“ห่าก้อม” โคตรปอบภาคอีสาน | เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

วันนี้ผมมีเรื่องเกี่ยวกับ “ห่าก้อม” มาเล่าให้ฟัง หลายคนคงสงสัยว่ามันคืออะไร มันคือชื่อเรียกของผีที่ต้องบอกว่าน่ากลัวมากเลยทีเดียว ส่วนใหญ่ถ้าพูดถึงผีทางภาคอีสานหรือภาคเหนือ ก็คงจะไม่พ้น ผีปอบ ผีกะ นี่ก็ว่าโหดแล้ว แต่คุณรู้กันไหมว่าภาคอีสานมีผีที่โหดยิ่งกว่าคือ ห่าก้อม ห่าก้อมคือผีที่มีวิชาสูงกว่าปอบ เพราะคนที่จะเป็น ห่าก้อม ก็คือคนที่เป็นปอบมาก่อน แต่ด้วยวิชาตะบะที่แก่กล้ามาก หรือเคยเป็นคนที่มีวิชาไสยเวทย์ขั้นสูงแล้วทำผิดครู เหตุนี้จึงทำให้ห่าก้อมมีอำนาจเหนือกว่าปอบทั่วๆ ไป ยายผมท่านเล่าให้ฟังสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ว่า ห่าก้อม คือโคตรปอบ เพราะว่าปอบยังแค่เข้าคน กินเลืoด เนื้อดิบๆ แต่ส่วนมากจะเป็นสิ่งที่ตๅยแล้วมันถึงจะกิน ถ้าปอบที่แก่มากหน่อยก็จะถึงขั้นหักคอคนเป็นๆ ได้ โดยที่เป็นวิญญาณไม่ได้มาเป็นตัวเป็นตน และจะมีฤทธิ์มากในตอนกลางคืน แต่สิ่งที่ ห่าก้อม มันน่ากลัวกว่าปอบก็ตรงที่ มันกินเป็นๆ และมันมีฤทธิ์มากทั้งกลางวันและกลางคืน และไม่ต้องมาแบบวิญญาณ แต่มาแบบตัวคนเป็นๆ เลย ยายเล่าให้ฟังว่า ถ้าใครที่จิตอ่อนหรือมีเคราะห์ดวงใกล้ถึงฆๅต ถ้ามันอยากกิน แค่มันเดินผ่านคนๆ นั้นจะลมลงตๅยทันที จากคำบอกเล่าจะเห็นว่าห่าก้อมนั้นร้ายกาจกว่าปอบเป็นอย่างมาก สมัยก่อนแถวบ้านผมไฟฟ้ายังไม่มี (อันนี้ผมยังทันอยู่) ถ้าหมู่บ้านข้างๆ มีคนป่วย คนแถวบ้านนอกก็จะไปเยี่ยมกันทั้งหมู่บ้านเลยทีเดียว ไม่เหมือนคนสมัยนี้ และด้วยความที่เป็นหมู่บ้านสามัคคี เราจึงไม่มีทางรู้เลยว่าคนที่มาหลายๆ คนนั้นจะ มีปอบ […]

เพื่อนสนิท เรื่องเล่าสยองขวัญ

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนผม ผมมีเพื่อนคนนึงชื่อว่าแป้ง เป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับผม แต่เราสองคนเรียนคนละโรงเรียนกัน ครอบครัวของแป้งมีฐานะดี แป้งเลยได้เรียนโรงเรียนเอกชน แป้งมีเพื่อนสนิทอยู่คนนึงชื่อว่าแนนเขา 2 คนสนิทกันมาก ไปไหนก็จะต้องมีแป้งและแนน ตัวติดกันตลอด 2 คนนี้รักกันมากเลยทีเดียว พอเรียนจบ ม. 3 กลุ่มของแป้งที่โรงเรียนก็มีทริปที่จะไปเที่ยวกัน เพราะแต่ละคนก็จะแยกย้ายไปเรียนตามที่ตัวเองถนัด บางคนก็ไปเรียนต่อที่เมืองนอกบางคนก็เรียนต่อสายอาชีพ พวกเขาจึงคิดว่าจะไปเที่ยวไหนกันดี เพื่อเป็นการอำลา มายด์ที่เป็นเพื่อนในกลุ่มของแป้งก็เสนอมาว่า ให้ไปเที่ยวหัวหิน เพราะพ่อของมายด์ มีบ้านพักตากอากาศที่นั่น ส่วนเรื่องของการเดินทางอาหาร มายด์ก็อาสาเป็นคนดูแลเอง พอทุกคนตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย ก็นัดวันที่จะเดินทางกัน ตกลงกันว่าจะไป 4 วัน 3 คืน พอถึงวันที่จะเดินทาง ทุกคนก็ไปรวมกันที่บ้านของมายด์ ทุกคนนั่งรถตู้ของบ้านมายด์ไป กลุ่มเพื่อนของแป้งที่ไปกันมีประมาณ 8 คน มีทั้งหญิงและชาย พอถึงที่หมาย ทุกคนต่างก็นำข้าวของไปเก็บในห้องและออกไปเดินเที่ยวริมทะเล ผ่านไป 2 วันทุกคนก็ได้เล่นน้ำ ได้กินอาหารทะเลกันอย่างสนุกสนาน พอเช้าวันที่ 3 แม่ของแป้งโทรมาบอกว่า พ่อของแป้งไม่สบายอยู่โรงพยาบาล ให้แป้งกลับมาหาพ่อ เดี๋ยวแม่ของแป้งจะมารับ แป้งเป็นลูกคนเดียว พ่อของแป้งมีโรคประจำตัว […]

เสียงสะอื้นจากริมคลอง เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

บ้านยายของฉันเป็นบ้านสวน มีคลองทอดผ่านหลังบ้าน สองฝั่งคลองก็ไม่มีบ้านคนมากนัก ตกค่ำพวกเราก็มีวิถีชีวิตแบบชนบท พอฟ้ามืดก็พากันเข้าบ้านบ้านไม่ไปเที่ยวที่ไหน ยกเว้นว่ามีงานวัดหรือออกไปหาปลาหากุ้งบ้างเป็นบางคราว   ฉันมาอยู่กับพ่ออีกจังหวัดหนึ่ง นานๆ พ่อจะพาฉันกับแม่ไปเยี่ยมยาย ทุกครั้งที่ไปก็มีแต่ความสนุก เล่นน้ำ หาปลา เก็บผลไม้ในสวนกันทั้งวัน แต่ครั้งนี้ไม่เป็นเหมือนอย่างที่เคยเป็น การมาเยี่ยมยายครั้งนี้ ทำให้ฉันจำไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว  เมื่อรถจอดที่คิวรถ ปกติถ้าเราไม่เอารถส่วนตัวมาเราจะเหมารถสามล้อเข้าบ้านยายเพราะไม่มีรถผ่านทางนั้น ครั้งนี้รถพ่อดันเสียแต่ได้บอกยายไว้แล้ว อีกอย่างก็วันเกิดยายด้วยก็เลยต้องมา เวลาตอนนี้ก็น่าจะสี่โมงเย็น หน้าหนาวค่ำเร็ว ขอบฟ้าสีส้มๆ ลมหนาวพัดโชย เราหารถสามล้อเพื่อเข้าบ้านยาย  ขณะที่เรานั่งรถถึงสะพานข้ามคลอง สามล้อก็บอกว่าส่งตรงนี้นะ ค่ำแล้วรีบกลับบ้าน พ่อก็บอกว่า ลุงบ้านผมห่างเป็นโลเลยนะ ส่งให้ใกล้กว่านี้ไม่ได้เหรอ สามล้อเครื่องก็บอกว่าไม่ได้หรอกจะรีบกลับบ้านมืดแล้ว จะลดราคาให้ พวกเราจึงต้องลงรถที่นั่นและเดินเข้าบ้านยาย หกโมงเย็นแต่ไร้ผู้คน ทุกบ้านปิดบ้านเงียบแต่ก็ยังมีแสงไฟแปลว่ามีคนอยู่ พอถึงบ้านยาย น้าเย็น น้องสาวแม่เปิดรั้วออกมารับและบอกรีบเข้าบ้านเร็วๆ เราก็ทำตาม น้าบอกว่ายายกับตารอกินข้าวอยู่ แม่ถามว่าลุงไปไหน น้าบอกว่าไปต่างจังหวัดอีกสองสามวันกลับ รีบมากินข้าวเถอะจะได้อาบน้ำอาบท่า พวกเราสังเกตเห็นท่าทีทุกคนในบ้านรีบร้อนไปหมด ยังมีลุงสามล้อนั้นอีก ขับมาก็ดีๆ พอพ่อบอกทางให้เลี้ยวมาทางนี้กลับหยุดรถ แล้วบอกว่ารีบกลับบ้าน เรากินข้าวเสร็จทุกคนก็อาบน้ำอาบท่า บ้านของยายเป็นบ้านที่ลุงสร้างใหม่แทนบ้านไม้ มีห้องน้ำในตัวไม่ต้องเดินไปอาบน้ำนอกบ้านอย่างสมัยก่อน ยายบอกให้ทุกคนเข้านอนทั้งที่ยังแค่สองทุ่มกว่าๆ ยายก็บอกว่าพวกเรามาเหนื่อยๆก็ เลยอยากให้นอนไว […]

ใครข้างบน เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ช่วงนั้น หนุ่ย ได้ไปทำงานที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งย่านตากสิน พอดีมีคนรู้จักแนะนำมาให้ หนุ่ยก็ได้เริ่มงานที่แผนกบาร์น้ำ ที่นั่นจะมีเด็กดริ๊งก์และผู้ดูแลร้านนั่งประจำอยู่ด้วย ช่วงแรกๆ ก็ยังไม่ค่อยรู้จักใคร จนเมื่อทำงานไปได้ซักพักก็เริ่มสนิทกับพนักงานแทบทุกคน จนได้มีโอกาสไปสนิทกับดีเจเปิดแผ่นประจำร้าน หนุ่ยก็สนใจงานแบบนี้ จึงอยากขึ้นไปขอดูเขาทำงานที่ห้องคอนโทรลข้างบนดูบ้าง ลักษณะของตึกร้านนี้ทั้งหมดจะมี 5 ชั้น ชั้นแรกจะเป็นคาราโอเกะกับเวที ถัดมาเป็นชั้นลอย ซึ่งชั้นนี้จะมีเด็กดริ๊งก์และหนุ่ยประจำอยู่ตรงนี้ ด้านหลังของบาร์นี้จะมีห้องน้ำหญิงอยู่ ชั้นถัดมาเป็นห้อง VIP กับห้องน้ำ ลักษณะห้องน้ำและห้อง VIP จะแยกกันไปคนละทาง ชั้นต่อขึ้นมาเป็นห้องคาราโอเกะกับห้อง VIP รวมอยู่ด้วยกัน ส่วนชั้น 4 เป็นบาร์สไตล์ญี่ปุ่น ชั้นสุดท้ายจะเป็นครัวของร้าน  หลังจากที่หนุ่ยขออนุญาตไปดูงานในห้องคอนโทรลและดีเจอนุญาตนั้น หนุ่ยก็ได้ตามดีเจเข้าไปในห้องดูนั้น ดูนั่นดูนี่ไปสักพัก หนุ่ยก็ขอลงไปทำธุระส่วนตัวด้านล่าง พอเสร็จก็เดินกลับขึ้นไปที่ห้องคอนโทรล ครั้งนี้หนุ่ยเดินกลับขึ้นไปคนเดียว ก็เห็นแผ่นยันต์สีแดง 1 ผืน ติดอยู่เหนือกระจกบานเลื่อนสีดำสนิท ทันทีที่หนุ่ยเห็นก็ขนลุกขึ้นมาทันที แต่ก็เดินกลับเข้าไปหาดีเจที่ห้องคอนโทรล และระหว่างที่นั่งคุยกับดีเจอยู่ หนุ่ยก็รู้สึกว่าได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังอยู่ในชั้นเดียวกันนั้น  หนุ่ยเริ่มเอะใจในความไม่ชอบมาพากลของที่นี่ขึ้นมาทันที ในขณะเดียวกันดีเจก็ยังคนนั่งเฉยๆต่อไปเหมือนว่าไม่ได้สนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หนุ่ยจึงบอกกับดีเจว่าจะขอตัวไปดูหน่อย แต่ดีเจกลับตอบว่า อย่าเลย มันไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องเดินไปดูให้เสียเวลา หนุ่ยก็ได้แต่งงๆ […]

ของต้องห้าม ชฎาอาถรรพ์

เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรงของคุณเคน เกิดขึ้นที่บ้านในจังหวัดนนทบุรี เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา บ้านคุณเคนเป็นบ้านโขนละครมาตั้งแต่สมัยคุณทวดแล้ว ลักษณะบ้านเป็นบ้าน 2 ชั้นใต้ถุนสูง และมีการสอนดนตรีนาฏศิลป์ควบคู่กันไปด้วย แต่ที่บ้านจะมีกฎเหล็กอยู่เรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของชฎาที่มียอด โดยชฎายอดนี้ห้ามไม่ให้ใครจับต้องเป็นอันขาด เรื่องมันเกิดขึ้นตอนคุณเคนอยู่ช่วงชั้น ม.1 โดยเขามีเพื่อนสนิทที่ชอบการรำอยู่คนหนึ่ง เพื่อนคนนี้ชื่อ พัด คุณเคนเลยชวนพัดไปเรียนที่บ้านเพราะว่าสอนฟรี พัดเลยตอบตกลง ช่วงบ่ายแก่ ๆ เวลาประมาณบ่ายสาม คุณเคนให้พัดไปรอบนบ้าน เพราะว่าจะไปช่วยแม่ทำกับข้าว สักพักก็ได้ยินเสียง ตึง ตึง ตึง อยู่บนบ้าน คุณเคนเลยรีบวิ่งไปดูก็เห็นพัดหยิบชฎายอดนั้นมาใส่แล้วร่ายรำ คุณเคนก็ตกใจเพราะลืมบอกพัดว่าห้ามจับ คุณเคนเลยบอกว่า หยิบมาเล่นได้ไง วางเลยนะ! พัดเลยรีบถอดชฎาออก แต่ด้วยความตกใจชฎาเลยตกลงพื้นจนส่วนยอดแตกออกจากหัวชฎา แต่ว่าแตกออกในลักษณะที่พอจะประกอบกลับคืนได้ คุณเคนเลยบอกพัดให้กลับบ้านไปก่อน วันหลังค่อยมาใหม่ เดี๋ยวใครมารู้เข้าต้องโดนดุแน่ ๆ เลย พัดก็ตกใจแล้วบอกว่า เราไม่รู้ เห็นสวยดีเลยลองเอามาใส่ดู คุณเคนเลยบอกให้เพื่อนกลับบ้านไป แล้วกำชับว่าเรื่องนี้เรารู้กันแค่สองคนเท่านั้นนะ คืนนั้นเป็นคืนวันพระ จึงต้องมีการถวายเครื่องเซ่นที่โต๊ะหมู่บูชานี้อยู่แล้ว ซึ่งบนโต๊ะหมู่ก็จะมีชฎายอดนั้นตั้งอยู่ คืนนั้นตกดึกเวลาสักประมาณ 5 ทุ่ม คนในบ้านหลับหมดแล้ว […]

คุณยายโบก เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่จังหวัดสงขลา เมื่อสิบปีที่ผ่านมา คุณคิงได้มีโอกาสไปขายน้ำยาในถังดับเพลิงแถวๆ สงขลา เพราะว่าพอจะมีเพื่อนอยู่แถวๆ นั้นบ้าง แต่ตอนนั้นยายของเพื่อนเสียพอดี โดยปกติแล้วพิธีการจัดงานศพของทางภาคใต้ก็จะเหมือนกับทางภาคกลาง แต่เพื่อนของคุณคิงเป็นคนอีสาน เวลาจัดพิธีศพจะต้องตั้งศพไว้กลางบ้านตามประเพณี แล้วเพื่อนเกิดอยากดื่มเหล้า แต่ก็ไม่กล้าดื่มแบบโจ่งแจ้ง เพราะว่าเป็นงานศพของคุณยาย เดี๋ยวแขกที่มางานจะหาว่าไม่เคารพผู้ตาย ลักษณะบ้านของเพื่อนจะเป็นบ้านไม้ ยกใต้ถุนสูง เพื่อนก็ให้คุณคิงไปนั่งดื่มที่ใต้ถุนบ้านตรงที่มืดๆ ก่อน แล้วเดี๋ยวจะแวะมาดื่มเรื่อยๆ จนคุณคิงเริ่มเมา เพื่อนก็บอกคุณคิงว่า เดี๋ยวขึ้นไปนอนข้างบนบ้านเลยนะ คุณคิงถามเพื่อนกลับไปว่า ข้างบนมันมีที่นอนเหรอวะ เพื่อนตอบว่า มีๆ พอขึ้นไปถึงนะ เลี้ยวซ้ายห้องแรก เข้าไปนอนเลย ห้องนั้นว่าง คุณคิงก็เดินดุ่มๆ ขึ้นบ้านไป ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเพราะอาการเมา พอเลี้ยวซ้าย ก็เห็นว่าเพื่อนกางมุ้งไว้ให้พร้อมนอน คุณคิงมุดเข้าไปนอนทันที แต่ขาดันโผล่ออกไปนอกมุ้ง คิดในใจว่าทำไมคนที่นี่ตัวเล็กกันจัง’ จนเคลิ้มหลับ รู้สึกเหมือนมีอะไรมาเขี่ยๆ ที่ปลายเท้า คุณคิงคิดว่าเป็นแมว พอโดนเขี่ยอีกสองทีสามที คุณคิงก็เริ่มยกเท้าขึ้นถีบไปข้างหลัง แต่ก็ไม่รู้สึกว่าโดนอะไร สักพักก็ย้ายมาเขี่ยหัว แต่เขี่ยอยู่นอกมุ้ง เพราะคุณคิงนอนเอาศีรษะชนมุ้งพอดี ตอนนั้นก็คิดในใจว่าแมวตัวนี้มันชักจะขี้เล่นเกินไปละ ก็เลยเอามือคว้าขึ้นไปบนหัว แต่ก็จับโดนแค่อากาศ แล้วเจ้าสิ่งนั้นก็กลับมาเขี่ยที่เท้าอีก จนคุณคิงเริ่มรำคาญ คิดในใจว่าขอลุกขึ้นดูมันสักหน่อย ทำไมมันดื้อจัง’ […]

ถ่ายวิญญาณ เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นประสบการณ์ตรงของผู้เล่า หากแต่ได้รับการถ่ายทอดมาจากรุ่นพี่ที่สนิทกันคนหนึ่ง เธอชื่อว่า พี่แอน พี่แอนเป็นคนจังหวัดอุบลราชธานีโดยกำเนิด แต่ว่าย้ายไปทำงานที่จังหวัดเชียงใหม่ ขณะนั้นพี่แอนได้หางานทำแถวหนองหอย ซึ่งหนองหอยเป็นสถานที่ชุมชนใกล้ๆ กับอำเภอหางดง จนกระทั่งพี่แอนได้งานทำที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และรู้จักกับรุ่นน้องอีกคนหนึ่งซึ่งรุ่นน้องคนนี้ก็ชวนพี่แอนไปอยู่หอด้วยกัน พี่แอนก็ตกลงไปอยู่ห้องกับน้องเพราะว่าพี่แอนก็กำลังหาที่อยู่ที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานที่ทำงานอยู่พอดี การทำงานของพี่แอนก็ผ่านไปอย่างราบรื่นและเป็นปกติดี จนอยู่มาวันหนึ่งเรื่องราวแปลกๆ ก็ได้เริ่มเกิดขึ้น เช้าวันหนึ่งพี่แอนก็ตื่นเช้าขึ้นมาเพื่อจะไปทำงานตามปกติ เพียงแต่ว่าวันนั้นเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ปวดมากจนทำงานไม่ไหวจนต้องขอเจ้าของร้านกลับมาที่หอก่อน จนตกตอนค่ำอาการปวดหัวก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาลง จนพี่แอนต้องไปโรงพยาบาล แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ พอก้าวย่างเข้าเขตโรงพยาบาลอาการปวดหัวก็หายไปอย่างปลิดทิ้ง คุณหมอจึงได้สั่งจ่ายมาแค่ยาแก้ปวดธรรมดาๆ เท่านั้น แต่พอกลับมาถึงหอพักอาการปวดหัวดังกล่าวก็กลับมาอีกครั้ง พี่แอนจึงทานยาที่คุณหมอให้มาและฝืนตัวเองให้หลับไป แต่มีเรื่องที่น่าแปลกของน้องคนนี้อยู่อย่างหนึ่งที่พี่แอนสังเกตได้คือ คนเราเวลาอยู่ห้องเดียวกัน อาศัยอยู่ชายคาเดียวกัน เป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีการใช้สิ่งของร่วมกันบ้าง แต่รุ่นน้องคนนี้เขาจะแยกของใช้ส่วนตัวทุกอย่าง หรือแม้แต่กระทั่งกินข้าวก็ไม่เคยมากินด้วยกัน แยกกันใช้กับที่แอนมาอยู่ตลอดไม่ว่าจะอะไรก็ตาม วันเวลาผ่านไป สุขภาพร่างกายของพี่แอนก็แย่ลงเรื่อยๆ สภาพโทรมมากเหมือนคนที่อดหลับอดนอนมาหลายคืน แต่ว่าพี่แอนก็ฝืนสังขารและยังคงไปทำงานตามปกติ จนเพื่อนๆ ที่ทำงานทักกันเป็นแถวๆ ว่าไปทำอะไรมา ทำไมถึงโทรมขนาดนี้ มีอยู่คืนหนึ่ง คืนนั้นพี่แอนก็นอนหลับตามปกติ แต่ว่าคืนนั้นพี่แอนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเวลาประมาณตีสองเศษๆ พอลืมตาตื่นขึ้นก็เห็นรุ่นน้องคนนั้น คนที่อยู่ร่วมห้องเดียวกันเขายังไม่หลับ แถมยังนั่งอยู่บนเตียงและจ้องหน้าพี่แอนอีกและก็ยังพูดพึมพำเป็นภาษาแปลกๆ จับใจความไม่ได้ แต่ไม่ใช่ภาษาไทยแน่ๆ พี่แอนรู้สึกกลัวมาก จึงพูดออกไปดังๆ ว่า อะไร! อะไร! […]

10 เรื่องผีชวนขนหัวลุกในโรงพยาบาล

ขึ้นชื่อว่าโรงพยาบาลแล้ว ถือเป็นสถานที่ที่มีคนตายมากที่สุด และแน่นอนว่าพอมีคนตายก็ย่อมต้องมีวิญญาณ มีผี ซึ่งในวันนี้ทางเราก็ได้รวบรวมเอา 10 เรื่องผี เรื่องหลอนทั้งหลายที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล มาให้ทุกคนได้ขนหัวลุกไปพร้อม ๆ กัน! อันดับที่ 10. นักศึกษาแพทย์โดนดี! ทุกคนคงจะรู้ดีว่ากว่าจะได้มาเป็นหมอนั้น นักศึกษาแพทย์ทุกคนต้องผ่านการเข้าเวรดึกกันมาแล้วทั้งนั้น… เรื่องมีอยู่ว่า วันนั้นเวลาประมาณ 4-5 ทุ่ม นักศึกษาแพทย์ชายคนหนึ่งกำลังจะเดินเปลี่ยนวอร์ด บรรยากาศตามทางเดินไปยังลิฟต์ก็เงียบสงัด ไม่มีแม้กระทั่งคนอยู่แถวนั้น แต่จู่ ๆ พอเงยหน้าขึ้นมาไปยังทางเดินก็พบกับชายใส่ชุดสีกากี เขาก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะนึกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ แต่พอเดินใกล้เข้าไปเรื่อย ๆ เขากลับรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัว พอมองไปที่ชายคนนั้นก็สังเกตเห็นว่าทั้งแขน ทั้งไหล รวมถึงขา ไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย! จนเมื่อเดินสวนกันถึงได้เห็นว่าชายคนนั้นไม่มีขาและกำลังลอยอยู่กลางอากาศ! พอเห็นอย่างนั้นเขาจึงรีบวิ่งไปที่ลิฟต์ โดยก่อนลิฟต์จะปิดชายชุดกากีคนนั้นก็หันหน้ามาและแสยะยิ้มให้ อันดับที่ 9. ผีหัวขาด ณ ห้องน้ำ เรื่องนี้เคยเป็นข่าวที่ทำเอาคนอยุธยาไม่กล้าไปโรงพยาบาลกันพักใหญ่ เพราะใคร ๆ ก็พากันพูดถึงผีหัวขาดกันทั้งนั้น เรื่องมีอยู่ว่า ชาวบ้านคนหนึ่งได้ไปเฝ้าพี่สาวที่โรงพยาบาล ซึ่งได้พักอยู่ที่ห้องผู้ป่วยรวม ทำให้ต้องใช้ห้องน้ำร่วมกัน จากที่สังเกตก็ไม่ได้มีญาติคนไข้ที่เป็นผู้ชายเลย จนเวลาประมาณ 2 ทุ่ม […]

เรื่องเล่าของคุณย่า ประสบการณ์ขนหัวลุก

เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเป็นประสบการณ์ตรงที่คุณย่าได้พบเจอมาแล้วก็นำมาถ่ายทอดให้กับจ๊ะจ๋าได้ฟัง เหตุการณ์ทั้งหมดต้องขอย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัยคุณย่านั้นยังมีอายุเพียงแค่ 15 ปี วันนั้นมีงานเทศกาลที่ต่างอำเภอ คุณย่าของจ๊ะจ๋านั้นชื่อว่า น้อย แล้วก็มีพี่สาวคุณย่าชื่อว่า นาง ทั้งสองคนนั้นก็ได้นัดกันกับเพื่อนๆ อีกประมาณ 9 คน กะว่าจะไปเที่ยวงานด้วยกัน ในสมัยนั้นยังไม่มีรถยนต์ มีเพียงแค่เกวียน บ้านไหนมีเกวียนก็ถือว่าหรูแล้ว ส่วนมากไปไหนมาไหนชาวบ้านก็มักจะใช้การเดินเอา คุณย่าอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ 5 โมงเย็น นั่งรอเพื่อนๆ มารับ พอเพื่อนทุกคนมาพร้อมหน้ากันก็ออกเดินทาง ในมือนั้นถือตะเกียงกันไปคนละอัน แต่ไม่ได้จุดเนื่องจากว่าเป็นคืนเดือนหงายที่สามารถมองเห็นทางได้ชัดเจน ส่วนตะเกียงแค่เอาไปกันไว้เฉยๆ  ระยะทางจากบ้านของย่าไปถึงหมู่บ้านงานนั้นห่างกันราว 10 กิโลเมตร ก็เลยมีหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มเสนอว่า ไปทางลัดกันดีกว่า ทางลัดเดินแค่ประมาณ 7 กิโลเอง ทุกคนในกลุ่มก็ตกลงแล้วก็พากันเดินลัดทุ่งไป เดินกันไปคุยกันไปจนฟ้านั้นเริ่มจะมืดลง ย่าก็บอกว่าน่าจะใกล้ถึงงานแล้ว แต่ว่าพี่สาวของย่าที่ชื่อว่าย่านางนั้นเผอิญเกิดปวดท้องเบาขึ้นมาก็เลยชวนย่าไปเป็นเพื่อน ก่อนที่จะแยกไปนั้นแฟนของย่านางก็ได้แซว 2 สาวว่า ไปกันสองคนระวังผีหลอกนะ แต่ย่ากับพี่สาวของย่าก็ไม่ได้สนใจ รีบเดินไปทำธุระส่วนตัว พอทำธุระเสร็จย่าก็พากันเดินออกมา แฟนของย่านางก็มาแอบอยู่หลังต้นไม้ พอทั้งคู่เดินมาถึง แฟนของย่านางก็กระโจนออกมาหลอก คุณย่าทั้งสองเห็นเข้าก็ตกใจนึกว่าผี เพื่อนทุกคนที่ยืนรออยู่นั้นได้ยินเสียงร้องกรี๊ดจากย่าทั้งสองก็รีบวิ่งมาดู พอย่านางเห็นว่าคนที่แกล้งนั้นเป็นแฟนตัวเองก็เลยดุเอาว่า กลางคืนทำแบบนี้มันไม่ดี คนเฒ่าคนแก่เข้าถือ พูดจบยังไม่ทันที่ทุกคนในกลุ่มจะก้าวเท้าเดินทางต่อ […]

เสียงอุบาทว์ เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา สถานที่เกิดเหตุคืออพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง คุณเอก ได้อาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ เนื่องจากถูกบริษัทส่งมาทำงานที่ประเทศฮ่องกงเป็นเวลา 2 ปี อพาร์ทเม้นท์ที่เอกอาศัยนั้นตัวตึกใหญ่พอสมควร แต่ว่าห้องพักแต่ละห้องถูกซอยออกเป็นห้องเล็ก ๆ เวลาเปิดประตูหน้าห้องออกไปจะเป็นโถงทางเดินซึ่งทอดยาวไปจนถึงลิฟต์ โดยโถงทางเดินนี้จะผ่านทุกห้องบนชั้นนั้น ช่วงที่เอกย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ ทุกอย่างก็ปกติดี วันเวลาล่วงเลยไปกว่า 2 เดือน เอกก็ถูกบริษัทเรียกตัวกลับไปที่เมืองไทยอยู่หลายสัปดาห์ แล้วก็ต้องกลับมาที่นี่ใหม่ เรื่องราวทั้งหมดก็เกิดขึ้นหลังจากที่กลับมาอยู่รอบที่ 2 นี้ล่ะครับ วันนั้นหลังจากเอกเดินทางจากกรุงเทพมาถึงฮ่องกงเป็นเวลาช่วงบ่ายแล้ว วันนั้นเอกรู้สึกเพลียมาก ๆ พอเดินทางมาถึงที่พักก็หลับเป็นตๅยในทันที คืนนั้นเอกต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ ระหว่างที่เดินกลับมาจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงเหมือนมีใครกำลังวิ่งอยู่ที่โถงทางเดินนอกห้อง เอกก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก คิดว่าอาจจะเป็นพวกวัยรุ่นวิ่งเล่นกันหลังจากกลับมาจากเที่ยว จึงตัดสินใจเดินกลับไปนอนต่อ แต่ระหว่างที่กำลังจะเคลิ้มยังไม่หลับดีนั้น เอกก็ยังคงได้ยินเสียงวิ่งบนโถงทางเดินอยู่ตลอดเวลา วิ่งแบบกลับไปกลับมา พอนอนฟังนาน ๆ เข้าก็เริ่มชักจะหงุดหงิด แต่เนื่องจากความเพลียที่มีมากกว่าจึงผล็อยหลับไป ตื่นมาตอนเช้า วันนั้นเป็นวันหยุด เอกก็เลยเดินจากที่พักของตัวเองออกไปหาซื้อของเข้าห้อง หลังจากกลับเข้ามาก็เป็นเวลาทุ่มเศษ ๆ เอกเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติในอพาร์ทเม้นท์ชั้นที่เขาอาศัยอยู่ นั่นคือมันเงียบ เงียบมากกว่าทุกครั้ง หรืออย่างน้อยก็เงียบมากกว่าตอนที่เอกจะกลับไปเมืองไทยแล้วกลับมาใหม่ เอกเริ่มสังเกตได้ว่าชั้นที่เขาพักอาศัยอยู่นั้นหลาย ๆ ห้องไม่ได้เปิดไฟ ก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก หลังจากเก็บของในห้องเสร็จก็เลยเดินลงมาชั้นล่าง […]