เขาใช้กูมา อาถรรพ์คุณไสยที่สุรินทร์

เรื่องเล่าจากอีเมลที่ส่งมาทางรายการ The Shock จากน้องคนหนึ่งที่ไม่ได้ระบุชื่อมา สมมติว่าชื่อ เอ นะครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นที่กรุงเทพ เดิมทีเอนั้นเป็นคนจังหวัดสุรินทร์ เรียนหนังสืออยู่ที่สุรินทร์ แต่ในช่วงปิดเทอมเอก็เข้ามากรุงเทพ เพื่อมาทำงานหารายได้พิเศษที่โรงงานที่น้าสาวทำงานอยู่ พอใกล้จะเปิดเทอมเอก็กลับบ้านที่สุรินทร์เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเปิดภาคเรียนตามปกติ เอกลับมาบ้านได้ไม่ถึงวัน แฟนน้าที่อยู่ที่กรุงเทพก็โทรกลับมาหายายที่สุรินทร์ ว่าน้าสาวเป็นอะไรไม่รู้ อยู่ดีๆ ก็มีอาการแปลกๆ คือเดี๋ยวก็ร้องไห้ เดี๋ยวก็หัวเราะ พอยายรู้แบบนั้นก็ออกไปจุดธูปที่หน้าบ้าน แล้วก็โทรกลับไปหาแฟนน้าคนนี้ แล้วบอกว่า “มึงพาตัวมันมาที่สุรินทร์คืนนี้เลย!” แฟนน้าก็ถามว่าเป็นอะไรครับแม่ แต่ว่ายายยังไม่บอก บอกแค่ว่าให้รีบพากลับมาที่สุรินทร์ก่อน แฟนน้าก็พาน้ากลับสุรินทร์ โดยการเดินทางทางรถไฟ แต่ระหว่างทางแฟนน้าเล่าให้ฟังว่า ตัวน้าสาวนั้นบางทีก็นั่งเฉยๆ อยู่ดีๆ ก็หัวเราะ บางทีจะวิ่งออกจากโบกี้รถไฟ แฟนน้าก็ต้องรีบวิ่งไปดึงกลับมา ซักพักก็ร้องไห้ สลับกับหัวเราะ เป็นอยู่แบบนี้ตลอดทางพอไปถึงบ้านที่สุรินทร์ ยายก็บอกกับแฟนน้าว่า “กูเห็นแล้ว โดนของไม่ดีมาแน่ๆ” ที่คุณยายรู้เพราะว่ายายเป็นร่างทรงประจำหมูบ้าน และยายก็บอกอีกว่า ลำพังยายคนเดียวเอาไม่อยู่แน่ๆ เลยให้ที่บ้านไปนิมนต์หลวงพ่อมา เช้าวันนั้นพอเอตื่นขึ้นมา ก็เห็นสายสิญจน์ล้อมเต็มบ้านเลย แล้วยายก็ให้น้าสาวเข้าไปอยู่ตรงกลางสายสิญจน์ พอหลวงพ่อมาถึง หลวงพ่อก็ทำพิธี ตอนแรกน้าสาวก็นอนอยู่ปกติ แต่พอหลวงพ่อเริ่มสวดมนต์ อยู่ดีๆ น้าสาวก็เด้งลุกขึ้นมานั่ง ทำตาขวาง […]

เรื่องเล่าจากทหารพราน เรื่องเล่าสยองขวัญ

ในสมัยก่อนคุณคิงเป็นทหาร ประจำการอยู่ที่ชายแดนจังหวัดตาก มีคุณลุงท่านนึงที่บ้านอยู่แถวๆ นั้น แกเห็นพวกของคุณคิงบ่อยๆ เข้าก็ได้มานั่งคุยด้วย แกบอกว่า แกก็เคยเป็นทหารพรานอยู่ทางภาคอีสาน แล้วแกก็ถามว่า อยู่ในป่าแบบนี้ เคยเจอผีบ้างหรือเปล่า คุณคิงก็ตอบว่า ลุงมาพูดอะไรกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ พวกผมเข้าเวรกันอยู่ แกก็พูดขึ้นว่า มีเรื่องเล่าให้ฟัง คุณคิงและคนอื่นๆ ก็ตั้งใจฟังด้วยความสนใจ สมัยที่แกเป็นทหารพราน เมื่อก่อนยังเป็นแค่การรับจ้าง ไม่มีสวัสดิการอะไรมากมาย แล้วแกก็ค่อนข้างจะเป็นคนที่เกเร แกมีเพื่อนอยู่คนนึงที่เป็นบัดดี้ เวลาออกตรวจพื้นที่หรือลาดตระเวนตามแนวตะเข็บชายแดนก็มักจะไปด้วยกัน ซึ่งจริงๆ ก็ไปด้วยกันหลายคน แต่จะสนิทกับเพื่อนคนนี้เป็นพิเศษ เพื่อนคนนี้ชื่อ ลุงเทียน เวลาลาดตะเวนบางทีคุณลุงแกก็นำ บางทีลุงเทียนก็นำ แต่ส่วนมากลุงเทียนจะนำมากกว่า เวลาประจำตามจุดต่างๆ คุณลุงแกก็จะแอบเอาเหล้าเข้าไปให้ หลังๆ มาโดนหัวหน้าที่มียศสูงกว่าจับแยกกัน เพราะว่าทั้งสองคนเมาด้วยกันบ่อยเกินจนเสียงานเสียการ ไม่ยอมมาปฏิบัติหน้าที่ มีอยู่วันหนึ่งหลังจากโดนจับแยกแล้ว คุณลุงกับลุงเทียนก็ต้องเข้าเวรคนละจุด แต่ด้วยความที่คุณลุงอยากเหล้า แกก็นึกถึงลุงเทียน ว่าเวลานี้ลุงเทียนเป็นยังไงบ้าง จะอยากเหล้าเหมือนกันไหม ระหว่างที่แกกำลังคิด หูก็ได้ยินเสียงเหมือนคนวิ่งผ่านไปแถวๆ ข้างหน้า ตรงจุดที่แกเข้าเวรอยู่ แกก็หยุดนิ่งแล้วฟังเสียง สักพักก็ได้ยินเสียงมาจากด้านหน้าอีกครั้ง ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ แกรีบเปิดสปอร์ตไลท์ส่องฝ่าความมืดไปบริเวณหน้าป้อม แกเห็นเป็นเงาคนแว้บๆ […]

เฮี้ยน! วิญญาณหลอนที่บุรีรัมย์

เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณนุ่นเมื่อสิบสองปีที่แล้ว ที่จังหวัดบุรีรัมย์ครับ เรื่องออกจะเศร้าๆ นะ แต่เราว่ามันน่ากลัวดี ก็ขอแสดงความเสียใจกับคุณนุ่นและครอบครัวด้วยนะครับ เรื่องมีอยู่ว่า คุณนุ่นมีป้าสะใภ้เปิดร้านขายยาอยู่ มีคุณลุงประกอบอาชีพส่งมะเขือเทศให้จังหวัดนครราชสีมา ทั้งสองมีลูกสามคน แล้วคุณป้าเป็นคนที่ดุมาก อะไรนิดหน่อยก็จะตวาดใส่ตลอด วันหนึ่งก็มีคนมาบอกกับคุณป้าว่าคุณลุงนอกใจนะ ที่เห็นกลับบ้านไม่เป็นเวลานี่ก็เพราะแอบไปอยู่กับเมียน้อย คุณป้าได้ยินแบบนั้นก็เลยจะลองเช็กดู ก็พาลูกสาวไปคนนึง ขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปโทรศัพท์ตู้สาธารณะ แต่พอโทรไปจะดูว่าทางฝั่งลุงนอนอยู่ที่ที่บอกไว้จริงหรือเปล่า ปรากฏว่าโทรไม่ติด คุณป้าก็เลยโมโห ขึ้นมอเตอร์ไซค์จะกลับ แต่ไม่ทันถึงบ้านก็ประสบอุบัติเหตุ โดนรถสิบล้อทับเสียชีวิตไปซะก่อน ลูกสาวเองก็เสียชีวิตเช่นกัน พอญาติๆ ทราบเรื่องก็รีบมาช่วยงานกัน แต่ก็ยังติดต่อคุณลุงไม่ได้ ทำให้คุณลุงยังไม่ทราบเรื่องว่าเมียตายแล้ว งานศพก็จัดขึ้นที่วัดไม่ไกลจากบ้านคุณป้ามากนัก คืนที่สองของงาน แขกมากันเยอะกว่าคืนแรก อุปกรณ์จำพวก หม้อ ถ้วย ชาม ของที่วัดมีไม่พอ ผู้ใหญ่ก็เลยใช้คุณนุ่นให้ไปเอาของจากบ้านผู้ตาย คุณนุ่นก็อิดออดไม่อยากไปเพราะกลัวผี แต่สุดท้ายก็ยอมไปโดยไปกับพี่ชายอีกคนนึง พอไปถึงหน้าบ้านก็เห็นว่ารถของลุงจอดอยู่หน้าบ้าน ทั้งคู่ก็อุ่นใจขึ้นเพราะมีคนอยู่ด้วยแล้ว ลุงเองก็คงจะรู้แล้วว่าเมียตัวเองตาย พอเปิดประตูบ้านเข้าไปปุ๊บ เห็นลุงยืนอยู่ตรงบันไดขั้นที่สาม แล้วเงยหน้าตะโกนคุยกับใครไม่รู้ที่ชั้นสองอยู่ ลุงพูดเสียงดังมาก เหมือนทะเลาะกันอยู่ คุณนุ่นกับพี่ชายยืนอยู่ไม่ห่างคุณลุงมาก ก็งงๆ ว่าแกทะเลาะกับใครอยู่ แต่คิดว่าคงเป็นญาติฝ่ายคุณป้าเข้ามาที่บ้าน จะมองขึ้นไปดูก็ไม่เห็นว่าเป็นใคร เพราะชั้นสองไม่ได้เปิดไฟ ซักพักก็มีกระโถนลอยลงมาจากชั้นสองอย่างแรง เหมือนถูกปาลงมา […]

ไปไม่ถึงภูชี้ฟ้า เรื่องเล่าสยองขวัญ

เรามีประสบการณ์แปลกๆ มาเล่าให้ฟัง เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว บอกก่อนเลยนะว่าตั้งแต่เด็กๆ หลายคนจะบอกเราเสมอว่าเรามีสัมผัสที่ 6 บ้าง เรามีตาที่ 3 บ้าง ทั้งคนที่รู้จักเราและไม่รู้จักเรา บางทีไปซื้อของกับคนเฒ่าคนแก่ เขาจะพูดขึ้นมาว่า หนูเก็บสิ่งนี้ไว้นะ มันดี เราก็ทำได้แค่ยิ้มแล้วตอบว่า “ค่ะ” เราไม่คิดนะว่าเรามีสัมผัสที่ 6 หรือเห็นผีอะไรทั้งนั้น เรามองมันเป็นแค่ภาพผ่าน ภาพมโนของตัวเองที่เกิดแค่เสี้ยววินาที แล้วมันแค่บังเอิญมีตัวตนจริงๆ แต่เขาไม่มีลมหายใจแล้วแค่นั้นเอง แต่มันมีเรื่องแปลกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เรากับเพื่อน หลอนและกลัวทุกครั้งที่นึกถึง จนถึงทุกวันนี้ มันเกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2015 เรากับเพื่อนๆ นัดกันว่าจะไปเที่ยวภูชี้ฟ้า เพราะปี 2014 เราเคยไปกันแล้ว แต่ไปกลางเต็นท์นอนกันสนุกสนานตามเรื่องตามราว ทำให้ปีต่อมาเรานัดจะไปกันอีก แต่ครั้งนี้มีพี่ชายและพี่สะใภ้เพื่อนไปด้วย ทำให้พวกเราเลือกที่จะจองที่พักเป็นบ้าน เพื่อที่จะเป็นส่วนตัว พวกเราไปกัน 8 คน เพื่อนเราเป็นคนจองที่พัก (ขอไม่บอกชื่อนะ) พอถึงวันไปเราก็ขับรถตาม GPS ไปจนใกล้ถึงแต่พวกเราหาทางเข้าไปที่พักไม่เจอ ขับวนอยู่หลายรอบ แต่ก็เริ่มรู้สึกไม่โอเคเพราะที่พักมันไกลภูชี้ฟ้ามาก เหมือนยังไม่ได้ขึ้นภูเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ใจดีสู้เสือ เอาวะ ยังไงก็ต้องหาที่พักให้เจอก่อนเพราะจองไปแล้ว […]

คนเห็นผี เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

ฉันเชื่อว่าคุณหลายคนต้องเคยดูละครเรื่อง เขาวานให้หนูเป็นสายลับ ทางช่อง 3 ที่เกริ่นมานี่ไม่ใช่เพราะฉันสวยเหมือนนางเอกส้วมหรอกค่ะ ฉันแค่มีบางอย่างที่คล้ายเธอ ฉันไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ฉันเป็นมันคือพรสวรรค์หรือใครจะเรียกคนประเภทฉันว่าอย่างไรก็สุดแล้วแต่ สรุปสั้นๆ เข้าใจง่ายๆ คือฉันเห็นผีนั่นเอง! ฉันเป็นคนกรุงเทพฯโดยกำเนิด ตอนฉันยังเด็ก ฉันเคยประสบอุบัติเหตุจมน้ำ น้าที่เป็นคนช่วยชีวิตฉันเล่าให้ฟังว่า ตอนที่งมฉันขึ้นมานั้นร่างของฉันขาวซีด เนื้อตัวอ่อนปวกเปียก ริมฝีปากเริ่มเขียวคล้ำ จนทุกคนคิดว่าฉันคงไม่รอดแน่ๆ แม่ตกใจร้องห่มร้องไห้จนเป็นลมล้มพับ น้าพยายามช่วยปฐมพยาบาลจนฉันฟื้นราวปาฏิหาริย์ ฉันลุกขึ้นนั่งอย่างงุนงงอยู่ชั่วครู่ แม่เข้ามากอดฉันถามว่าฉันจมน้ำไปได้อย่างไร ฉันเล่าว่า กำลังเล่นขายของกับน้องๆ อยู่ๆ ก็มีเด็กคนหนึ่งคลานขึ้นมาจากตลิ่ง เด็กคนนั้นตัวขาวซีดเซียว ตาโปนโตสีแดงก่ำ ไม่สวมเสื้อผ้า เค้าพูดว่า ช่วยด้วยๆๆ กับฉันหลายครั้ง ฉันวางของเล่นในมือลง แล้วเดินเข้าไปหาเด็กคนนั้นที่นอนพาดอยู่ริมตลิ่งด้วยสมองที่ว่างเปล่า เด็กคนนั้นชี้มือไปที่น้ำ ฉันเดินผ่านเด็กคนนั้นลงไปที่แม่น้ำ ฉันเห็นว่ามีบางอย่างกำลังขยับเขยื้อน เมื่อมองลึกลงไปจากผิวน้ำ มีใบหน้าหนึ่งกำลังจ้องมาที่ฉัน ผมของเค้ายาวดำขลับกลืนไปกับสีของน้ำ ขยับพลิ้วเป็นคลื่นกระจายแผ่ไปทั่วบริเวณนั้น ปากแดงที่กำลังแสยะยิ้มกว้างถึงหูกำลังกวักมือเรียกฉันลงไปหาเค้า ฉันแว่วได้ยินเสียงน้องๆ ร้องเรียกแต่ฉันหันหลังกลับไปไม่ได้ ได้แต่ยืนละล้าละลังอยู่ตรงนั้น จนในที่สุดก็มีมือคู่หนึ่งสีเขียวคล้ำเล็บยาวดำปิ๊ดปี๋ โผล่ขึ้นมาจากน้ำกระชากขาของฉันดำดิ่งลึกลงไปสู่ใต้น้ำ ฉันดิ้นทุรนทุรายกระเสือกกระสนจะกลับขึ้นฝั่ง จนฟองอากาศจำนวนมากออกจากปากออกจากจมูกอย่างรวดเร็ว ที่ลำคอเหมือนมีสาหร่ายสีดำลื่นเป็นกระจุกมารัดไว้ สติยังกระตุ้นเตือนให้ฉันรู้สึกเจ็บแปลบที่ขาข้างขวาเหมือนถูกอะไรบางอย่างเกี่ยวรั้งไว้จนได้เลืoด ฉันดิ้นรนสำลักน้ำอยู่ชั่วอึดใจ ตาฉันเริ่มลอยคว้าง สมองอ่อนล้า ร่างกายเริ่มหมดเรี่ยวแรง […]

ณ ใจกลางป่า มันมากับสายฝน เรื่องเล่าประสบการณ์เดินป่าสุดสยอง

เรื่องนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าเขาแห่งหนึ่งในแถบภาคใต้ตอนบน เป็นเรื่องของผู้ใหญ่วัยกลางคน ทั้งหมด 5 คน ที่ตัดสินใจเดินป่าไปเพื่อถ่ายรูป พวกเขารักป่าจริงๆ ชาย 5 คน เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างครบ ก็ออกเดินทางด้วยรถจิ๊บ 1 คัน พอไปถึงตีนเขา ก็จัดแจงฝากรถไว้กับบ้านคนรู้จักในระแวกนั้น หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าเดินขึ้นไปบนภูเขาเต็มกำลัง เพราะอยากจะไปให้ถึงจุดกางเต็นท์ไวๆ เพราะตรงนั้นกรมป่าไม้เขาถางป่าทิ้งไว้เพื่อเป็นจุดพัก เดินมาเรื่อยๆ ก็ถ่ายรูปเก็บไปเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน จนทุกคนก็มาถึงจุดพักได้จริงๆ จังๆ สักที ก็ต่างพากันกางเต็นท์ให้เสร็จไวๆ เพราะว่ากลัวฝนฟ้าจะตกลงมา แล้วอุปกรณ์จำพวกอิเล็คทรอนิคต่างๆ จะพัง พอกางเต็นท์ปุ๊บ ก็ไปหาเศษไม้แห้งแถวๆ นั้นมาทำเป็นฟืนเพื่อก่อกองไฟ จะได้ต้มน้ำชงกาแฟกัน แต่ในจังหวะที่คณะเดินทางคนนึง แกกำลังก้มหักกิ่งไม้ แกรู้สึกเหมือนหยดน้ำอะไรหล่นใส่หลังแก พอแกเงยหน้าไปดู ฝนเหรอ ไม่น่าใช่เมฆโปรงขนาดนี้ หรือเยี่ยวของแมลง แต่แกก็ไม่ได้สนใจอะไร เดินกลับไปพร้อมเศษไม้เล็กๆ และก็ก่อกองไฟเสร็จสรรพ เวลาประมาณเย็นๆ ทุกคนมานั่งล้อมกองไฟ พร้อมคุยตามประสาเพื่อนๆ จนพอมืดค่ำ จู่ๆ ฝนดันตกลงมาเฉยเลย แถมตกแรงด้วย ทุกคนก็เลยรีบพากันเข้าไปในเต็นท์อย่างไว หลังจากเข้าไปอยู่ในเต็นท์ ก็นั่งคุยกันต่อพร้อมหยิบกล้องมาดูภาพที่ถ่ายมาทั้งหมด แต่สักพักเพื่อนคนนึงที่นั่งอยู่ใกล้หน้าต่างของเต็นท์ เหมือนแกเหลือบไปเห็นอะไรสักอย่างในกองไฟที่กำลังจะดับเพราะสายฝน […]

ทำไปได้ยังไง เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมได้ยินได้ฟังมาอีกทอดหนึ่ง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านเรื่องต่อไปนี้ ขอขอบคุณครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว ที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี มีลูกสาวของคหบดีคนหนึ่งซึ่งเป็นคนมีฐานะ เกิดไม่สบายจึงเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เธออายุไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ เป็นคนสวย อัธยาศัยดี มานอนรักษาตัวอยู่เป็นเวลาเกือบๆ เดือน เธอจึงเป็นที่รู้จักมักใคร่ของพนักงานเกือบทุกแผนกในโรงพยาบาลแห่งนั้น อยู่มาวันหนึ่ง อาการของเธอทรุดหนักลงถึงขั้นโคม่า ซึ่งแต่ก่อนก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าอาการแบบนี้เรียกว่าอะไร แต่ถ้าเป็นในสมัยนี้ก็คงคล้ายๆ กับการติดเชื้อในกระแสเลือด และเธอก็ได้เสียชีวิตลง ด้วยความที่สมัยตอนยังมีชีวิต ตัวเธอเป็นที่รักและหมายตาของใครหลายๆ คน รวมถึงพวกหนุ่มๆ พนักงานซึ่งอยู่ในวัยคะนอง เรื่องมันมาเกิดขึ้นก็ตรงที่ว่า เธอได้เสียชีวิตในตอนกลางคืน และในสมัยนั้นการติดต่อสื่อสารไม่สะดวกสบายเท่ากับทุกวันนี้ โทรศัพท์ก็ยังเป็นโทรศัพท์บ้าน เมื่อญาติเธอรู้ข่าว จึงแจ้งกับโรงพยาบาลว่าสะดวกที่จะมารับศพในวันรุ่งขึ้น เมื่อทราบดังนั้น ขั้นตอนต่อไปคือการเก็บศพ ซึ่งห้องเก็บศพจะอยู่ด้านหลังของโรงพยาบาล เป็นหน้าที่ของบุรุษพยาบาล 1 คน และพนักงานห้องดับจิต 1 คน ทั้งสองเข็นร่างไร้วิญญาณของเธอมา ซึ่งตึกหญิงกับห้องเก็บศพระยะทางค่อนข้างไกลกันพอสมควร ด้วยความคะนองหรืออย่างไรไม่ทราบ พวกเขาเอามือล้วงเข้าไปที่หว่างขาของศพ ทำการกระทำชำเราศพ เอามือไปจับ ไปบีบ ไปล้วง ซึ่งด้วยความที่ศพเพิ่งตายใหม่ๆ จึงยังคงสภาพและร่างกายก็ยังนิ่มๆ อยู่ ขณะที่กระทำการกันอยู่ก็ส่งเสียงเอิ้กอ้ากสนุกสนานเป็นที่สำราษบานใจ […]

เงาปริศนา ตรงร่องน้ำกลางถนนลพบุรีราเมศวร์ จ.สงขลา เรื่องเล่าสยองขวัญ

ถนน ลพบุรีราเมศวร์ จ.สงขลา ถ้าเป็นคนที่อาศัยหรือมาใช้ชีวิตใน อ.หาดใหญ่ และ อ.เมืองสงขลา คงจะคุ้นเคยกับถนนสายนี้เป็นอย่างดีนะครับ ก็เป็นถนนที่ตัดตรงเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ จาก 4 แยกบางกล่ำ ไปจรด 4 แยกน้ำกระจาย ของ อ.เมือง เป็นถนน 4 เลน ที่มีโค้งน้อยมาก ตามรูปที่แนบมา ช่วงต้นทาง สองข้างทางจะเต็มไปด้วยตึกและอาคารที่ผุดขึ้นมาหลังการมีถนน ช่วงกลางแถวๆ มัสยิดใหญ่ จะตัดผ่านทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา มองเห็นเขาคอหงส์หลังเมืองหาดใหญ่อยู่ไกลๆ ส่วนช่วงใกล้เขต อ.เมือง ตรงที่เป็นโค้งก่อนถึง 4 แยกน้ำกระจาย จะเป็นเนินเขา ไอ่ช่วงกลางก่อนถึงช่วงปลายของถนนเส้นนี้ ตอนกลางคืนจะเปลี่ยวมาก ยิ่งตอนดึกๆ รถน้อยๆ จะยิ่งเปลี่ยวสุดๆ ช่วงกลางวันกับหัวค่ำไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เพราะคน อ.เมือง และหาดใหญ่ ใช้เส้นทางนี้ บวกกับรถที่มาจากที่อื่นก็ทำให้พลุกพล่านพอสมควร แต่เพราะรถมากนี่แหละ ทำให้ถนนเส้นนี้ขึ้นชื่อเรื่อง “คนตาย” เยอะมาก ก็ตายจากอุบัติเหตุทางรถนั้นแหละ มันก็ธรรมดาของถนนที่รถเยอะอยู่แล้ว ที่จะมีอุบัติเหตุบ่อยๆ ไม่น่าแปลก แต่จากประสบการณ์ตรงของการขับรถผ่านถนนเส้นนี้บ่อยๆ กับจากคนรอบข้างที่เจออะไรแปลกๆ […]

เรื่องเล่าผี ราชภัฏสวนสุนันทา

เมื่อลองดูประวัติคร่าวๆ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาแล้ว เรื่องความเฮี้ยนต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เพราะก่อนจะก่อตั้งเป็นมหาวิทยาลัยนั้น เดิมเคยเป็นวังเก่าของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ซึ่งเป็นพระอัครมเหสีพระองค์แรกของรัชกาลที่ 5 เด็กนักศึกษาที่นี่ส่วนมากจึงเรียกตัวเองว่า “ลูกพระนาง” และด้วยความเป็นสถานที่เก่าแก่ มีระยะเวลาเนิ่นนาน จึงไม่น่าแปลก ถ้าจะมีเรื่องราวชวนให้นึกคิดเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็นอยู่เสมอ เรื่องเล่าหลอนๆ สวนสุนันทา ตึกเหลือง ว่ากันว่าตึกที่เก่าที่สุดของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ก่อสร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 นักศึกษามักเรียกกันว่า “ตึกเหลือง” สมัยก่อนเป็นที่ประทับของเชื่อพระวงศ์ในวัง ปัจจุบันตึกนี้ได้เปิดให้ใช้บริการนวดแผนโบราณให้แก่คนนอกได้ด้วย (ชั้นบนสุดมีเรื่องราวลี้ลับเกี่ยวกับสวนสุนันทาสมัยก่อนมีรูปภาพ และโมเดลแผนที่ในสมัยที่ยังเป็นวังเก่าอยู่ด้วย) ใต้ดินตึกศิลปกรรม เรื่องที่ฟังทีไรต้องขนลุกทุกที ก็คือเรื่อง “ใต้ดินตึกศิลปกรรม” ว่ากันว่าที่ชั้น G ตึกศิลปกรรม หรือชั้นใต้ดินนั้น ในสมัยยังเป็นวัง ที่ตรงนี้คือคุกเก่าไว้ขังนักโทษ และในตอนกลางคืน ยามที่นี่ก็จะได้ยินเสียงโซ่ลากตลอดเวลา เสียงนั้นน่าจะเป็นเสียงโซ่ตรวนที่ใช้ล่ามขานักโทษ รวมถึงมีนักศึกษาคนหนึ่งเคยทำงานอยู่ใต้ตึกในเวลากลางคืน โดยนักศึกษาคนนั้นเขียนงานไปดูดบุหรี่ไปด้วย จนเห็นพระนางสุนันทามาเตือนให้เลิกดูดบุหรี่ หรือบางคนก็เล่าว่า มีนักศึกษาคนที่มีสัมผัสซิกเซ้นส์มาเรียนได้ไม่ถึงเทอมก็ลาออก เขาเล่าให้ฟังว่า “อยู่ไม่ได้เลย เพราะสวนสุนันทามีผีในวังเยอะมาก” และทุกวันนี้ก็ไม่มียามมาเฝ้าชั้นใต้ดินตอนดึกๆ อีกเลย ชั้น 4 ตึกศิลปกรรม เรื่องราวชวนสยองของตึกศิลปกรรมยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะบริเวณชั้น 4 […]

แกนั่งอยู่บนขื่อบ้าน เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 38 ปีก่อน สมัยที่ผมเพิ่งจบ ม.ศ.3 ใหม่ๆ อายุราว 16-17 ปี ผมมีเพื่อนสนิทอยู่ 3 คน ชื่อ เต๊ก บุญเลิศ และชัย บ้านของผม เต๊ก และบุญเลิศ อยู่ที่กรุงเทพ ส่วนชัยมีบ้านอยู่ทางภาคอีสาน วันนั้นพวกผมเรียนจบ ม.ศ.3 กันพอดี จึงอยากจะไปเที่ยวพักผ่อน พวกผม 3 คนจึงจะไปเที่ยวหาชัยที่บ้าน ซึ่งชัยเขาได้กลับบ้านไปก่อนหน้านั้นแล้ว เราเดินทางไปบ้านชัยโดยขึ้นรถไฟจากหัวลำโพงกันตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะได้ไปถึงบ้านชัยไม่ค่ำมาก จะได้ไม่ลำบากตอนเดินเข้าไปหาบ้านชัย เพราะต้องเดินเท้ากันเข้าไปลึก เรานั่งรถไฟไปถึงประมาณบ่าย 3 โมงเย็น ชัยมารับพวกผมที่สถานีรถไฟและต่อรถสองแถวเข้าไปแถวระแวกบ้านของชัย หลังจากที่ลงรถสองแถวพวกผมจะต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตรเพราะไม่มีรถและก่อนที่จะไปถึงบ้านของชัยที่อยู่สุดทาง พวกผมได้ผ่านบ้านที่พ่อแม่ชัยพักอาศัยอยู่เพื่อจะมาดูแลไร่นา ซึ่งอยู่ด้านหน้าปากทาง กว่าจะเดินถึงบ้านชัยก็ปาไปบ่ายสี่โมงเย็น พอจัดข้าวของเสร็จได้ซักพัก แม่ของชัยได้ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาเรียกให้ชัยไปดูพ่อที่ไม่สบายที่บ้านตรงปากทางเข้า เพราะแม่ต้องไปเอายาในตัวอำเภอ ชัยได้ยินแม่เรียกจึงออกไปแล้วบอกกับพวกผมว่า พักอยู่ที่นี่ พวกมึงไม่ต้องเกรงใจนะ ทำตัวตามสบาย ผมจึงให้เต๊กไปเป็นเพื่อนชัยเผื่อจะได้ช่วยกันดูแลพ่อ ส่วนผมอยู่กับบุญเลิศที่บ้าน เพราะจะได้อยู่เป็นเพื่อนป้าของชัยที่พักอยู่ที่นี่ ป้าเป็นพี่สาวของแม่ชัย อายุราว […]