ใช่ยายของฉันแน่เหรอ! เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกนะคะ และคาดว่าน่าจะเป็นกระทู้เดียวของเรา จริงๆ เรื่องที่จะเอามาเล่ามันผ่านมานานแล้วประมาณ 7 ปีได้แล้ว เป็นเรื่องที่อาจจะสยองและน่ากลัวมากๆ สำหรับเรา หรืออาจจะเฉยๆ สำหรับใครหลายๆ คน เราคิดว่าน่าจะมีเรื่องที่คล้ายๆ กับที่เรากำลังจะเล่าเยอะมาก เพราะเราก็เคยอ่านมาหลายกระทู้แล้วเหมือนกัน เราเลยคิดว่าจะลองเล่าเรื่องของยายเราให้ฟังกันบ้างดีกว่า เรื่องมันมีอยู่ว่า ประมาณ 7 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเราอยู่ประมาณ ม.5 เราเป็นเด็กต่างจังหวัดค่ะ โตมาแบบบ้านๆ เรื่องผีๆ สางๆ นี่รับรู้มาตั้งแต่จำความได้ ตามักจะย้ำเสมอว่า เฮ้ย! ผีมันมีอยู่จริงๆ นะโว้ย ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ ค่ะ หนูทราบค่ะ โดนเป่าหูมาแบบนี้ตั้งแต่เด็กจนโต ตาก็ขยันเล่าเรื่องผีๆ ที่เจอมากับตัวให้ฟัง เล่าไปนี่ก็กลัวไปด้วยไง เวลาเดินกลับบ้านตอนค่ำๆ ก็วิ่งอย่างเดียวค่ะ ไม่มีมาสโลว์ไลฟ์ดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืนหรอกค่ะ เราเชื่อว่าผีอยู่รอบๆ ตัวเรา ถามว่ากลัวมั้ย บอกเลยว่า มากกกกก! แล้วเรื่องของเรื่องมันคือช่วงที่ยายของเราป่วยค่ะ เจ็บออดๆ แอดๆ ตามประสาของคนแก่ ยายเราตอนนั้นอายุ 86 ปี ยายมีโรคประจำตัวค่ะตามประสาคนแก่ แล้วก็ตามกรรมพันธุ์ค่ะ […]

ขอบใจขนาด เรื่องลี้ลับตอนเดินป่า จ.ตาก

เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ป่าแห่งหนึ่งในจังหวัดตาก ซึ่งเป็นดอยที่เดินยาก มีระยะทางไกลและก็ชันเป็นระดับต้นๆ ของประเทศ คนเดินป่าอาจจะรู้จักในฉายาภูเขาสีทองของจังหวัดตาก เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อตอนปลายปีที่แล้ว โดยปกติแล้ว คุณเคเป็นคนที่ชอบเดินป่า แล้วดอยที่เกิดเหตุแห่งนี้ คุณเคก็เคยเดินขึ้นมาแล้ว แต่ว่าครั้งแรก คุณเคไม่ได้ตื่นขึ้นมาดูทะเลหมอกตอนเช้า จึงได้กลับมายังที่นี่อีกครั้งหนึ่ง ก่อนหน้าที่จะออกเดินทาง คุณเคก็ได้ออกปากชวนเพื่อนๆ ที่เคยเดินป่าด้วยกัน แต่ว่าไม่มีเพื่อนคนไหน สามารถไปด้วยได้เลย เนื่องจากครั้งนี้ คุณเคออกเดินทางในวันธรรมดา เพื่อนๆ นั้นลางานไม่ได้ คุณเคตั้งใจเอาไว้ว่าจะเดินทางตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันพุทธ ช่วงใกล้ๆ กับวันออกพรรษา ด้วยความที่คุณเคนั้นเป็นคนชอบเดินป่ามาก ประจวบเหมาะกับงานที่ทำมาก็เหน็ดเหนื่อย และได้วันหยุดในวันธรรมดา จึงตัดสินใจเดินทางเพียงลำพังคนเดียว ในช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ คุณเคก็นั่งรถตู้เข้ากรุงเทพ แล้วก็ต่อรถไปยังจังหวัดตากเพื่อเดินป่า คุณเคถึงจังหวัดตากช่วงเช้ามืดวันจันทร์ ประมาณสักตีสี่กว่าๆ หลังจากนั้นก็มองหารถเพื่อที่จะเหมาไปที่ อบต. ติดต่อเพื่อขอเช่ารถ เพื่อไปส่งที่ตีนเขา และก็รวมไปถึงลูกหาบ ที่จะเอาไว้ช่วยขนของอีกด้วย ในระหว่างที่กำลังมองหารถอยู่นั้น ก็มีพ่อค้าคนหนึ่ง ขับรถกระบะมาจอดเทียบ แล้วก็ถามกับคุณเคว่า จะไปไหนเหรอน้อง คุณเคตอบกลับไป จะไป อบต. เพื่อไปขึ้นดอยครับพี่ พ่อค้าได้ยินแบบนั้นก็พูดว่า ไปกับพี่ก็ได้น้อง พี่จะไปทำบุญที่บ้านพอดี อยู่ไม่ห่างกัน เดี๋ยวแวะส่งให้ถึงตีนเขาเลย คุณเคได้ยินแบบนั้นก็นึกดีใจที่จะได้ไม่ต้องเสียค่ารถ […]

จุ๊..จุ๊..จุ๊.. ประสบการณ์ขนหัวลุก นางรำใต้ต้นโพธิ์

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อต้นปีผมได้ทำการย้ายบ้านเพราะว่าได้งานใหม่มา เนื่องจากเป็นงานประจำที่ต้องเข้างานอยู่บ่อยๆ เมื่อเค้าเรียกก็ต้องเข้าบริษัทให้ทัน ผมเลยไปได้บ้านใหม่หลังหนึ่งที่อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ผมก็ย้ายเข้ามาอยู่กับแฟนสองคนครับ เข้ามาวันแรกก็ช่วยกันจัดแจงข้าวของกันให้อยู่เป็นที่ กว่าจะทำอะไรเสร็จก็ปาเข้าไปทุ่มกว่าแล้วครับ เราเลยออกไปหาอะไรกินกัน ระหว่างทางออกไปหาอะไรกินเราก็ต้องผ่านวัดๆ หนึ่งก่อนขอไม่บอกชื่อวัดนะครับ ต้องขออธิบายก่อนนะครับว่า บ้านที่เราอยู่กันนี้อยู่ติดคลองแต่มีถนนขั้นอยู่กับคลองนะครับ ข้างวัดนี้ตอนกลางวันก็พอมีร้านขายของอะไรอยู่บ้าง แต่ตอนกลางคืนก็พากันปิดไปหมดแล้ว ทำให้เราต้องไปหาอะไรกินกันตามร้านข้าวข้างถนนครับ เราก็ออกกันมาได้ซักพักหนึ่งเลยที่ว่าการอำเภอมาก็เจอร้านบะหมี่เราก็เลยแวะกินกันครับ หลังจากกินเสร็จเราก็พากันกลับบ้าน ก่อนที่ผมจะย้ายเข้ามาอยู่ในซอยนี้ ผมได้ยินประวัติคร่าวๆ จากร้านก๋วยเตี๋ยวข้างวัดของซอยนี้อยู่ว่า มีอยู่วันหนึ่งระหว่างที่รถยนต์คันหนึ่งกำลังขับรถกลับบ้าน เค้าก็สังเกตเห็นรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับตามเค้ามาจากข้างหลังด้วยความเร็วมาก หลังจากนั้นมอเตอร์ไซค์คันนี้ก็เร่งแซงรถของเค้าไปโดยไม่มีท่าทีว่าจะเบรกแต่อย่างใด ทีนี้เค้าก็เห็นว่าทางด้านหน้าของเค้านั้นเป็นโค้งเค้าจึงเบรกเพื่อชะลอความเร็ว แต่มอเตอร์ไซค์คันนั้นก็ขับทะลุโค้งนั้นหายไป ส่วนใหญ่คนที่ขับรถในซอยนี้ตอนกลางคืนจะเจอกันเยอะ แต่เนื่องจากผมเป็นคนไม่กลัวผี ผมก็เลยไม่ได้สนใจอะไรเพราะว่าผมก็แค่มาอาศัยอยู่แถวนี้เฉยๆ อีกอย่างผมก็ไม่ได้ขับผ่านไปแถวบริเวณที่เค้าเจอกันอยู่แล้วเลยไม่ได้คิดอะไร อยู่กันไปซักประมาณสามเดือนพ่อของเพื่อนแม่ของผมก็เสียครับ มารู้ว่าเค้าจะทำการจัดงานศพกันที่วัดใกล้ๆ บ้านผมพอดี ผมเลยบอกให้แม่มานอนกับผมก่อนก็ได้เพราะว่าบ้านผมอยู่ใกล้วัดจะได้ไปงานสวดพระอภิธรรมได้สะดวกๆ หลังจากนั้นแม่ก็เก็บข้าวของเดินทางมาอยู่กับผมครับ สลับกับแฟนของผมที่ต้องกลับบ้านไปหาแม่ของเค้าครับ พอถึงวันสวดวันแรกผมก็พาแม่ไปที่วัด แต่ผมแค่พาแกไปส่งเฉยๆ หลังจากส่งเสร็จผมก็รอแกอยู่แถวบริเวณวัดนั่นแหละครับ เพราะว่าผมรู้สึกว่าผมไม่ถูกกับงานศพ เวลาเข้าร่วมงานศพเหมือนจะเจอเรื่องไม่ดีทุกที ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ หรือเป็นงานศพใครที่สนิทจริงๆ ผมจะขอตัวไม่เข้าไปร่วมงานเลย งานก็ล่วงเลยผ่านไปจนถึงวันที่สามครับ ผมก็ไปส่งแม่ที่งานศพตามปกติ หลังจากนั้นผมก็แยกตัวออกมาจากบริเวณงานศพ และด้วยความที่ไม่มีอะไรทำผมก็เลยโทรไปคุยกับแฟนเล่นๆ ครับระหว่างรอแม่ ผมก็เดินไปคุยไปจนเดินไปถึงใต้ต้นโพธิ์กลางลานวัด เราก็คุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อยหัวเราะคิกคักๆ หลังจากนั้นผมก็ได้ยินเสียง จุ๊..จุ๊..จุ๊..!!! (เสียงเหมือนเอานิ้วชี้มาไว้ที่ปากแล้วทำปากจู๋เวลาผู้ใหญ่ทำกับเด็กเวลาเสียงดังน่ะครับ) […]

ทางสายเปลี่ยว ถนนเส้นอ่าวลึก จังหวัดกระบี่

เมื่อประมาณปี พ.ศ.2554 ช่วงนั้นเราได้มีโอกาสทำงานเป็นเซลล์ให้กับบริษัทหนึ่ง เป็นบริษัทนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ เชื่อว่าหลายๆ ท่านคงรู้จักกันเป็นอย่างดี ช่วงนั้นเรารู้จักคนขับรถเยอะมาก เพราะว่าเป็นหน่วยงานเดียวกัน จึงต้องพบปะพูดคุยกันอยู่เสมอ คนหนึ่งในนั้นคือ พี่นุ แกเป็นพนักงานขับรถร่วมให้กับบริษัททรานสปอร์ตแห่งหนึ่ง ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ถนนเทพารักษ์ จังหวัดสมุทรปราการ ทุกสองสามวัน พี่นุจะต้องมาขึ้นสินค้าที่คลังสินค้าแห่งนี้เสมอ สบโอกาสเหมาะๆ ก็จะได้เจอแก และพูดคุยกันสนุกสนานเฮฮาตามประสาคนรู้จักกัน มีอยู่ครั้งหนึ่งพี่นุแกหายหน้าหายตาไปเป็นอาทิตย์ ไม่ปรากฏว่าเห็นแกมาขึ้นงาน ไอ้เราก็แปลกใจอยู่เพราะปกติก็จะเจอแกอยู่เสมอ เช้าตรู่ของอีกวัน เราเพิ่งเคลียร์บิลลูกค้าเสร็จ เราก็เห็นพี่นุแกยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าออฟฟิศ อ้าวเฮีย! หายไปไหนมาเนี่ยหลายวันเชียว ไปติดใจสาวที่ไหนเข้า งานการไม่มาทำเลยนะ เราก็แซวแกไปเรื่อยตามประสาคนพูดมาก คิดว่าแกคงจะตอบแบบทะลึ่งตึงตังตามนิสัยขี้เล่นของแก แต่ครั้งนี้แกไม่ขำ แกทำหน้าตาขึงขังก่อนจะบอกว่า พี่มาส่งใบลา จะขอหยุดวิ่งงานซักสองถึงสามเที่ยว ว่าจะไปทำบุญน่ะ ช่วงนี้ซวยใหญ่ ไอ้เราก็อยากรู้อยากเห็นอยู่แล้ว ก็เลยถามแกไปว่า แล้วมันเรื่องอะไรล่ะพี่ เล่าให้ฟังหน่อยสิ แกก็เลยว่า ไป๊! ไปนั่งร้านเจ๊แอ๋ว เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟัง เรื่องมันยาว อีกครู่ใหญ่ๆ เรากับพี่นุ ก็พากันมานั่งร้านตามสั่งเจ๊แอ๋วเจ้าประจำ ก่อนจะสั่งโอเลี้ยงมากินกันคนละแก้ว นี่จำได้ไหมเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ที่พี่ขึ้นงานไปภูเก็ตน่ะ อ๋อ […]

30 ปีผีอๅฆาต เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ 2-3 ปีก่อน คุณตูนทำงานขับรถทัวร์ให้กับบริษัทอู่รถแห่งหนึ่งที่หาดใหญ่ หลังจากที่รับวิ่งงานต่อเนื่องกันมานาน รถที่ขับประจำก็ได้เวลาเข้าศูนย์ตรวจเช็คระยะและซ่อมบำรุง คุณตูนได้ถูกพี่วิทย์ ลูกพี่ที่รู้จักกันโทรศัพท์มาชวนให้มาช่วยขับรถพาเยาวชนจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ขึ้นมาทัศนศึกษา ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยแต่ด้วยความที่เป็นศิษย์สอนขับรถกันมา คุณตูนจึงตอบรับคำชวนและได้พาเจ้าเบลล์ เด็กรถของตัวเองติดรถมาช่วยด้วยอีกแรง โดยคุณตูนรับหน้าที่ขับรถช่วงกลางคืนที่ต้องวิ่งข้ามจังหวัด ส่วนพี่วิทย์จะทำทัวร์และขับช่วงกลางวัน เมื่อคุณตูนขับรถขาขึ้นจากใต้ มาถึงป้อมตำรวจชุมชนช่วง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นเวลากลางดึกก็เกิดปวดฉี่ขึ้นมา แต่ขณะนั้นเกิดฝนตกหนัก คุณตูนจึงได้รีบจอด ณ จุดนั้นเพื่อทำธุระส่วนตัว แต่ก็ได้สังเกตเห็นพระธุดงค์รูปหนึ่งยืนหลบฝนอยู่ คุณตูนจึงได้พูดคุยและนิมนต์เชิญให้ติดรถมาด้วย พระท่านจึงขอติดรถคุณตูนมาลงยังจุดที่พอพ้นฝนก็พอ ตลอดเส้นทางก็ได้มีการพูดคุยกัน คุณตูนสังเกตว่า หลวงพี่รูปนี้เป็นพระที่น่าเลื่อมใสศรัทธาอย่างมาก ทราบชื่อสั้น ๆ ว่าหลวงพี่จ๊ะ เมื่อขับมาถึงจุดพักรถที่ จ.ชุมพร ก็ได้จอดแวะพักและหลวงพี่จ๊ะก็ขอลงเพื่อธุดงค์ต่อ แต่ก่อนจากไปท่านได้พูดคุยสั่งสอน พี่วิทย์ ลูกพี่ของคุณตูนอยู่นานเรื่องเวรกรรม และได้ยื่นขวดน้ำให้กับพี่วิทย์เพื่อให้ล้างหน้า เพื่อชำระล้างสิ่งที่ไม่ดี คณะของคุณตูนก็ได้เดินทางต่อ เพื่อท่องเที่ยวสุพรรณบุรีและกาญจนบุรี และได้มาหยุดพักค้างคืนที่กรุงเทพ โดยคุณตูนและลูกพี่ได้หยุดพัก 2 คืน เนื่องจากคณะทัวร์ได้เช่ารถตู้ไปเที่ยวกันต่อ คืนที่สองของการพัก คุณตูนถูกสต๊าฟทัวร์ชักชวนให้ดื่มสุรๅ เนื่องจากคิดว่าวันรุ่งขึ้นยังพักอยู่ คุณตูนก็ได้ดื่มไปเล็กน้อย สักพักพี่วิทย์ก็ได้เดินมาหาและบอกว่า มีรถของที่อู่เดียวกันหม้อน้ำแตกที่ อ.แกลง […]

เรื่องเล่าของจ่าทหารเรือ กระทู้ผีพันทิป

ผมเคยเป็นทหารเรือ สังกัดกองบัญชาการนาวิกโยธิน ฟังดูเท่ห์ล่ะสิ โอโห้ ทหารเรือ น.ย. หน่วยรบนะนี่ รบกับผีน่ะสิ ไม่ได้ยิงอะไรสักแปะ วันๆ ถือปืนเอาแต่ยืนยามเฝ้าหน้าบล็อกทางเข้าฐานทัพ คอยตะเบ๊ะและตรวจรถที่เข้าออก ว่างๆ ก็เดินตัดหญ้าริมถนนพุ่งหลัง วิดพื้น แบกโลก บางทีก็เอามือไพล่หลัง ปักหัวลงดิน เอาให้เหนื่อยกันไปข้างนึง จนบางทีโดนสั่งทำโทษ จนอยากจะลุกขึ้นมาไล่เตะปากจ่าๆ ที่สั่งนักสั่งหนา เหนื่อยนะเว้ย แต่ก็ได้ลาบานูน (คิดในใจ) ก็ทนๆ กันไป เพราะเราเป็นทหาร ต้องมีระเบียบวินัย เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา เนอะ.. ตอนนั้นหลังจากฝึกเสร็จที่ชลบุรี ฐานทัพใหญ่ของกองทักเรือ ผมก็โดนส่งลงมาประจำการที่ฐานทัพเรือพังงา ข้างบ้านทับละมุ  ทหารหน้ามนคนจนชาวเหนือที่มาใช้ชีวิตอยู่ปักษ์ใต้น๊านนาน จนคำพูดติดทองแดง พูดเหนือปนปักษ์ใต้จนกลายเป็นคนแปลกๆ เพราะคุยกับญาติๆ ทางเหนือเค้าก็บอกอู้อ๊ะหยังฟังบ่าฮู้เรื่อง คุยกับคนใต้เค้าก็บอก แหลงภาษาไอ่ไหร๊ว๊า แล้วก็หัวเราะบอกทองแดงหล่นแล้วเดรพี่บ่าว กระผ๊ม พลทหารขอรายงานตัวครับ ยิ้มมาเลยนะตอนต้อนรับ เจอกันครั้งแรก เราก็อุ้ย จ่าที่ฐานทัพเรือพังงาน่าจะใจดีกว่าจ่าที่ชลบุรีแฮะ แบบนี้เดี๊ยน เอ้ย ผมปลื้ม พอหลังจากวันแรกเท่านั้แหละ เสียงตะคอก คว่ำหน้าลงไป […]

เสือผีจากแดนกะเหรี่ยง เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่า ผมเป็นคนสุราษฎร์ธานีแต่กำเนิด พ่อสุราษฯ แต่แม่ผมเป็นคนพะเยา เรื่องที่ผมจะเล่า มันเป็นเรื่องที่ยายของผมเล่าให้ผมฟังโดยตรง เรื่องมันเกิดในสมัยที่ยายผมยังเป็นวัยรุ่นอยู่ สมัยก่อนนั้น ทางภาคเหนือถือว่าเป็นภูมิภาคที่มีป่าเขาที่สมบูรณ์ เมื่อก่อนถ้าไม่ทำไร่ทำนาปลูกข้าว ก็ต้องเข้าป่าล่าสัตว์เพื่อเอามาใช้แลกเปลี่ยนหรือนำไปขายแลกเงิน และนั่นก็เป็นเรื่องของยุคสมัยที่ไฟฟ้ายังไม่เข้าถึงเลยสักหมู่บ้าน แม้แต่บ้านยายผมเองถึงจะอยู่ใน อ.เมืองของพะเยา แต่ใช่ว่าจะเจริญอะไรมากนัก ยายผมเล่าว่า เวลาพ่อของยาย (ตาทวดผม) ขึ้นเขาเข้าป่าไปล่าสัตว์ ไปครั้งนึงก็สองถึงสามเดือนอย่างต่ำ เลยทำให้ยายของผมคลุกคลีกับเรื่องป่าเขาพอสมควร ตอนปี พ.ศ.2486 เป็นครั้งที่ตาทวดผมไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต มันเป็นครั้งสุดท้ายของการล่าสัตว์ในป่าลึกของท่าน กับประสบการณ์ลี้ลับของคณะเดินทางที่ต้องผจญกับเสือผีจากป่าแดนกะเหรี่ยง ตอนนั้นยายทวดผมกำลังไม่สบาย ทำนาไม่ได้ เลยขัดสนเรื่องเงินที่จะใช้จ่ายภายในครอบครัว เพราะบ้านแม่ผมจนครับ ตาทวดผมเลยต้องเข้าป่า เพื่อไปล่าเขากวาง งาช้าง และของหายากในป่าเพื่อเอามาขายคนเมืองกรุง เลยชวนพรรคพวกที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ชวนกันเดินทางไกลไปเขาภูซาง ซึ่งมีอาณาเขตติดกับเชียงราย-สปป.ลาว แต่ถึงตาทวดผมจะเคยเข้าป่าล่าสัตว์มาเยอะพอสมควร แต่การเดินทางครั้งนี้มีพรานไปกับแกด้วย หลังจากเตรียมอาหาร ข้าวเหนียว เนื้อแห้ง ปลาแห้ง เสร็จสรรพ ก็ออกเดินทางกันบ่ายวันนั้นเลย ใช้เวลาเกือบสามอาทิตย์กับระยะทางเกือบร้อยกิโลจากบ้าน กว่าจะเดินทางไปถึง เนื่องจากพรานมาด้วยทุกคนก็ทำตามที่พรานแนะนำทุกอย่าง ทุกคนก็จัดแจงอุปกรณ์ ตัดไม้ไผ่มาทำห้างและทำกระบอกไม้ไผ่เอาไว้เยี่ยว เพราะตอนขึ้นห้างแล้ว ห้ามลงมาเด็ดขาดจนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นถึงจะลงได้ เนื่องจากมากันหกคน เลยทำห้างไว้สองที่ บนต้นไม้ใหญ่สองต้น […]

ใต้กอสวะ! สยองขวัญใต้สะพานพุทธฯ

เรื่องใต้กอสวะ บ้านผมอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แถวๆ สะพานพุทธฯ เวลาจะกลับบ้านต้องเดินเลียบริมน้ำ เป็นทางคอนกรีตแคบๆ เดินไม่ดีมีสิทธิ์ตกน้ำได้ แต่พวกเราเดินจนชินแล้ว คืนหนึ่งดึกแล้ว ผมกลับจากงานส่งเมสเซ็นเจอร์ เดินเลียบทางมาคนเดียว จู่ๆ มีแมวดำตัวหนึ่งเดินตัดหน้าไป ใจหายวาบว่าจะเป็นลางร้ายอย่างเขาพูดกันมองตามแมวไปก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงแนวตอที่ยื่นต่ำลงไปจากทางเดิน เขาตัวเปียกชุ่ม ใส่เสื้อไม่รู้สีอะไรเพราะมันสลัวมาก รู้แต่ว่าเขาหันมามองผม ผมใจหายและรู้สึกหนาวๆ พิกล! อยากถามว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า? ท่าทางคล้ายคนเมาตกน้ำ ตาขวางๆ พิลึก สะท้อนไฟเห็นวาบๆ ผมพูดไม่ออก ได้แต่รีบเดินผ่านเพราะเห็นว่าเขาก็ปลอดภัยดีนี่ เดี๋ยวคงขึ้นมาเองแหละ! ผ่านไปอีก 2-3 วัน ผมกลับเกือบดึก บ้านกับร้านอาหารติดทางเดินเลียบแม่น้ำยังเปิดไฟสว่างผมเห็นผู้ชายคนนั้นอีกแล้วครับ เขานั่งที่เดิม ตัวเปียก หัวหูโชกเชียว แต่ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนอะไร แล้วก็หันมามองผมแบบจ้องเขม็ง คราวนี้จากแสงไฟผมเห็นเขาชัดขึ้น ร่างใหญ่ ใบหน้าอูม ผมรองทรงค่อนข้างยาว อายุราว 40 ปี ใส่เสื้อลายๆ สีแดงเลือดหมู และที่เห็นชัดก็คือตะเข็บแขนเสื้อของเขาขาดลงมาข้างหนึ่ง เหมือนมันไปเกี่ยวอะไรสักอย่างท่าทางเขาคล้ายๆ กับคนเมา ผมอยากถามว่าไม่หนาวรึครับก็พูดไม่ออก ได้แต่ชำเลืองนิดหน่อยเท่านั้นสิ่งที่น่าแปลกใจคือ ทำไมเขามานั่งบนตอไม้ริมทางเดินนี่ แหม! สองคืนแล้วนะครับหรือว่าจะมาเล่นน้ำ? คิดอีกทีอาจเป็นคนบ้าไม่เอาดีกว่า […]

ขออโหสิกรรม เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณวรรณพรครับ คุณวรรณพรเล่าว่า เป็นเรื่องเมื่อห้าปีมาแล้วค่ะ คือเรามีแฟนคนหนึ่ง มีลูกด้วยกันแล้ว แต่ทะเลาะกันจนแยกกันอยู่มาสักพักแล้ว วันหนึ่งเราได้รับโทรศัพท์จากเพื่อน เพื่อนโทรมาบอกเราว่า แฟนเราตายแล้วนะ เราก็ถามกลับด้วยความตกใจว่า เขาเป็นอะไรตาย? เพื่อนบอกว่า รถคว่ำตายคาที่ เราทั้งงงทั้งตกใจ ทำอะไรไม่ถูก เพราะก่อนวันที่เขาจะตาย เขาโทรมาขอโทษทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำกับเราและกับลูก แต่เราไม่ยอมรับคำขอโทษจากเขา เนื่องจากตอนนั้นเราโกรธและโมโหมาก ที่เขาจะมาเอาลูกไปอยู่บ้านเขาแต่เราไม่ยอม จนคุยกันไม่ได้ ทะเลาะกันรุนแรงมาก ไม่นึกเลยว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกัน และเป็นคำขอโทษครั้งสุดท้ายจากเขา ที่งานสวดศพคืนแรก เราพาลูกไปฟังพระสวด พอไปถึงเราก็เข้าไปจุดธูป ซึ่งจริงๆ แล้วตามพิธี เราควรจะต้องอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน แต่เราอโหสิกรรมให้เขาไม่ได้ ใจเรายังโกรธแค้นเขาอยู่มาก จึงทำได้แค่ปักธูปไว้แล้วเดินออกมา พอพระสวดเสร็จเราจึงขอตัวพาลูกกลับก่อน พอกลับถึงบ้าน ขณะที่จอดรถเสร็จกำลังจะเข้าบ้าน จู่ๆ เราก็มีอาการเหมือนเป็นไข้ ตัวร้อนวูบวาบไปหมดทั้งตัว เดี๋ยวก็หนาวจนสั่น เลยเข้าบ้านไปหายาพารากิน คิดว่าเดี๋ยวคงจะดีขึ้น แต่กินยาก็แล้ว เช็ดตัวก็แล้ว ก็ยังไม่หาย ไม่ดีขึ้นเลย ตัวเราเองก็แปลกใจว่าจู่ๆ ทำไมถึงเป็นไข้ขึ้นมาได้ พอเริ่มแย่จนรู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวแล้ว ก็เลยเรียกแม่มา แม่เราก็ถามอาการ เราก็เล่าให้แม่ฟัง แล้วอยู่ๆ แม่ก็ลุกเดินไปเอาน้ำมนต์มาให้เราดื่ม พร้อมกับเช็ดตัวให้ […]

ซอครวญ นิยายสยองขวัญ โดย ธีร์ วรรณกร [ตอนที่ 2]

ซอครวญ ตอนที่ 1 “เฮ้ย!!!!บ.บ้าแล้ว!!! กลิ่นนี่..มันมันมาได้ยังไงกันเนี่ย!!!” วีระตะโกนลั่นอยู่ในห้วงแห่งความคิด และก่อนที่เขาจะสามารถตั้งสติรับอะไรได้ทันนั้นเอง มันก็เหมือนกับถูกผีซ้ำด้ำพลอยเข้าไปอีก เพราะทันใดนั้นหูเจ้ากรรมของเขาดันไปได้ยินเสียงๆหนึ่งเข้า มันดังเรื่อยๆเอื่อยๆฟังโหยหวนพิลึก เมื่ออดทนเงี่ยสดับอยู่ชั่วครู่มันก็ต้องทำให้ครูเวรคนใหม่ถึงกับขนลุกซู่ตั้งชันไปทั่วทั้งร่างกายแม้กระทั่งทรงขนบนหัว เพราะเสียงที่ดังมาจากที่ลึกลับแห่งใดมิอาจทราบได้นั้นมันก็คือ ท่วงทำนองเสียงซอสำเนียงอีสานที่โอดครวญน่ารันทดหดหู่ใจเป็นที่สุด แต่ก็แฝงไปด้วยความลึกลับน่าสะพรึงพรั่นจนทำให้เย็นวาบไปทั้งกระแสเลือด มันค่อยๆสอดประสานกับเสียงหมาจรจัดที่มาอาศัยอยู่ในบริเวณโรงเรียนซึ่งพร้อมใจกันหอนระงมกันซะเหมือนกับว่ามันเป็นเสียงบทเพลงที่บรรเลงจากฝีมือของภูติผี ในตอนนี้เขาแทบคลั่งหัวใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะเสียงซอที่จะว่าไพเราะหรือน่ากลัวดีนั้นก็ยังคงดังมาเรื่อยๆอยู่ไม่ขาด แต่เขานี่สิคือผู้ที่จะขาดใจอยู่รอมร่อ เพราะเสียงซออันน่าขวัญบินที่โหยหวนครวญรำพันอยู่นั้น มันทำให้เขาต้องเอามืออุดหูไม่อยากได้ยินแม้แต่เสียงของโน้ตเพลงแม้แต่ตัวเดียว เหงื่อกาฬไหลพรากๆราวกับออกกำลังกายมาหมาดๆ สองขาสั่นระริกอ่อนระทวยแทบล้ม “นี่.นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นนี่ ไม่ไหวแล้วโว้ยยยยย!!!!”  ครูวีระแผดตะโกนลั่นจ้ำอ้าวๆเปิดประตูหนีออกมาแทบไม่ทัน  และเมื่อออกมาข้างนอกเสียงซอที่แสนรันทดในท่วงทำนองนั้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ใช่.ใช่แล้ว.เจ้าเสียงซอจากโลกอมนุษย์นั้นมันต้องมาจากที่ใดสักที่ๆสามารถมีเครื่องดนตรีเป็นแน่.!!!!!  คิดได้ดังนั้นเขาก็ต้องถึงกับตาเบิกโพลงอ้าปากค้างเพราะที่ๆมีเครื่องดนตรีทุกประเภทก็คือ..ห้องดนตรีซึ่งอยู่ติดๆกับห้องหมวดที่เขาเข้ามาพักนอนเข้าประจำเวรอยู่นั่นเอง เสียงซอที่เอื้อนเอ่ยร่ำสำเนียงลายซอเศร้าอีสานอันกำลังถูกบรรเลงอยู่ในยามนี้ก็ยังทำหน้าที่สร้างความเขย่าขวัญของมันให้กับเขาอย่างไม่ขาดช่วง วีระตัวสั่นเพราะความกลัวเหลือเกินบรรยาย และในช่วงวินาทีแห่งการเผชิญเหตุการณ์อันน่าพิศวงอยู่นั้นเอง ครูหนุ่มตัดสินใจกลั้นลมหายใจแล้วหลับตาลงนับหนึ่งถึงสาม จากนั้นเขาก็หันกลับหลังขวับในทันทีนั้น ซึ่งสถานที่เบื้องหลังก็คือห้องดนตรีที่เป็นที่มาของเสียงซออันน่าขนลุกนั้น และในที่สุดเมื่อลืมตาขึ้นเขาก็แทบจะต้องเป็นลมสิ้นสติไปในบัดนั้น เพราะภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขา ณ ตอนนี้ก็คือ ภายในห้องดนตรีอันเป็นประตูกระจกใสสามารถมองทะลุไปถึงด้านในได้นั้น ร่างหนึ่งอันดำเป็นเงาทะมึนเด่นชัดซึ่งถูกแสงไฟที่สาดส่องจากด้านนอกเข้าไปเล็กน้อยนั้น แสดงให้เห็นชัดว่าเป็นร่างของบุรุษผู้หนึ่งกำลังนั่งหันหลังให้พร้อมกับสีบรรเลงซออันสุดที่จะขนพองสยองเกล้าอยู่ตรงนั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเมื่อตอนเลิกเรียนครูวีระจำได้ว่าเขานั่นแหละที่เป็นคนล็อคประตูห้องดนตรีเองกับมือ แล้วชายคนนั้นเป็นใครกัน? มาจากที่ไหน? และเข้าไปในห้องได้อย่างไรในเมื่อประตูถูกล็อคอยู่แท้ๆ!!!?? วีระอ้าปากค้างด้วยความตะลึงงันพลันก็ร้องว้าก..!!!!ลั่นขึ้นแทบจะหมดลม หันหน้ากลับมาดังเดิมวิ่งหน้าตั้งฝ่าเสียงซอปีศาจและเสียงหมาหอนหนีออกจากที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็วโดยไม่เหลียวหลังกลับไปมองสิ่งใดๆอีกทั้งสิ้น ปล่อยให้ประตูห้องหมวดเปิดอ้าซ่า พร้อมกับแสงไฟที่สว่างโร่อยู่อย่างนั้น  ในความคิดของเขาตอนนี้จุดหมายก็คือป้อมยามของลุงยามที่ตรวจตราด้วยกันเมื่อไม่นานมานี้นั่นเอง และเขาก็หวังว่าเมื่อไปถึงเขาก็จะพบตัวลุงแกเพื่อเป็นที่พึ่งหนีผีให้ได้เช่นกัน  สองเท้าจ้ำอ้าวๆอย่างกับแข่งวิ่งสี่คูณร้อยก็ไม่ปาน ปากก็แหกตะโกนลั่นเกือบจะไม่เป็นภาษา “ลุง!!!ลุงยามครับ!!!ช่วยผมด้วย!!!ผมผมโดนผีหลอก!!!ลุง!!!” วีระทั้งเหนื่อยทั้งหอบกินอยู่แทบขาดใจ เมื่อถึงหน้าป้อมยามก็ทรุดลงพาร่างแผ่หลาไม่เป็นท่า […]