมนายเวร ตอนแรก >> คลิกลิงก์นี้ เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องที่เกิดขึ้นหลังจากผมกลับมาจากลำพูนแล้ว ในอีกสองสามวันต่อมา ผมมีนัดพบลูกค้าที่อำเภอชาติตระการในจังหวัดพิษณุโลก เพื่อเยี่ยมลูกค้าและส่งมือถือพร้อมกับชุดอุปกรณ์กล้องวงจรปิดไร้สายที่สามารถเปิดดูได้ผ่านแท็บเล็ต ในยุคนั้นเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจมากและผมก็พร้อมที่จะนำเสนอให้กับลูกค้าเต็มที่ เพราะได้ค่าคอมมิชชั่นพิเศษเสริมเข้ามา แต่เนื่องจากอำเภอชาติตระการอยู่ไกลจากอำเภอเมืองประมาณร้อยกิโลเห็นจะได้ และเส้นทางก็เป็นภูเขาสลับซับซ้อน ถึงแม้ว่าผมจะออกจากหอพักแต่เช้าก็ตาม ก็ต้องกลับมืดค่ำอยู่ดี เพราะกว่าจะไปถึงลูกค้าในแต่ละจุดของอำเภอรวมกับการสาธิตกล้องวงจรปิดและปิดการขายก็กินเวลาอยู่มากโข ในวันนั้นเอง ผมสามารถขายกล้องวงจรปิดได้หนึ่งชุดมูลค่าแปดพันกว่าบาท รวมทั้งมือถือรุ่นต่างๆ อีกประมาณสองหมื่นบาท ฟังดูเหมือนจะน้อยใช่มั้ยครับ แต่ผมขายเป็นเงินสดนะ เพราะนโยบายของบริษัทที่ต้องขายสินค้าเงินสดเท่านั้น และจะต้องโอนเงินค่าสินค้าวันต่อวันอีกด้วย ผมขับรถคันเก่าของผมกลับหอพักในเมืองด้วยอารมณ์ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับโทรแจ้งหัวหน้าของผมว่าวันนี้จะโอนเงินเข้าบริษัทมืดๆ หน่อยเพราะพึ่งกลับจากลูกค้า ในช่วงเวลานั้นก็เป็นช่วงเย็นโพล้เพล้พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปได้ซักพักใหญ่ ผมขับเปิดกระจกกินลมชมวิวเสมือนหนึ่งว่าเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นกับผมมาก่อนหน้านี้แทบไม่ได้มีความหมาย (คนที่สงสัยกรุณากลับไปอ่านภาคแรกนะครับ) แต่เปล่าเลยครับ ความสยองขวัญบทใหม่มันกำลังจะเริ่มบรรเลงขึ้นต่างหาก ถนนที่ทอดยาวไปตามทางคดเคี้ยวของไหล่เขา ทำให้ผมไม่สามารถทำความเร็วได้ถนัดนัก บวกกับท้องฟ้าที่มืดแล้วจึงต้องขับแบบปล่อยเลยตามเลยถึงเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ช่วงทางลงเขาก่อนตัดเข้าถนนใหญ่เริ่มมีไฟทางเข้ามาบ้างทำให้พอเห็นเส้นทางข้างหน้าได้ชัดขึ้น จนกระทั่งมีวัตถุบางอย่างตั้งขวางอยู่กลางถนนบนเลนซ้ายที่รถของผมกำลังวิ่งอยู่ มองไกลๆ เหมือนกับเงาดำของต้นไม้ที่ตกกระทบจากแสงของหลอดไฟที่ส่องข้างทาง แต่พอรถเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้มากขึ้น เงาดำนั้นก็ค่อยๆ ถอยตัวห่างออกไป ราวกับว่ามันเป็นรถนำขบวนที่รักษาระยะห่างด้วยความเร็วที่พอสมควร ผมฉุกคิดในใจเลยว่า ‘เอาอีกแล้วห่าเอ๊ย! ใจคอพวกมึงนี่จะเล่นกูให้ได้เลยใช่ไหม กะไม่ให้กูได้พักผ่อนหย่อนใจเลยว่างั้นเถอะ!’ จากความกลัวกลายเป็นความโกรธบวกกับรำคาญกับการรังควาญที่ไม่จบสิ้นของสิ่งเหล่านี้ ผมเหยียบคันเร่งใส่เลยครับและดูเหมือนจะได้ผลซะด้วย เมื่อเข้าสู่ทางตรงเพราะรถเร่งความเร็วเร่งได้เต็มที่ ระยะห่างใกล้เข้ามาทุกทีจนผมเห็นเงาดำนั้นได้ชัดขึ้น รูปร่างของมันสูงใหญ่ตัวดำทะมึน ปรากฏให้เห็นเป็นชายที่มีร่างกายกำยำยืนกางแขนและกางขา ลอยตัวไปตามถนนนำหน้ารถของผมไป ยิ่งผมเห็นชัดขึ้นเท่าไหร่มันยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะชะลอความเร็วหรือเบรคอีกต่อไป […]