ตามมาเพียบ! ประสบการณ์หลอนพระวัดป่า

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย เมื่อประมาณสองเดือนทีผ่านมา น้องชายของคุณโต้งกลับมาจากต่างประเทศ จึงมีแพลนที่จะทำร้านอาหารกัน แต่ตอนนั้น คุณโต้งอายุสามสิบ ยังไม่เคยบวชให้คุณพ่อคุณแม่ ก็คิดว่าจะขอบวชก่อน จึงได้ไปดูฤกษ์บวชมา เป็นวันที่สี่เดือนเมษายน บ้านของคุณโต้งจะอยู่ในตัวเมืองเชียงราย ตั้งใจไว้ว่าจะบวชที่วัดใกล้บ้านก่อนสองวัน แล้วอีกเจ็ดวันจะย้ายไปบวชที่วัดป่า ตอนที่คุณโต้งบวชอยู่ที่วัดในเมือง คุณโต้งได้อยู่กุฏิคนเดียว ถึงจะเป็นวัดในเมือง แต่ตกกลางคืนแล้วก็ค่อนข้างเงียบมาก แทบจะไม่มีเสียงรถหรือเสียงอย่างอื่นมารบกวน กิจวัตรประจําวันก็เหมือนกับวัดอื่นๆ ทำวัดเช้าตอนตีห้า ทำวัดเย็นตอนห้าโมง จนถึงวันที่คุณโต้งย้ายไปที่วัดป่า ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณหกสิบกิโลเมตร ล้อมรอบด้วยป่าและภูเขา ไม่มีสัญญาณมือถือ ภายในวัดจะมีศาลาการเปรียญหลังไม่ใหญ่มาก ด้านหลังศาลาจะเป็นเมรุเผาศพ ส่วนกุฏิรวมจะอยู่หลังวัด ห่างจากศาลาประมาณสี่ร้อยเมตร ทางเดินไปกุฏิจะเป็นทางตัดผ่านเข้าไปในป่า เป็นแค่ช่องทางเดินเล็กๆ สองข้างทางจะเป็นต้นไม้สูง ขึ้นเบียดเสียดกันจนแน่นขนัด กุฏิรวมจะมีสองชั้น คุณโต้งมาถึงที่วัดแห่งนี้ประมาณบ่ายสามโมง ทางวัดจัดให้คุณโต้งพักที่กุฏิรวม แต่คุณโต้งขอพักที่กุฏิเดี่ยว ซึ่งจะอยู่ไม่ห่างจากกุฏิรวมมากนัก มีห้องน้ำในตัว แต่ไม่มีพระอาศัยอยู่ คุณโต้งก็เดินสำรวจกุฏิ ก็พบว่าประตูห้องน้ำชำรุด แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนเวลาประมาณหกโมง ก็ถึงเวลาทำวัดเย็น หลังจากทำวัดเย็นเสร็จ คุณโต้งก็เริ่มเจอพระที่มาบวชเหมือนกัน ได้เข้ามาทักทายคุณโต้งว่า อ้าวหลวงพี่ นอนที่ไหนเหรอ คุณโต้งจึงบอกว่า นอนที่กุฏิเดี่ยวครับหลวงพี่ หลวงพี่ท่านนั้นก็ถามกลับว่า จะนอนที่กุฏินั้นจริงๆ เหรอ […]

เปรตป้าบัว เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องนี้มาจากคุณโอ๊ค สมาชิกกลุ่ม TheHOUSE ครับ คุณโอ๊คเล่าว่า.. เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมได้รับฟังมาจากหลวงพี่ท่านหนึ่ง ตอนสมัยที่ผมบวชเณรเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว แน่นอนว่ามีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับภูตผีจากผู้เฒ่าผู้แก่ โดยเฉพาะ ผีเปรต ผีปอบ ผีโพง ผีกระสือ ผีกองกอย.. คือสมัยก่อนหมู่บ้านที่ผมอยู่ ยังไม่ได้พัฒนาเหมือนปัจจุบัน บ้านคนก็ยังไม่เยอะสักเท่าไหร่ วัดประจำหมู่บ้านจะอยู่ห่างออกไป แต่จะมีถนนตัดผ่านเข้าไปภายในตัววัด แล้วทะลุออกไปด้านหลังของวัด จะมีสะพานไม้เก่าๆ ซึ่งเชื่อมต่อไปสู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง มีประมาณ 10 หลังคาเรือน ห่างจากตัววัดออกไป 200 กว่าเมตร ซึ่งพื้นที่ตรงนั้นจะเต็มไปด้วยต้นไม้ปกคลุม ขนาดผ่านไปตอนกลางวันยังวังเวง และเงียบสงัดมาก แต่คนแถบนั้นอยู่กันนานจนชินไปแล้ว ส่วนบริเวณตัววัดจะล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ด้านหน้าจะมีต้นตาลใหญ่ 4 ต้น ส่วนด้านหลังจะปกคลุมไปด้วยป่าไม้ไผ่ และเป็นป่าช้าที่เอาไว้เผาศพ ซึ่งจะอยู่ใกล้กับถนนที่ไปยังหมู่บ้านนั้น หลวงพี่ยอดเล่าว่า ย้อนไปตอนที่ท่านยังเป็นสามเณร ท่านจะมีนิสัยเกเร และดื้อตามประสาเด็ก มีป้าคนหนึ่งชื่อว่าป้าบัว (นามสมมติ) แกมักจะมาทำบุญที่วัด ไม่ก็ตักบาตรที่หน้าบ้านแกเป็นประจำ แต่ป้าบัวแกเป็นคนขี้อิจฉา ชอบด่าว่า ชอบนินทาคนอื่น ไม่เว้นแม้กระทั่งเณรก็โดนดุด่าเป็นประจำ อย่างเช่นว่า บนพื้นศาลามีขี้นก หรือลานวัดไม่สะอาดมีใบไม้ร่วงเต็มไปหมด แกก็จะต่อว่าเณร […]

เล่นพิเรนทร์ เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่โรงเรียนแห่งหนึ่งแถวย่านท่าพระเมื่อประมาณยี่สิบปีที่ผ่านมา วันนั้นเป็นวันพฤหัสบดี ด้วยความอยากรู้อยากลองคุณโน๊ตและเพื่อนๆ ก็มาคุยกันว่า วันศุกร์ตอนเลิกเรียนหลังจากที่ทุกคนกลับบ้านกันหมดแล้ว จะมาเล่นผีถ้วยแก้วกัน โดยคุณโน๊ตอาสาทำกระดานผีถ้วยแก้วเอง จึงได้ไปถามวิธีการมาจากคนเฒ่าคนแก่ จากนั้นก็เริ่มทำ โดยใช้กล่องกระดาษตัดเป็นแผ่นสี่เหลี่ยม ใช้พู่กันจีนแต้มเลือดไก่สดๆ แล้วเขียนข้อความบนกระดาน พอถึงวันศุกร์หลังเลิกเรียน หลังจากที่ทำความสะอาดห้องเสร็จแล้ว คุณโน๊ตและเพื่อนๆ อีกสี่คนก็ได้นั่งกันที่หลังห้อง ดึงเอาอุปกรณ์ทั้งหมดออกมา มีกระดานผีถ้วยแก้ว ถ้วยแก้วเล็กๆ หนึ่งใบ กระจกส่องหน้าประมาณห้านิ้ว กระถางธูปและธูปหนึ่งดอก มีเพื่อนคนนึงขอยืนดูอยู่เฉยๆ จึงมีคนเล่นทั้งหมดสี่คน หลังจากมานั่งล้อมวงกันหมดแล้ว เพื่อนก็พูดขึ้นมาว่า “จะเรียกเค้ายังไงดี” “ท่องนะโมพุทธายะย้อนหลังสามรอบ เป็นการอัญเชิญวิญญาณ” คุณโน๊ตบอก พอทุกคนท่องจบ รู้สึกว่ากระดานมันขยับเล็กน้อย ทุกคนต่างมองหน้ากันเลิกลั่ก คุณโน๊ตพูดว่า “ถ้าท่านมาแล้วให้ไปที่คำว่าใช่ หรือไปที่รูปบ้านก็ได้” แต่แก้วก็ยังไม่ขยับไปไหน แต่อยู่ๆ ไม้กวาดหลังห้องที่อยู่ในช่องเก็บ เด้งตกลงพื้นเอง ทุกคนตกใจหันไปมองเป็นตาเดียว แต่ก็ไม่ได้มีใครสนใจมันมาก แล้วหันไปสนใจผีถ้วยแก้วกันต่อ แต่ว่าเรียกเท่าไหร่ แก้วก็ยังไม่ยอมขยับ แต่คุณโน๊ตสังเกตเห็นเพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ค่อยๆ ก้มหน้าลงทีละนิด เหมือนพยายามสังเกตอะไรสักอย่างในกระจกที่ตั้งอยู่ข้างๆ กระดาน แล้วอยู่ๆ เพื่อนผู้หญิงก็ลุกพรวด คว้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องทันที เพื่อนที่เหลือต่างนั่งมองหน้ากัน คุณโน๊ตคิดในใจว่าเพื่อนต้องเห็นอะไรแน่ๆ […]

แรงอาฆาตของพะสะอู เรื่องเล่าสยองขวัญ

พรานป่าวัยกลางคนชื่อพะสะอู มีเมียชื่อจำปา เป็นลูกสาวพรานจวนซึ่งเป็นเกลอกัน พรานจวนโดนเสือขบเอาสาหัส พะสะอูช่วยดูแลช่วยเหลือเต็มกำลัง แต่เพื่อนเห็นวันตายใกล้เข้ามา จึงได้ฝากฝังลูกสาวให้ช่วยดูแล หรือพูดตรงๆ ก็คือยกลูกสาวให้เป็นเมีย จะได้มีคนเลี้ยงดูคุ้มครอง เมื่อพ่อตาย สาวจำปาก็จำต้องไปอาศัยอยู่เรือนผัวที่ท้ายหมู่บ้าน ผัวแก่เมียสาวคงจะอยู่กินด้วยความปกติสุขดีถ้าไม่มีพรานหนุ่มชื่อเข้มเข้ามาพัวพัน! พะสะอูเคยเห็นมันตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น ซ้ำยังเคยชวนให้เข้าป่าล่าสัตว์มายังชีพตน ฝึกฝนให้เรียนรู้การใช้มีดใช้ปืนจนช่ำชอง สอนให้รู้จักต้นไม้และทางด่าน อีกทั้งห้วยธารที่สัตว์ชอบลงมากินน้ำ จะได้ซุ่มโป่งหรือนั่งห้างคอยยิงได้ตามใจ จนเจ้าเข้มชำนาญป่าไม่น้อยหน้าตน เมื่อได้เมียงามมาจึงไม่ได้หวาดระแวงแม้แต่น้อยนิด ส่วนมากมักจะเข้าป่าด้วยกันเหมือนเคยไปกับพรานจวน แต่พักหลังๆ เจ้าเข้มเกิดปวดหัวตัวร้อนเป็นประจำ พะสะอูก็แบกปืนเข้าป่าคนเดียว ได้หมูป่าหรือว่าได้เก้งกวางก็แล่เนื้อเอาบ้าง วานคนไปช่วยหาบหามมาแบ่งปันกันกินบ้าง ที่แน่ๆ คือนำไปฝากเจ้าเข้มทุกครั้งเห็นร่างกำยำไอ้หนุ่มคราวลูกดูซีดเซียวไป พูดจาด้วยก็เอาแต่หลบตาเหมือนผีกระสืออยู่เป็นประจำ วันหนึ่งก็เกิดเรื่องอุบาทว์ชาติชั่วขึ้นมากะทันหัน! พะสะอูแบกปืนเข้าป่า แต่ก็หาได้พบกับสัตว์น้อยใหญ่ไม่ ราวกับพงไพรกลายเป็นป่าร้างงุ่นง่านรำคาญใจก็มุ่งหน้ากลับบ้านในยามบ่าย พบเข้ากับภาพบาดใจไม่นึกฝัน ริมหนองน้ำชายดงเปล่าเปลี่ยวนั้น ร่างของหญิงชายคู่หนึ่งกำลังกอดรัดกันแน่นหนา กระเสือกกระสนจนต้นหญ้าแทบกระจุยกระจายเห็นแต่ไกลก็จำได้ว่าคือจำปากับเจ้าเข้มกำลังเล่นชู้กัน มิได้เกรงกลัวหรืออับอายผีสางเทวดา พะสะอูโกรธเกรี้ยวเลือดขึ้นหน้า กระชากมีดเหน็บเอววิ่งเข้าใส่ หูตาลายด้วยพิษหึงร้อนฉ่า มิได้สังเกตสังกาเส้นทางให้รอบคอบตามวิสัยพรานผู้เจนไพร เอาแต่ตะบึงไปเร่งด่วนท่าเดียว! อีกาลี! ไอ้เนรคุณ!! เสียงร้องดังลั่น ทำให้หนุ่มสาวคู่นั้นหันขวับ จงอาง ดำเมื่อม โผล่พรวดพราดขึ้นมาแผ่พังพาน พะสะอูผงะหน้าแต่ก็ช้าเกินไป เมื่อเขี้ยวพิษฉกใส่กลางอก พรานใหญ่ขบกราม รู้แน่ว่าวันนี้ถึงคราวตาย […]

กระสือยายทม เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะคะว่า ขอสมมติชื่อบุคคล เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงแบบเจาะจงรายบุคคล มาเริ่มเรื่องกันเลยค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งคนเฒ่าคนแก่ ผู้หลักผู้ใหญ่ มักจะบอกลูกบอกหลานตนเองว่า ยายทม นั้นเป็นกระสือ ห้ามไปใกล้ ห้ามไปพูดคุย ห้ามไปเล่นกับลูกหลานของยายทม เป็นอันว่าคนในหมู่บ้านพอจะรู้ดี เค เป็นเด็กที่ชอบเล่นวอลเลย์บอลมาก บี เองก็เช่นกัน บีนั้นเป็นญาติของยายทม ปลูกบ้านอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน บ้านของบีเป็นบ้านปูนสองชั้น บ้านของยายทมนั้นทำด้วยปล้องไม้ไผ่หยาบๆ คนนอกมองข้างในได้ คนจากข้างในก็มองเห็นคนข้างนอกด้วยเช่นกัน ส่วนครอบครัวบีจะไม่เข้าไปยุ่งกับยายทม นับตั้งแต่ชาวบ้านเค้าลือกัน ยายทมมีลูกหรือหลานชื่อ ยายสำลี แกจะเป็นคนคอยเอาอาหารมาให้เป็นประจำ มีแค่ยายสำลีเท่านั้นที่ทำ บ้านยายสำสีปลูกถัดจากบ้านของบีไปหนึ่งหลังคาเรือน เคกับบีกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกัน เพราะชอบเล่นวอลเลย์บอล ทุกๆ วันสองคนนี้จะเล่นที่โรงเรียนด้วยกันประจำ เคไม่ได้บอกให้ทางบ้านรู้ว่าตนไปสนิทกับบี เพราะกลัวยายจะดุและห้ามเล่นวอลเลย์ เคมีลูกพี่ลูกน้องที่อยู่บ้านเดียวกันถึงสองคน นั่นคือ อ้อม ปุ้ย รวมเคด้วยเป็นสามคน ทุกคนอยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่ก็ไม่มีใครปริปากเรื่องที่เคสนิทกับบีให้ยายฟังเพราะเด็กก็เล่นตามประสาเด็ก มีอยู่วันหนึ่ง เคไปเล่นวอลเลย์บอลที่บ้านบี ช่วงเย็นๆ แล้วบังเอิญลูกบอลกลิ้งไปข้างๆ บ้านยายทม บีบอกให้เคไปเก็บเพราะบีกลัว เคเองเป็นเด็กซน อยากรู้อยากเห็น ในใจก็รู้ว่ายายทมเป็นอะไร แต่ไม่เคยเห็นเลยไม่เชื่อ เคจึงค่อยๆ ย่องไปแอบมองตรงช่องว่างที่ทำด้วยไม้ไผ่ […]

คืนป่าปิด เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนของคุณเจ็ต บรรดาเพื่อนของคุณเจ็ตนั้นชอบตกปลา ชอบหาปลามาก ตอนช่วงต้นเดือนก็วางแผนกันจะเข้าป่า ไปหาปลาที่ต้นน้ำ ซึ่งต้นน้ำที่เพื่อนจะเข้าไปนั้น เป็นรอยต่อของจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดระนอง ซึ่งการที่จะเข้าไปถึงต้นน้ำนั้นต้องใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 วัน เพื่อนก็ได้รวมตัวกันทั้งหมด 5 คน ได้เตรียมเสบียง อุปกรณ์ต่างๆ พร้อมเดินทาง และก็ได้ไปว่าจ้างนายพรานคนที่เคยว่าจ้างนำทางเข้าที่นี่มาก่อนแล้ว แต่ว่านายพรานปฏิเสธ เนื่องจากเวลานี้เป็นช่วงฤดูฝน เป็นช่วงป่าปิด ไม่ควรจะเข้าไป แต่ว่าเพื่อนๆ หลายคนก็ไม่ได้สนใจ เนื่องจากปีที่แล้วเคยเข้ามาที่ต้นน้ำแห่งนี้มาก่อนแล้ว ยังพอมีคนจำทางได้ จึงออกเดินทางกันเองโดยที่ไม่มีพรานนำ หลังจากทุกคนเตรียมตัวเสร็จ ก็ได้ขับรถไปที่บ้านเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้กับทางขึ้นเขาที่อยู่ใกล้ๆ ต้นน้ำมากที่สุด เวลานั้นเป็นเวลาประมาณ 9 โมงเช้า ทุกคนจึงรีบเดินขึ้นเขา และมุ่งหน้าเข้าสู่ป่า เดินกันไปได้ซักพักนึง ก็ไปเจอนายทหารพรานทั้งหมด 4 นาย นายทหารเหล่านั้นก็ได้ขอตรวจค้นสัมภาระ เนื่องจากต้องระวังผู้ลักลอบขนของผิดกฏหมาย หลังจากไม่เจออะไร นายทหารท่านหนึ่งก็เตือนว่า ระวังให้ดี ในป่าช่วงนี้มันอันตราย แล้วทุกคนก็ออกเดินทางต่อ จนเวลาก็ล่วงผ่านไป จนถึง 5 โมงเย็นซึ่งในป่าจะมืดเร็วมาก ทุกคนจึงตัดสินใจมองหาที่พักเพื่อตั้งเต็นท์ หลังจากทำอาหารเย็นกินแล้ว ทุกคนก็พักผ่อนกัน พอเวลาซัก 3 […]

ตุ๊กแกผี เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

‘งามตา’ เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากตุ๊กแกผีสิง สมัยเด็กดิฉันอยู่ที่ อ.บ้านแพง จ.นครพนม พ่อแม่ทำงานโรงบ่มยาของโรงงานยาสูบ มีบ้านพักเป็นเรือนไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูง ปลูกเรียงรายกันไปใกล้ๆ โรงบ่มยานั่นแหละค่ะ ตอนเย็นๆ เราจะลงไปอาบน้ำในลำโขง ลมพัดแรงเย็นสบาย หนุ่มสาวชอบนั่งเล่นรับลมบนหาด บ้างก็หาอะไรไปล้อมวงกินกัน เด็กๆ วิ่งเล่นเกรียวกราวน่าสนุก บ้านพักของเราน่าแปลกคือมีห้องน้ำอยู่ข้างนอกชานเชิงบันได ตอนกลางคืนเปิดไฟสว่าง ออกมานั่งรับลมที่ห้องรับแขกถัดจากระเบียง พ่อชอบฟังข่าวจากวิทยุ แม่จัดห้องนอน ดิฉันนั่งเล่นใกล้ๆ พ่อ มองไปข้างนอกก็มืดสลัว ที่โรงบ่มเคยคึกคักตอนกลางวันยิ่งดูมืดกว่าที่อื่น ขนาดอยู่จนชินแล้วยังอดหวาดๆ ไม่ได้เลยค่ะ ระแวงว่าจะมีใครจ้องมองเข้ามาอย่างมุ่งร้ายหมายขวัญหรือเปล่าก็ไม่รู้? คืนไหนอากาศหนาวๆ ลมพัดมาเย็นวูบ เล่นเอาขนลุกซ่าไปทั้งตัวก็เคยไม่รู้ว่ากลัวอะไรเหมือนกัน ‘ตั๊บแก! ตั๊บแกตั๊บแก’ เสียงร้องดังขึ้นบ่อยๆ แต่ฉันชินเสียแล้ว เพราะได้ยินมาตั้งแต่จำความได้แน่ะค่ะ สาเหตุเพราะมีตุ๊กแกอยู่ในห้องน้ำ ยั้วเยี้ยมากมายหลายสิบตัว มีเยอะแยะทุกบ้าน จนเด็กๆ คุ้นเคยตุ๊กแกกันทุกคน คนเก่าเรียกคับแค’ ก็มีค่ะ อย่างคางคกเรียกคันคาก’ ขนาดมีตำนานเก่าแก่เล่าถึงพญาคันคาก’ พวกผู้ใหญ่ก็จดจำสืบต่อกันมาเล่าให้เด็กๆ ฟัง เหตุนี้ทำให้เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่โดยไม่กลัว และไม่ขยะแขยงตุ๊กแกอย่างผู้หญิงส่วนมาก วันนี้มีเรื่องตุ๊กแกผีมาเล่าสู่กันฟังค่ะ! คุณผู้หญิงทั่วไปเอ่ยถึงตุ๊กแกก็ขนลุกแล้ว คิดอีกทีก็น่าเห็นใจเพราะรูปร่างหน้าตามันน่าเกลียดน่ากลัวจริงๆ บางคนขนาดได้ยินเสียงตุ๊กแกร้องถึงกับสะดุ้งโหยงก็มี ลือกันว่า ตุ๊กแกโดดเกาะหลังใคร […]

บริการประทับใจ เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

ผมได้พักอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง โดยอพาร์ทเม้นท์ที่ผมอาศัยอยู่นั้นเป็นอาคารไม่ใหญ่มาก มีทั้งหมด 4 ชั้น ในแต่ละชั้นก็จะประกอบไปด้วยห้องประมาณ 9-10 ห้อง ตัวผมเองพึ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ได้ไม่นาน เนื่องจากราคาเช่าไม่แพงและอยู่ใกล้กับโรงเรียนด้วย ผมเลยคิดว่าการอาศัยอยู่ที่นี่ทั้งคุ้มค่าและก็สะดวกสบาย นอกจากนั้นอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ยังอยู่ใกล้กับร้านค้าต่าง ๆ และก็อยู่ติดกับถนน ทำให้การสั่งของจากร้านอาหารมาทานที่ห้องจะทำได้ง่ายมาก ๆ ในช่วงสัปดาห์แรกที่ผมอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์นั้น เรื่องราวทุกอย่างก็เป็นปกติดี มีเพื่อนแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมที่ห้องบ้างและผมก็มักจะสั่งอาหารมาทานในช่วงดึก ๆ ตอนเวลาที่ผมต้องนั่งทำรายงานหรือว่าอ่านหนังสือ พออยู่ไปเข้าสัปดาห์ที่ 2 เหตุการณ์แปลก ๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น คืนหนึ่งขณะที่ผมกำลังอ่านหนังสืออยู่ ตอนนั้นเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ก็มีเสียงกดกริ่งที่หน้าประตู ตอนแรกในใจก็คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนร่วมอพาร์ทเม้นท์ที่บางครั้งบางคราวก็จะมีเพื่อนบ้านแวะมานั่งเล่นในห้อง แต่ว่าพอเปิดประตูออกไปดู ผมก็เห็นพนักงานจากร้านพิซซ่าแห่งหนึ่งยืนถือกล่องพิซซ่าอยู่ แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจก็คือ แม้ว่าชายคนนี้จะใส่ชุดพนักงานของร้านอย่างเต็มยศ แต่ว่าเสื้อผ้าหน้าตาของชายคนนี้กลับดูมอมแมมไม่สะอาดสะอ้าน ซึ่งค่อนข้างผิดวิสัยสำหรับผู้ที่ทำอาชีพให้บริการเกี่ยวกับอาหาร ซึ่งคืนนั้นผมเองไม่ได้สั่งพิซซ่ามาทาน และจริง ๆ แล้วก็ไม่เคยใช้บริการของร้านนี้มาก่อนด้วยซ้ำ ผมก็เลยบอกกับทางพนักงานคนนั้นว่า ห้องผมไม่ได้สั่งพิซซ่าครับ น่าจะเป็นของห้องอื่นมากกว่า พนักงานชายคนนั้นก็ได้แต่ยืนนิ่ง มองมาทางผม ทำปากขมุบขมิบ พึมพำ ๆ อะไรสักอย่างซึ่งผมจับใจความไม่ได้ ตอนนั้นรู้สึกแปลก ๆ และก็ไม่ค่อยดีนัก ผมก็เลยบอกย้ำอีกครั้งนึงว่า […]

เปรตพระที่ถ้ำบนเขาจังหวัดเลย เรื่องเล่าสยองขวัญ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมเจอมากับตัวครับ เรื่องอาจไม่มีสตอรี่อะไรมาก แต่ก็ถือเป็นไม่กี่ครั้งในชีวิตที่เจอแบบจังๆ กลางวันแสกๆ เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงที่มหาลัยผมพึ่งจะสอบเสร็จครับ นักศึกษาหลายคนยังไม่กลับบ้านเพราะต้องรอเคลียร์งานค้างต่างๆ ผมก็เป็นหนึ่งคนที่ยังไม่กลับบ้าน เพราะนอกจากจะต้องจัดการงานค้างต่างๆ แล้ว ยังเป็นช่วงที่เหมาะกับการขับรถเที่ยวชิลๆ ก่อนไปพักผ่อนยาวที่บ้าน จังหวัดที่ผมเรียนอยู่มีภูเขาเยอะมากครับ ที่เที่ยวส่วนใหญ่ก็จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะผมที่ชอบเที่ยวตามวัดวาอารามด้วย วัดที่มีธรรมชาติงดงามจึงเป็นสถานที่ปักหมุดต้นๆ ของผมครับ ช่วงก่อนหน้านั้นหลายวัน ผมก็บ่นกับพี่คนนึงที่สนิทกันว่าเบื่อๆ ไม่มีอะไรจะทำ อยากไปเที่ยวโน่นนี่ ตามประสานักศึกษามหาลัยที่พึ่งจะสัมผัสคำว่าว่างครับ วันก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง พี่ผมคนนี้เลยส่งรีวิววัดถ้ำแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงพอสมควรเรื่องหินงอกหินย้อยที่งดงามมาให้ดู พี่: วัดถ้ำ. เคยไปยัง? ผม: ยังๆ พี่: ไปมั้ย? ผม: ไปๆ พรุ่งนี้เลยมั้ย พี่: เคๆ วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ทำภารกิจส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ผมก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปรับพี่ที่หอครับ อากาศวันนั้นถือว่าดีเหมาะแก่การเที่ยวมากเพราะไม่มีแดดเลย เราออกเดินทางกันประมาณ 11 โมงครับ ระหว่างทางมีฝนพรำนิดหน่อยแต่ไม่ถึงกับเปียก ทางเข้าค่อนข้างคดเคี้ยวพอสมควร ต้องผ่านไร่นาและสวนยางของชาวบ้านเข้าไป ผมขับรถมาเรื่อยๆ จนมาถึงที่หมายใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงครับ พอมาถึงวัดก็มองหาถ้ำแต่ก็ต้องผิดหวังกันครับ เพราะเป็นช่วงหน้าฝน ทางวัดเลยปิดถ้ำเพราะไม่สะดวกในการลงไป และป้องกันอันตรายจากการลื่นล้ม ผมกับพี่จึงได้แค่ไหว้พระและขอพรพญานาคหน้าปากถ้ำครับ พอที่หมายแรกล้มเหลวไปแล้ว […]