เปรตนางแป้ เรื่องเล่าเขย่าขวัญปี พ.ศ.๒๕๓๐

เรื่องของเปรตเรื่องนี้ ข้าพเจ้าไม่ได้พบโดยตรงด้วยตนเองเพียงแต่เคยรู้จักกับผู้ที่ตายไปเป็นเปรต ขอให้ชื่อเรื่องว่า เปรตนางแป้ (ชื่อจริงก็คล้าย ๆ คำนี้) เมื่อปลาย ๆ ปี ๒๕๓๐ นี่เอง ข้าพเจ้าไปซื้อผลไม้จากเพื่อนรุ่นน้อง เป็นชาวหมู่บ้านเดียวกัน ขายอยู่ตรงซอกทางเดินเข้าตลาดพรานนก ฝั่งตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ เขาเรียกข้าพเจ้าว่า “พี่” เพราะนับถือข้าพเจ้ามาก ทั้งข้าพเจ้าก็รักเขามากที่ยอมเชื่อฟังข้าพเจ้า เลิกจากอาชีพขายปลามาขายผลไม้แทน ได้บอกข้าพเจ้าว่า “พี่ นางแป้มันตายแล้ว วันเผาศพมันมีเรื่องประหลาด” นางแป้นี่เป็นน้องสะใภ้ผู้พูด “มีอะไรประหลาด” ข้าพเจ้าซัก มีความรู้สึกว่าให้ประหลาดแค่ไหน ข้าพเจ้าก็ต้องตอบได้ ในวันงานเผานะพี่นะ ในวัดมีแต่กลิ่นเหม็นเน่าคลุ้งไปทั้งวัดเลย เหม็นจริง ๆ กระทั่งกินข้าวปลาอาหารกันไม่ลง ดูที่โลงศพก็ไม่มีอะไรรั่ว อุดยาสนิท ดมดูก็ไม่มีกลิ่น พากันเที่ยวดมหาที่ไหนก็ไม่เจอต้นกลิ่น ทีนี้พอเผาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ศพก็ไหม้ไฟไปแล้ว กลิ่นก็ยังอยู่ ผู้คนทนกันไม่ไหวรีบลากลับกันไปหมด ลูกสาวคนตายก็รีบกลับบ้าง เอารูปถ่ายของแม่กลับบ้าน ปรากฏว่ากลิ่นตามมาด้วยตลอดทาง ก็ช่วยกันดมดูที่รูปถ่าย ที่รูปมีกลิ่น พอมาถึงบ้านกลิ่นก็เข้ามาคลุ้งอยู่ในบ้าน ลูกสาวเลยเอะใจว่าคงเป็นกลิ่นของแม่ จึงบอกว่า “แม่ แม่ นี่แม่ตามมาจากวัดหรือ ทําไมทํากลิ่นเหม็นยังงี้ หนูทนไม่ไหว แม่ออกจากบ้านไปเถอะนะ ไปอยู่ที่อื่นเถอะ ไม่ไหวแล้ว” ลูกก็บ่นซ้ำ ๆ […]

เล่นจนได้เรื่อง เรื่องเล่าสยองขวัญ

นรีเป็นคนที่กลัวผีที่สุด และจะเจอผีบ่อยที่สุดด้วย แต่พวกเรามักจะหัวเราะขำเธอมากกว่าจะเชื่อสิ่งที่เธอเล่า นั่นก็เพราะเราเห็นเธอเป็นคนขี้ตื่นขี้กลัวไปเองค่ะ และนี่คือสาเหตุของเรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้! พวกเราเป็นนักศึกษาปี 4 เทอมนี้ หมายถึงเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไปเราต้องฝึกงานกันแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปตามที่หาสถานที่ไว้ ดังนั้น ก่อนหน้าที่จะฝึกงานซึ่งออกจะหนักหนาสาหัสเอาการเราจึงมีแผนจะไปเที่ยวด้วยกันสักครั้ง สนุกส่งท้ายไงคะ กลางเดือนตุลาคมเราเลือกไปเที่ยวพัทยา เราจองรีสอร์ตที่ริมหาดพัทยาเหนือเอาไว้ แต่พอไปถึงที่นั่นเราก็ใจฝ่อไปเหมือนกัน รีสอร์ตนั้นค่อนข้างเก่า ด้านหน้าเป็นลานจอดรถ ถัดเข้ามาเป็นร้านอาหารแต่ดูเงียบเชียบพิกล คนขายก็หน้างอๆ ไม่รับแขกเอาซะเลย บริเวณที่พักอยู่ลึกเข้าไปจากร้านอาหาร สร้างเป็นแถวสองฝั่งหลังเล็กๆ มีห้องชุดสองห้องติดกัน พอเปิดประตูเข้าไปจะเป็นห้องรับแขกแล้วจึงเป็นประตูเปิดสู่ห้องนอน มีเตียงเก่าๆ ขนาดคิงไซซ์ เก้าอี้ยาว โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า ทีวีและห้องน้ำ ดูอับทึบน่ากลัวบอกไม่ถูก เราไปกัน 13 คน จองไว้ 3 ห้องชุดเรียงติดต่อกัน แต่เห็นสภาพแล้วอยากคืนห้องไปอยู่ที่อื่น บังเอิญเป็นช่วงวันหยุดที่ผู้คนมาเที่ยวกันเยอะ เราก็เลยตกลงใจว่าอยู่ที่นี่ก็ได้ เอาไว้แค่อาศัยนอน ตอนกลางคืนเราจะเที่ยวจนดึกถึงจะกลับมา แค่ 2 คืนคงจะไม่เป็นไรน่า คนที่ดูไม่สบายใจที่สุดคือนรีตามฟอร์ม เธอบ่นตลอดว่าน่ากลัว แถมยังบอกว่าตอนเข้ามาเก็บของน่ะ เห็นผู้หญิงผมยาวอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งกำลังมองพวกเราอยู่ด้วย ฉันเริ่มมีโมโหนิดๆ เพราะต้องนอนห้องนี้กับเธอและจุ๋งกับปลา รวม 4 คน คำพูดของนรีทำให้เราไม่สบายใจเธอต้องคิดไปเองอีกแน่ๆ […]

แรงรักไสยเวทย์ เงินทองกูยกให้ แต่ชีวิตมึงต้องเป็นของกู!

เรื่องนี้เป็นเรื่องนานมาแล้วนะคะ นานระดับตำนานเลยก็ว่าได้ เราฟังจากคุณยายของเพื่อนเรามาอีกที คุณยายจำนงค์ แกเป็นคน อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ ส่วนจะอยู่หมู่บ้านไหนนั้น เราก็ไม่อาจทราบได้ เรารู้จักคุณยายเมื่อตอนเราเรียนอยู่กรุงเทพ เราไปเที่ยวบ้านเพื่อนบ่อยๆ เลยรู้จักสนิทสนมกับคุณยายเป็นอย่างดี เวลาเราไปหา คุณยายก็จะทำขนมอร่อยๆ ไว้ให้กินเสมอ กินไปด้วยแกก็จะเล่าเรื่องเก่าๆ ของแกไปด้วย มีอยู่วันหนึ่งคุณยายแกก็เล่าเรื่องราวแปลกประหลาดเรื่องหนึ่งให้เราฟัง คุณยายเล่าว่าตอนนั้นคุณยายอายุประมาณ 14-15 ปี ที่หมู่บ้านของคุณยาย มีสาวสวยอยู่คนหนึ่งชื่อยุพดี แต่คนแถวนี้เขาก็เรียกกันสั้นๆ ว่ายุ คุณยายว่าพี่ยุเป็นรุ่นพี่คุณยาย อายุซัก 18 ปีเห็นจะได้ แกเป็นคนสวยมาก สวยคมเหมือนแขก แต่ผิวขาวราวกับหยวกกล้วย ผอมสูง ทรวดทรงงามระหง เวลาพี่ยุแกไปไหนมาไหนที ผู้ชายทั้งหนุ่มทั้งแก่พากันเหลียวมองคอแทบหัก ความที่แกเป็นคนสวยก็ย่อมมีผู้ชายมาติดพันเป็นธรรมดา พี่ยุแกก็คุยกับทุกคน ใครมีเงินเยอะๆ มาขอแกกับพ่อแม่ แกก็ชอบคนนั้นแหละแกว่า ทีนี้ปีนั้นน่ะ มีพ่อค้าขายของเร่คนหนึ่ง ขายของพวกน้ำผึ้งป่า พวกไม้มงคล เร่ขายของมาจนถึงเรือนพี่ยุ พี่ยุแกก็นั่งตำสาด (เสื่อ) อยู่หน้าบ้าน พอพ่อค้าขายเร่คนนี้เห็นพี่ยุก็ชอบพี่ยุเข้าอย่างจัง แรกๆ ก็มาบ่อย ชอบเอานู่นเอานี่มาขาย หลังๆ พี่ยุไม่ซื้อแล้วเขาก็เอามาให้ฟรีๆ […]

กระสือยายเกอ เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

สวัสดีค่ะ เรามีประสบการณ์ที่อยากจะมาแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเราโดยตรงหรอกค่ะ แต่มันเกิดในช่วงยุคสมัยของคุณยายแล้วก็คุณแม่เรา ขอเกริ่นก่อนนะคะ สมัยก่อนที่บ้านคุณยายเราจะเป็นวังกุ้ง (บ่อเลี้ยงกุ้ง) แล้วก็จะมีป่าจากขึ้นเต็มไปหมด ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นวังกุ้งอยู่ค่ะ แต่ว่าป่าจากมันเริ่มลดน้อยลงไป ในสมัยนั้นยังไม่มีถนนตัดผ่าน เวลาจะสัญจรไป-มาก็จะใช้เรือเป็นหลัก คุณยายเราเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนตอนคุณยายทำวังอยู่ คุณยายเรามีเพื่อน ๆ ที่ช่วยกันทำวังด้วยกัน แล้วก็มีเพื่อนคนหนึ่ง ชื่อว่า เกอ ยายเกอ มีลูกสาว 1 คน แต่สามีของยายเกอได้เลิกรากับแกไป เมื่อตอนที่ลูกสาวของแกยังเด็กๆ ยายเกอแกเป็นคนที่หน้าตาดีอยู่ เป็นคนมีเงิน ก็ส่งลูกให้ไปเรียนในกรุงเทพฯ แล้วลูกก็นาน ๆ ทีกว่าจะกลับมาหายายเกอสักครั้ง แกก็เลยต้องอยู่คนเดียว แล้วบ้านของยายเกออยู่ห่างกับบ้านคุณยายของเราก็เยอะอยู่นะคะ คือต้องพายเรือกันไปหาค่ะ บ้านยายเกอจะอยู่ลึกเข้าไปในป่าจากอีกค่ะ ตอนสาว ๆ ก็ไม่ค่อยมีใครยุ่งกับยายเกอ เพราะว่าแกเป็นคนปากร้าย แต่ไม่ได้นินทาใครนะคะ ปากร้ายในที่นี้หมายความว่า ถ้าใครมายุ่งหรือมาทำอะไรแก แกจะด่า และก็ไล่ตะเพิดไปเลย เวลาผ่านไป ยายเกอก็แก่ลง ช่วงนั้นแถวบ้านคุณยายเรามันมีข่าวลือเกี่ยวกับผีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ผีพรายน้ำ ผีกระสือ ผีเปรต […]

คืนปล่อยของ คุณไสยไข่เน่าในคืนวันพระใหญ่

เรื่องนี้ส่งมาจากคุณหมิวครับ คุณหมิวเล่าว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของแม่เราเองค่ะ เกิดขึ้นเมื่อเกือบ 40 ปีก่อนได้แล้ว ตอนนั้นแม่เราอายุเพียง 17 ปี บ้านที่แม่อยู่ตอนนั้นอยู่ที่จังหวัดทางภาคอีสาน เป็นบ้านไม้ยกใต้ถุนสูง และจะมีน้ำท่วมทุกๆ ปี และปีนั้นก็เช่นกัน น้ำท่วมใต้ถุนบ้าน ตากับยายเราช่วยกันหาไม้เป็นแผ่นๆ มาตีเป็นทางเดิน จากบนบ้านออกไปถึงเนินดินที่เป็นที่ผูกเรือ เนื่องจากน้ำท่วม ดังนั้นตอนกลางคืนเวลาปวดหนักปวดเบา จะต้องขับถ่ายลงตรงรูแตกที่พื้นไม้แทน ซึ่งคืนที่เกิดเรื่องเป็นคืนวันพระใหญ่ค่ะ แม่ปวดเบาเลยลุกขึ้นมาถ่ายกลางดึก แม่เล่าว่า ตอนที่แม่เปิดแผ่นไม้ที่ใช้ปิดรู้กันสัตว์มีพิษขึ้นมานั้น มีลมเย็นๆ วูบหนึ่งพัดใส่หน้าแม่จนผมปลิว ตอนนั้นแม่ไม่ได้คิดอะไร รีบปล่อยรีบกลับเข้านอนเพราะง่วงมาก พอตื่นมาตอนเช้า ยายเห็นหน้าแม่ก็ตกใจทักว่า ตาเอ็งไปโดนอะไรมา ทำไมช้ำเลือดช้ำหนองขนาดนั้น!? แม่จึงรีบวิ่งเข้าห้องไปส่องกระจก พอเห็นก็ตกใจมาก เพราะตาแม่ช้ำแดงเหมือนโดนชกเส้นเลือดแตก และมีน้ำเหนียวๆ ไหลออกมาตลอด แต่แม่บอกว่าไม่เจ็บเลย แม่ก็งงว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ ทั้งๆ ที่แม่ก็ไม่ได้ไปทำอะไรมา ตาที่เอาหญ้าไปให้ควายที่ล่ามไว้บ้านญาติกลับมาเห็น เลยถามแม่ว่า เมื่อคืนได้ลุกออกจากห้องมาหรือเปล่า? แม่บอกลุกมาฉี่ครั้งเดียวจ้ะ ตาได้ฟังอย่างนั้นก็ไม่พูดจา บอกให้แม่รีบไปแต่งตัว แล้วพานั่งเรือออกไปวัดป่าของหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ กันทันที ตาพาแม่ไปหาพระอาจารย์ท่านหนึ่ง เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พระอาจารย์ฟัง พระอาจารย์จ้องหน้าแม่แล้วบอกว่า วันพระอย่าออกจากบ้าน หรือเปิดบ้านกลางดึกสุ่มสี่สุ่มห้า […]

ตะกรุดผี เรื่องเล่าสยองขวัญ

เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของผมเองครับ เกิดขึ้นเมื่อสิบห้าปีที่แล้วตอนที่ภรรยาตั้งท้องลูกคนแรกครับ หลังจากที่ผมกับภรรยาแต่งงานกันได้สองปี เธอได้ตั้งครรภ์ลูก ผมดีใจมาก พอครบหกเดือนไปอัลตร้าซาวด์ดูแล้วปรากฎว่าเป็นลูกสาว ผมตั้งชื่อให้น้องล่วงหน้าว่า น้องข้าวปุ้น เพราะภรรยาชอบทานขนมจีนมาก พอถึงเดือนที่แปด เราตกลงใจกันว่าจะไปคลอดที่บ้านเกิดเธอที่ยโสธร ผมไปส่งเธอแล้วกลับมาพร้อมบอกว่าใกล้คลอดจะกลับมาหา หลังจากกลับมาทำงานต่อได้หนึ่งอาทิตย์ ทางเดียวที่จะติดต่อกันได้คือตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ผมจะโทรไปสหกรณ์ใกล้ๆ บ้านเธอ วันหนึ่งผมไปทำงาน มีน้องผู้ชายคนนึงเป็นคนสุรินทร์ อายุ 18-19 ปี ทำงานอยู่กับผม ใกล้สิ้นเดือนมันไม่มีเงินกินข้าวเลยมาขอยืมผม ด้วยความสงสารผมจึงให้เงินมันไป 500 บาท ปรากฎว่ามันเอาเงินไปแทงไฮโลและแทงบอลได้เงินมาหมื่นกว่าบาท มันเอาเงินมาคืนผมพันนึง ผมบอกว่าเอาแค่ห้าร้อยก็พอ มันบอกงั้นคืนวันเสาร์นี้ผมพาพี่ไปเที่ยวแล้วกัน เมียพี่อยู่บ้านนอกนี่นา สาวสวยเยอะมาก ผมบอกไม่ไปหรอกเปลืองตังค์ มันบอกผมเลี้ยงเองพี่ ถึงเย็นวันเสาร์ผมออกมาตามนัด มันยื่นตะกรุดดอกนึงให้ บอกว่าให้ใส่ในกระเป๋ากางเกง ผมถามมัน มันก็บอกแค่เพียงว่า ไม่มีไรหรอกพี่! ตะกรุดสายล่างเฉยๆ เมื่อไปถึงผับที่ว่า ผมนั่งโต๊ะกินเหล้ากับมันสองคน มีสาวสองคนเดินมาขอนั่งด้วย ดูคุ้นหน้ามากๆ เธอบอกว่าทำงานเป็นสาวออฟฟิศโรงงานนี้ ผมกับหมอนั่นหันมองหน้ากัน มันโรงงานกูนี่หว่า! พอหันกลับมาเท่านั้นแหละ น้องผู้หญิงสองคนมานั่งบนตักเราทั้งสองแล้ว น้องมากอดมาหอมผม ผมรีบจับตัวน้องนั่งเก้าอี้ดีๆ แล้วรู้สึกว่าในกระเป๋ามันสั่นๆ เอามือจับดูถึงรู้ว่าเป็นตะกรุดดอกนั้น ผมกับน้องคนนั้นนั่งดื่มคุยกันจนถึงเที่ยงคืน น้องผู้หญิงคนที่มานั่งตักผมชวนไปต่อที่ห้องเธอ […]

น้ำหอมแบ่งขาย เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในสมัยที่ผมยังอยู่ต่างจังหวัด เมื่อประมาณสิบถึงสิบสองปีที่ผ่านมา ในสมัยนั้นผมยังเป็นแค่นักศึกษาธรรมดาๆ ทั่วไป ใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นทั่วไป ที่มีกิจกรรมบ้าง เรียนบ้าง ผมมีเพื่อนที่สนิทอยู่คนหนึ่ง ชื่อจุ๊ เราสองคนเติบโตมาด้วยกัน เนื่องจากบ้านเราอยู่ใกล้กันมาก จุ๊นั้นเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา มีเวลาว่างเป็นไม่ได้ ต้องหากิจกรรมนู่นนี่ทำตลอด เธอเป็นนักศึกษาตัวยงที่มีกิจกรรมทำอยู่ตลอดเวลา บางครั้งในช่วงปิดเทอมเธอมักจะชวนเพื่อนๆ ไปสกรีนเสื้อยืด แล้วก็นำไปวางขายที่ตลาดนัดคนเดิน จุ๊จะมีโปรเจคนู่นนี่นั่นอยู่บ่อยๆ เรื่องก็มาเกิดที่ตลาดนัดคนเดินนี่แหละครับ ในช่วงท้ายๆ ของปีการศึกษา พวกเรามีวันหยุดยาว จุ๊จึงชวนผมกับเพื่อนอีกสองคน ไปทำสกรีนเสื้อ เพื่อจะนำไปวางขายที่ตลาดนัดคนเดิน เหมือนกับที่เคยทำผ่านมาอยู่บ่อยๆ เพื่อนผมอีกสองคน เป็นคนไปเดินหาแผง และแล้วพวกเราก็ได้แผงๆ หนึ่ง ซึ่งมีทำเลดีพอสมควร เพราะตรงนั้นมีคนเดินผ่านเยอะมาก ฝั่งตรงข้ามแผงของเรา มีร้านขายน้ำหอมแบบแบ่งขายมาเปิดอีกหนึ่งแผง ซึ่งมีน้ำหอมกลิ่นต่างๆ มากมาย พร้อมกับขวดที่หลากหลายทั้งสวยงาม ทั้งแปลก ให้ได้เลือกซื้อกัน น้ำหอมบรรจุแบ่งขายเป็นซีซี ซีซีละแค่ไม่กี่บาทเท่านั้น พี่เจ้าของร้านอายุน่าจะไม่เกินสามสิบปี เป็นชายหนุ่มรูปร่างปกติและมีมนุษยสัมพันธ์ดี ในวันแรกๆ ที่เรามาตั้งแผงขายด้วยกันนั้น เราก็ทักทายกัน พูดคุยถึงสับเพเหระต่างๆ เท่าที่จำได้ พี่เขาชอบร่อนเร่ขายไปตามตลาดนัดต่างๆ ทั่วประเทศ แต่ที่ไปมาล่าสุด คือจังหวัดที่ติดกับชายแดนประเทศหนึ่ง เพื่อนบ้านเรานั่นเอง หลังจากพวกเรา […]

เปรตป้าบัว เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องนี้มาจากคุณโอ๊ค สมาชิกกลุ่ม TheHOUSE ครับ คุณโอ๊คเล่าว่า.. เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมได้รับฟังมาจากหลวงพี่ท่านหนึ่ง ตอนสมัยที่ผมบวชเณรเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว แน่นอนว่ามีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับภูตผีจากผู้เฒ่าผู้แก่ โดยเฉพาะ ผีเปรต ผีปอบ ผีโพง ผีกระสือ ผีกองกอย.. คือสมัยก่อนหมู่บ้านที่ผมอยู่ ยังไม่ได้พัฒนาเหมือนปัจจุบัน บ้านคนก็ยังไม่เยอะสักเท่าไหร่ วัดประจำหมู่บ้านจะอยู่ห่างออกไป แต่จะมีถนนตัดผ่านเข้าไปภายในตัววัด แล้วทะลุออกไปด้านหลังของวัด จะมีสะพานไม้เก่าๆ ซึ่งเชื่อมต่อไปสู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง มีประมาณ 10 หลังคาเรือน ห่างจากตัววัดออกไป 200 กว่าเมตร ซึ่งพื้นที่ตรงนั้นจะเต็มไปด้วยต้นไม้ปกคลุม ขนาดผ่านไปตอนกลางวันยังวังเวง และเงียบสงัดมาก แต่คนแถบนั้นอยู่กันนานจนชินไปแล้ว ส่วนบริเวณตัววัดจะล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ด้านหน้าจะมีต้นตาลใหญ่ 4 ต้น ส่วนด้านหลังจะปกคลุมไปด้วยป่าไม้ไผ่ และเป็นป่าช้าที่เอาไว้เผาศพ ซึ่งจะอยู่ใกล้กับถนนที่ไปยังหมู่บ้านนั้น หลวงพี่ยอดเล่าว่า ย้อนไปตอนที่ท่านยังเป็นสามเณร ท่านจะมีนิสัยเกเร และดื้อตามประสาเด็ก มีป้าคนหนึ่งชื่อว่าป้าบัว (นามสมมติ) แกมักจะมาทำบุญที่วัด ไม่ก็ตักบาตรที่หน้าบ้านแกเป็นประจำ แต่ป้าบัวแกเป็นคนขี้อิจฉา ชอบด่าว่า ชอบนินทาคนอื่น ไม่เว้นแม้กระทั่งเณรก็โดนดุด่าเป็นประจำ อย่างเช่นว่า บนพื้นศาลามีขี้นก หรือลานวัดไม่สะอาดมีใบไม้ร่วงเต็มไปหมด แกก็จะต่อว่าเณร […]

เล่นพิเรนทร์ เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงเรียนแห่งหนึ่งแถวย่านท่าพระเมื่อประมาณยี่สิบปีที่ผ่านมา วันนั้นเป็นวันพฤหัสบดี ด้วยความอยากรู้อยากลองคุณโน๊ตและเพื่อนๆ ก็มาคุยกันว่า วันศุกร์ตอนเลิกเรียนหลังจากที่ทุกคนกลับบ้านกันหมดแล้ว จะมาเล่นผีถ้วยแก้วกัน โดยคุณโน๊ตอาสาทำกระดานผีถ้วยแก้วเอง จึงได้ไปถามวิธีการมาจากคนเฒ่าคนแก่ จากนั้นก็เริ่มทำ โดยใช้กล่องกระดาษตัดเป็นแผ่นสี่เหลี่ยม ใช้พู่กันจีนแต้มเลือดไก่สดๆ แล้วเขียนข้อความบนกระดาน พอถึงวันศุกร์หลังเลิกเรียน หลังจากที่ทำความสะอาดห้องเสร็จแล้ว คุณโน๊ตและเพื่อนๆ อีกสี่คนก็ได้นั่งกันที่หลังห้อง ดึงเอาอุปกรณ์ทั้งหมดออกมา มีกระดานผีถ้วยแก้ว ถ้วยแก้วเล็กๆ หนึ่งใบ กระจกส่องหน้าประมาณห้านิ้ว กระถางธูปและธูปหนึ่งดอก มีเพื่อนคนนึงขอยืนดูอยู่เฉยๆ จึงมีคนเล่นทั้งหมดสี่คน หลังจากมานั่งล้อมวงกันหมดแล้ว เพื่อนก็พูดขึ้นมาว่า “จะเรียกเค้ายังไงดี” “ท่องนะโมพุทธายะย้อนหลังสามรอบ เป็นการอัญเชิญวิญญาณ” คุณโน๊ตบอก พอทุกคนท่องจบ รู้สึกว่ากระดานมันขยับเล็กน้อย ทุกคนต่างมองหน้ากันเลิกลั่ก คุณโน๊ตพูดว่า “ถ้าท่านมาแล้วให้ไปที่คำว่าใช่ หรือไปที่รูปบ้านก็ได้” แต่แก้วก็ยังไม่ขยับไปไหน แต่อยู่ๆ ไม้กวาดหลังห้องที่อยู่ในช่องเก็บ เด้งตกลงพื้นเอง ทุกคนตกใจหันไปมองเป็นตาเดียว แต่ก็ไม่ได้มีใครสนใจมันมาก แล้วหันไปสนใจผีถ้วยแก้วกันต่อ แต่ว่าเรียกเท่าไหร่ แก้วก็ยังไม่ยอมขยับ แต่คุณโน๊ตสังเกตเห็นเพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ค่อยๆ ก้มหน้าลงทีละนิด เหมือนพยายามสังเกตอะไรสักอย่างในกระจกที่ตั้งอยู่ข้างๆ กระดาน แล้วอยู่ๆ เพื่อนผู้หญิงก็ลุกพรวด คว้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องทันที เพื่อนที่เหลือต่างนั่งมองหน้ากัน คุณโน๊ตคิดในใจว่าเพื่อนต้องเห็นอะไรแน่ๆ […]

แรงอาฆาตของพะสะอู เรื่องเล่าสยองขวัญ

พรานป่าวัยกลางคนชื่อพะสะอู มีเมียชื่อจำปา เป็นลูกสาวพรานจวนซึ่งเป็นเกลอกัน พรานจวนโดนเสือขบเอาสาหัส พะสะอูช่วยดูแลช่วยเหลือเต็มกำลัง แต่เพื่อนเห็นวันตายใกล้เข้ามา จึงได้ฝากฝังลูกสาวให้ช่วยดูแล หรือพูดตรงๆ ก็คือยกลูกสาวให้เป็นเมีย จะได้มีคนเลี้ยงดูคุ้มครอง เมื่อพ่อตาย สาวจำปาก็จำต้องไปอาศัยอยู่เรือนผัวที่ท้ายหมู่บ้าน ผัวแก่เมียสาวคงจะอยู่กินด้วยความปกติสุขดีถ้าไม่มีพรานหนุ่มชื่อเข้มเข้ามาพัวพัน! พะสะอูเคยเห็นมันตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น ซ้ำยังเคยชวนให้เข้าป่าล่าสัตว์มายังชีพตน ฝึกฝนให้เรียนรู้การใช้มีดใช้ปืนจนช่ำชอง สอนให้รู้จักต้นไม้และทางด่าน อีกทั้งห้วยธารที่สัตว์ชอบลงมากินน้ำ จะได้ซุ่มโป่งหรือนั่งห้างคอยยิงได้ตามใจ จนเจ้าเข้มชำนาญป่าไม่น้อยหน้าตน เมื่อได้เมียงามมาจึงไม่ได้หวาดระแวงแม้แต่น้อยนิด ส่วนมากมักจะเข้าป่าด้วยกันเหมือนเคยไปกับพรานจวน แต่พักหลังๆ เจ้าเข้มเกิดปวดหัวตัวร้อนเป็นประจำ พะสะอูก็แบกปืนเข้าป่าคนเดียว ได้หมูป่าหรือว่าได้เก้งกวางก็แล่เนื้อเอาบ้าง วานคนไปช่วยหาบหามมาแบ่งปันกันกินบ้าง ที่แน่ๆ คือนำไปฝากเจ้าเข้มทุกครั้งเห็นร่างกำยำไอ้หนุ่มคราวลูกดูซีดเซียวไป พูดจาด้วยก็เอาแต่หลบตาเหมือนผีกระสืออยู่เป็นประจำ วันหนึ่งก็เกิดเรื่องอุบาทว์ชาติชั่วขึ้นมากะทันหัน! พะสะอูแบกปืนเข้าป่า แต่ก็หาได้พบกับสัตว์น้อยใหญ่ไม่ ราวกับพงไพรกลายเป็นป่าร้างงุ่นง่านรำคาญใจก็มุ่งหน้ากลับบ้านในยามบ่าย พบเข้ากับภาพบาดใจไม่นึกฝัน ริมหนองน้ำชายดงเปล่าเปลี่ยวนั้น ร่างของหญิงชายคู่หนึ่งกำลังกอดรัดกันแน่นหนา กระเสือกกระสนจนต้นหญ้าแทบกระจุยกระจายเห็นแต่ไกลก็จำได้ว่าคือจำปากับเจ้าเข้มกำลังเล่นชู้กัน มิได้เกรงกลัวหรืออับอายผีสางเทวดา พะสะอูโกรธเกรี้ยวเลือดขึ้นหน้า กระชากมีดเหน็บเอววิ่งเข้าใส่ หูตาลายด้วยพิษหึงร้อนฉ่า มิได้สังเกตสังกาเส้นทางให้รอบคอบตามวิสัยพรานผู้เจนไพร เอาแต่ตะบึงไปเร่งด่วนท่าเดียว! อีกาลี! ไอ้เนรคุณ!! เสียงร้องดังลั่น ทำให้หนุ่มสาวคู่นั้นหันขวับ จงอาง ดำเมื่อม โผล่พรวดพราดขึ้นมาแผ่พังพาน พะสะอูผงะหน้าแต่ก็ช้าเกินไป เมื่อเขี้ยวพิษฉกใส่กลางอก พรานใหญ่ขบกราม รู้แน่ว่าวันนี้ถึงคราวตาย […]