ไปไม่ถึงภูชี้ฟ้า เรื่องเล่าสยองขวัญ

เรามีประสบการณ์แปลกๆ มาเล่าให้ฟัง เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว บอกก่อนเลยนะว่าตั้งแต่เด็กๆ หลายคนจะบอกเราเสมอว่าเรามีสัมผัสที่ 6 บ้าง เรามีตาที่ 3 บ้าง ทั้งคนที่รู้จักเราและไม่รู้จักเรา บางทีไปซื้อของกับคนเฒ่าคนแก่ เขาจะพูดขึ้นมาว่า หนูเก็บสิ่งนี้ไว้นะ มันดี เราก็ทำได้แค่ยิ้มแล้วตอบว่า “ค่ะ” เราไม่คิดนะว่าเรามีสัมผัสที่ 6 หรือเห็นผีอะไรทั้งนั้น เรามองมันเป็นแค่ภาพผ่าน ภาพมโนของตัวเองที่เกิดแค่เสี้ยววินาที แล้วมันแค่บังเอิญมีตัวตนจริงๆ แต่เขาไม่มีลมหายใจแล้วแค่นั้นเอง แต่มันมีเรื่องแปลกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เรากับเพื่อน หลอนและกลัวทุกครั้งที่นึกถึง จนถึงทุกวันนี้ มันเกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2015 เรากับเพื่อนๆ นัดกันว่าจะไปเที่ยวภูชี้ฟ้า เพราะปี 2014 เราเคยไปกันแล้ว แต่ไปกลางเต็นท์นอนกันสนุกสนานตามเรื่องตามราว ทำให้ปีต่อมาเรานัดจะไปกันอีก แต่ครั้งนี้มีพี่ชายและพี่สะใภ้เพื่อนไปด้วย ทำให้พวกเราเลือกที่จะจองที่พักเป็นบ้าน เพื่อที่จะเป็นส่วนตัว พวกเราไปกัน 8 คน เพื่อนเราเป็นคนจองที่พัก (ขอไม่บอกชื่อนะ) พอถึงวันไปเราก็ขับรถตาม GPS ไปจนใกล้ถึงแต่พวกเราหาทางเข้าไปที่พักไม่เจอ ขับวนอยู่หลายรอบ แต่ก็เริ่มรู้สึกไม่โอเคเพราะที่พักมันไกลภูชี้ฟ้ามาก เหมือนยังไม่ได้ขึ้นภูเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ใจดีสู้เสือ เอาวะ ยังไงก็ต้องหาที่พักให้เจอก่อนเพราะจองไปแล้ว […]

คนเห็นผี เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

ฉันเชื่อว่าคุณหลายคนต้องเคยดูละครเรื่อง เขาวานให้หนูเป็นสายลับ ทางช่อง 3 ที่เกริ่นมานี่ไม่ใช่เพราะฉันสวยเหมือนนางเอกส้วมหรอกค่ะ ฉันแค่มีบางอย่างที่คล้ายเธอ ฉันไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ฉันเป็นมันคือพรสวรรค์หรือใครจะเรียกคนประเภทฉันว่าอย่างไรก็สุดแล้วแต่ สรุปสั้นๆ เข้าใจง่ายๆ คือฉันเห็นผีนั่นเอง! ฉันเป็นคนกรุงเทพฯโดยกำเนิด ตอนฉันยังเด็ก ฉันเคยประสบอุบัติเหตุจมน้ำ น้าที่เป็นคนช่วยชีวิตฉันเล่าให้ฟังว่า ตอนที่งมฉันขึ้นมานั้นร่างของฉันขาวซีด เนื้อตัวอ่อนปวกเปียก ริมฝีปากเริ่มเขียวคล้ำ จนทุกคนคิดว่าฉันคงไม่รอดแน่ๆ แม่ตกใจร้องห่มร้องไห้จนเป็นลมล้มพับ น้าพยายามช่วยปฐมพยาบาลจนฉันฟื้นราวปาฏิหาริย์ ฉันลุกขึ้นนั่งอย่างงุนงงอยู่ชั่วครู่ แม่เข้ามากอดฉันถามว่าฉันจมน้ำไปได้อย่างไร ฉันเล่าว่า กำลังเล่นขายของกับน้องๆ อยู่ๆ ก็มีเด็กคนหนึ่งคลานขึ้นมาจากตลิ่ง เด็กคนนั้นตัวขาวซีดเซียว ตาโปนโตสีแดงก่ำ ไม่สวมเสื้อผ้า เค้าพูดว่า ช่วยด้วยๆๆ กับฉันหลายครั้ง ฉันวางของเล่นในมือลง แล้วเดินเข้าไปหาเด็กคนนั้นที่นอนพาดอยู่ริมตลิ่งด้วยสมองที่ว่างเปล่า เด็กคนนั้นชี้มือไปที่น้ำ ฉันเดินผ่านเด็กคนนั้นลงไปที่แม่น้ำ ฉันเห็นว่ามีบางอย่างกำลังขยับเขยื้อน เมื่อมองลึกลงไปจากผิวน้ำ มีใบหน้าหนึ่งกำลังจ้องมาที่ฉัน ผมของเค้ายาวดำขลับกลืนไปกับสีของน้ำ ขยับพลิ้วเป็นคลื่นกระจายแผ่ไปทั่วบริเวณนั้น ปากแดงที่กำลังแสยะยิ้มกว้างถึงหูกำลังกวักมือเรียกฉันลงไปหาเค้า ฉันแว่วได้ยินเสียงน้องๆ ร้องเรียกแต่ฉันหันหลังกลับไปไม่ได้ ได้แต่ยืนละล้าละลังอยู่ตรงนั้น จนในที่สุดก็มีมือคู่หนึ่งสีเขียวคล้ำเล็บยาวดำปิ๊ดปี๋ โผล่ขึ้นมาจากน้ำกระชากขาของฉันดำดิ่งลึกลงไปสู่ใต้น้ำ ฉันดิ้นทุรนทุรายกระเสือกกระสนจะกลับขึ้นฝั่ง จนฟองอากาศจำนวนมากออกจากปากออกจากจมูกอย่างรวดเร็ว ที่ลำคอเหมือนมีสาหร่ายสีดำลื่นเป็นกระจุกมารัดไว้ สติยังกระตุ้นเตือนให้ฉันรู้สึกเจ็บแปลบที่ขาข้างขวาเหมือนถูกอะไรบางอย่างเกี่ยวรั้งไว้จนได้เลืoด ฉันดิ้นรนสำลักน้ำอยู่ชั่วอึดใจ ตาฉันเริ่มลอยคว้าง สมองอ่อนล้า ร่างกายเริ่มหมดเรี่ยวแรง […]

ณ ใจกลางป่า มันมากับสายฝน เรื่องเล่าประสบการณ์เดินป่าสุดสยอง

เรื่องนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าเขาแห่งหนึ่งในแถบภาคใต้ตอนบน เป็นเรื่องของผู้ใหญ่วัยกลางคน ทั้งหมด 5 คน ที่ตัดสินใจเดินป่าไปเพื่อถ่ายรูป พวกเขารักป่าจริงๆ ชาย 5 คน เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างครบ ก็ออกเดินทางด้วยรถจิ๊บ 1 คัน พอไปถึงตีนเขา ก็จัดแจงฝากรถไว้กับบ้านคนรู้จักในระแวกนั้น หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าเดินขึ้นไปบนภูเขาเต็มกำลัง เพราะอยากจะไปให้ถึงจุดกางเต็นท์ไวๆ เพราะตรงนั้นกรมป่าไม้เขาถางป่าทิ้งไว้เพื่อเป็นจุดพัก เดินมาเรื่อยๆ ก็ถ่ายรูปเก็บไปเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน จนทุกคนก็มาถึงจุดพักได้จริงๆ จังๆ สักที ก็ต่างพากันกางเต็นท์ให้เสร็จไวๆ เพราะว่ากลัวฝนฟ้าจะตกลงมา แล้วอุปกรณ์จำพวกอิเล็คทรอนิคต่างๆ จะพัง พอกางเต็นท์ปุ๊บ ก็ไปหาเศษไม้แห้งแถวๆ นั้นมาทำเป็นฟืนเพื่อก่อกองไฟ จะได้ต้มน้ำชงกาแฟกัน แต่ในจังหวะที่คณะเดินทางคนนึง แกกำลังก้มหักกิ่งไม้ แกรู้สึกเหมือนหยดน้ำอะไรหล่นใส่หลังแก พอแกเงยหน้าไปดู ฝนเหรอ ไม่น่าใช่เมฆโปรงขนาดนี้ หรือเยี่ยวของแมลง แต่แกก็ไม่ได้สนใจอะไร เดินกลับไปพร้อมเศษไม้เล็กๆ และก็ก่อกองไฟเสร็จสรรพ เวลาประมาณเย็นๆ ทุกคนมานั่งล้อมกองไฟ พร้อมคุยตามประสาเพื่อนๆ จนพอมืดค่ำ จู่ๆ ฝนดันตกลงมาเฉยเลย แถมตกแรงด้วย ทุกคนก็เลยรีบพากันเข้าไปในเต็นท์อย่างไว หลังจากเข้าไปอยู่ในเต็นท์ ก็นั่งคุยกันต่อพร้อมหยิบกล้องมาดูภาพที่ถ่ายมาทั้งหมด แต่สักพักเพื่อนคนนึงที่นั่งอยู่ใกล้หน้าต่างของเต็นท์ เหมือนแกเหลือบไปเห็นอะไรสักอย่างในกองไฟที่กำลังจะดับเพราะสายฝน […]

ทำไปได้ยังไง เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมได้ยินได้ฟังมาอีกทอดหนึ่ง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านเรื่องต่อไปนี้ ขอขอบคุณครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว ที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี มีลูกสาวของคหบดีคนหนึ่งซึ่งเป็นคนมีฐานะ เกิดไม่สบายจึงเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เธออายุไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ เป็นคนสวย อัธยาศัยดี มานอนรักษาตัวอยู่เป็นเวลาเกือบๆ เดือน เธอจึงเป็นที่รู้จักมักใคร่ของพนักงานเกือบทุกแผนกในโรงพยาบาลแห่งนั้น อยู่มาวันหนึ่ง อาการของเธอทรุดหนักลงถึงขั้นโคม่า ซึ่งแต่ก่อนก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าอาการแบบนี้เรียกว่าอะไร แต่ถ้าเป็นในสมัยนี้ก็คงคล้ายๆ กับการติดเชื้อในกระแสเลือด และเธอก็ได้เสียชีวิตลง ด้วยความที่สมัยตอนยังมีชีวิต ตัวเธอเป็นที่รักและหมายตาของใครหลายๆ คน รวมถึงพวกหนุ่มๆ พนักงานซึ่งอยู่ในวัยคะนอง เรื่องมันมาเกิดขึ้นก็ตรงที่ว่า เธอได้เสียชีวิตในตอนกลางคืน และในสมัยนั้นการติดต่อสื่อสารไม่สะดวกสบายเท่ากับทุกวันนี้ โทรศัพท์ก็ยังเป็นโทรศัพท์บ้าน เมื่อญาติเธอรู้ข่าว จึงแจ้งกับโรงพยาบาลว่าสะดวกที่จะมารับศพในวันรุ่งขึ้น เมื่อทราบดังนั้น ขั้นตอนต่อไปคือการเก็บศพ ซึ่งห้องเก็บศพจะอยู่ด้านหลังของโรงพยาบาล เป็นหน้าที่ของบุรุษพยาบาล 1 คน และพนักงานห้องดับจิต 1 คน ทั้งสองเข็นร่างไร้วิญญาณของเธอมา ซึ่งตึกหญิงกับห้องเก็บศพระยะทางค่อนข้างไกลกันพอสมควร ด้วยความคะนองหรืออย่างไรไม่ทราบ พวกเขาเอามือล้วงเข้าไปที่หว่างขาของศพ ทำการกระทำชำเราศพ เอามือไปจับ ไปบีบ ไปล้วง ซึ่งด้วยความที่ศพเพิ่งตายใหม่ๆ จึงยังคงสภาพและร่างกายก็ยังนิ่มๆ อยู่ ขณะที่กระทำการกันอยู่ก็ส่งเสียงเอิ้กอ้ากสนุกสนานเป็นที่สำราษบานใจ […]

เงาปริศนา ตรงร่องน้ำกลางถนนลพบุรีราเมศวร์ จ.สงขลา เรื่องเล่าสยองขวัญ

ถนน ลพบุรีราเมศวร์ จ.สงขลา ถ้าเป็นคนที่อาศัยหรือมาใช้ชีวิตใน อ.หาดใหญ่ และ อ.เมืองสงขลา คงจะคุ้นเคยกับถนนสายนี้เป็นอย่างดีนะครับ ก็เป็นถนนที่ตัดตรงเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ จาก 4 แยกบางกล่ำ ไปจรด 4 แยกน้ำกระจาย ของ อ.เมือง เป็นถนน 4 เลน ที่มีโค้งน้อยมาก ตามรูปที่แนบมา ช่วงต้นทาง สองข้างทางจะเต็มไปด้วยตึกและอาคารที่ผุดขึ้นมาหลังการมีถนน ช่วงกลางแถวๆ มัสยิดใหญ่ จะตัดผ่านทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา มองเห็นเขาคอหงส์หลังเมืองหาดใหญ่อยู่ไกลๆ ส่วนช่วงใกล้เขต อ.เมือง ตรงที่เป็นโค้งก่อนถึง 4 แยกน้ำกระจาย จะเป็นเนินเขา ไอ่ช่วงกลางก่อนถึงช่วงปลายของถนนเส้นนี้ ตอนกลางคืนจะเปลี่ยวมาก ยิ่งตอนดึกๆ รถน้อยๆ จะยิ่งเปลี่ยวสุดๆ ช่วงกลางวันกับหัวค่ำไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เพราะคน อ.เมือง และหาดใหญ่ ใช้เส้นทางนี้ บวกกับรถที่มาจากที่อื่นก็ทำให้พลุกพล่านพอสมควร แต่เพราะรถมากนี่แหละ ทำให้ถนนเส้นนี้ขึ้นชื่อเรื่อง “คนตาย” เยอะมาก ก็ตายจากอุบัติเหตุทางรถนั้นแหละ มันก็ธรรมดาของถนนที่รถเยอะอยู่แล้ว ที่จะมีอุบัติเหตุบ่อยๆ ไม่น่าแปลก แต่จากประสบการณ์ตรงของการขับรถผ่านถนนเส้นนี้บ่อยๆ กับจากคนรอบข้างที่เจออะไรแปลกๆ […]

เรื่องเล่าผี ราชภัฏสวนสุนันทา

เมื่อลองดูประวัติคร่าวๆ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาแล้ว เรื่องความเฮี้ยนต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เพราะก่อนจะก่อตั้งเป็นมหาวิทยาลัยนั้น เดิมเคยเป็นวังเก่าของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ซึ่งเป็นพระอัครมเหสีพระองค์แรกของรัชกาลที่ 5 เด็กนักศึกษาที่นี่ส่วนมากจึงเรียกตัวเองว่า “ลูกพระนาง” และด้วยความเป็นสถานที่เก่าแก่ มีระยะเวลาเนิ่นนาน จึงไม่น่าแปลก ถ้าจะมีเรื่องราวชวนให้นึกคิดเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็นอยู่เสมอ เรื่องเล่าหลอนๆ สวนสุนันทา ตึกเหลือง ว่ากันว่าตึกที่เก่าที่สุดของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ก่อสร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 นักศึกษามักเรียกกันว่า “ตึกเหลือง” สมัยก่อนเป็นที่ประทับของเชื่อพระวงศ์ในวัง ปัจจุบันตึกนี้ได้เปิดให้ใช้บริการนวดแผนโบราณให้แก่คนนอกได้ด้วย (ชั้นบนสุดมีเรื่องราวลี้ลับเกี่ยวกับสวนสุนันทาสมัยก่อนมีรูปภาพ และโมเดลแผนที่ในสมัยที่ยังเป็นวังเก่าอยู่ด้วย) ใต้ดินตึกศิลปกรรม เรื่องที่ฟังทีไรต้องขนลุกทุกที ก็คือเรื่อง “ใต้ดินตึกศิลปกรรม” ว่ากันว่าที่ชั้น G ตึกศิลปกรรม หรือชั้นใต้ดินนั้น ในสมัยยังเป็นวัง ที่ตรงนี้คือคุกเก่าไว้ขังนักโทษ และในตอนกลางคืน ยามที่นี่ก็จะได้ยินเสียงโซ่ลากตลอดเวลา เสียงนั้นน่าจะเป็นเสียงโซ่ตรวนที่ใช้ล่ามขานักโทษ รวมถึงมีนักศึกษาคนหนึ่งเคยทำงานอยู่ใต้ตึกในเวลากลางคืน โดยนักศึกษาคนนั้นเขียนงานไปดูดบุหรี่ไปด้วย จนเห็นพระนางสุนันทามาเตือนให้เลิกดูดบุหรี่ หรือบางคนก็เล่าว่า มีนักศึกษาคนที่มีสัมผัสซิกเซ้นส์มาเรียนได้ไม่ถึงเทอมก็ลาออก เขาเล่าให้ฟังว่า “อยู่ไม่ได้เลย เพราะสวนสุนันทามีผีในวังเยอะมาก” และทุกวันนี้ก็ไม่มียามมาเฝ้าชั้นใต้ดินตอนดึกๆ อีกเลย ชั้น 4 ตึกศิลปกรรม เรื่องราวชวนสยองของตึกศิลปกรรมยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะบริเวณชั้น 4 […]

แกนั่งอยู่บนขื่อบ้าน เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 38 ปีก่อน สมัยที่ผมเพิ่งจบ ม.ศ.3 ใหม่ๆ อายุราว 16-17 ปี ผมมีเพื่อนสนิทอยู่ 3 คน ชื่อ เต๊ก บุญเลิศ และชัย บ้านของผม เต๊ก และบุญเลิศ อยู่ที่กรุงเทพ ส่วนชัยมีบ้านอยู่ทางภาคอีสาน วันนั้นพวกผมเรียนจบ ม.ศ.3 กันพอดี จึงอยากจะไปเที่ยวพักผ่อน พวกผม 3 คนจึงจะไปเที่ยวหาชัยที่บ้าน ซึ่งชัยเขาได้กลับบ้านไปก่อนหน้านั้นแล้ว เราเดินทางไปบ้านชัยโดยขึ้นรถไฟจากหัวลำโพงกันตั้งแต่เช้า เพื่อที่จะได้ไปถึงบ้านชัยไม่ค่ำมาก จะได้ไม่ลำบากตอนเดินเข้าไปหาบ้านชัย เพราะต้องเดินเท้ากันเข้าไปลึก เรานั่งรถไฟไปถึงประมาณบ่าย 3 โมงเย็น ชัยมารับพวกผมที่สถานีรถไฟและต่อรถสองแถวเข้าไปแถวระแวกบ้านของชัย หลังจากที่ลงรถสองแถวพวกผมจะต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตรเพราะไม่มีรถและก่อนที่จะไปถึงบ้านของชัยที่อยู่สุดทาง พวกผมได้ผ่านบ้านที่พ่อแม่ชัยพักอาศัยอยู่เพื่อจะมาดูแลไร่นา ซึ่งอยู่ด้านหน้าปากทาง กว่าจะเดินถึงบ้านชัยก็ปาไปบ่ายสี่โมงเย็น พอจัดข้าวของเสร็จได้ซักพัก แม่ของชัยได้ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาเรียกให้ชัยไปดูพ่อที่ไม่สบายที่บ้านตรงปากทางเข้า เพราะแม่ต้องไปเอายาในตัวอำเภอ ชัยได้ยินแม่เรียกจึงออกไปแล้วบอกกับพวกผมว่า พักอยู่ที่นี่ พวกมึงไม่ต้องเกรงใจนะ ทำตัวตามสบาย ผมจึงให้เต๊กไปเป็นเพื่อนชัยเผื่อจะได้ช่วยกันดูแลพ่อ ส่วนผมอยู่กับบุญเลิศที่บ้าน เพราะจะได้อยู่เป็นเพื่อนป้าของชัยที่พักอยู่ที่นี่ ป้าเป็นพี่สาวของแม่ชัย อายุราว […]

คนแรก เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม หรือเมื่อ 2 วันที่แล้วนี้เอง เรื่องราวของคุณตุ๊กตามีอยู่ว่า ตุ๊กตามีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งชื่อแหม่ม โดยที่ทั้งสองได้รู้จักกันตอนที่ตุ๊กตาย้ายมาเรียนที่สมุทรสาคร มีครั้งหนึ่งแหม่มได้มีโอกาสไปเที่ยวที่บ้านเกิดของตุ๊กตา ซึ่งตุ๊กตาเกิดและโตที่ จ.เพชรบูรณ์ พอดีแหม่มเขาอยากมีบ้านที่ต่างจังหวัดให้แม่อยู่ เพราะเดิมทีครอบครัวของแหม่มนั้นอาศัยเช่าบ้านอยู่ที่ จ.สมุทรสาคร หลังจากที่แหม่มได้ที่ดินที่ จ.เพชรบูรณ์ ตามที่ตั้งใจไว้ก็ไปปลูกบ้านไว้ที่นั่น แต่ตัวแหม่มเองยังคงทำงานที่กรุงเทพ จนสักพักได้ย้ายงานไปทำที่ จ.พิษณุโลก ส่วนตุ๊กตาก็ยังคงอาศัยอยู่ที่ จ.สมุทรสาครเช่นเดิม นานๆ ครั้งที่ทั้งสองจะมีโอกาสได้มาเจอกัน เช้าวันที่เกิดเรื่อง แหม่มโทรมาหาตุ๊กตาแล้วบอกว่าจะมาหาที่บ้านที่มหาชัย และค่ำวันนั้นเวลาประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ตุ๊กตากำลังจะเดินออกไปนั่งเล่นที่หน้าบ้าน ก็พอดีเห็นแหม่มเดินเข้ามา อ้าว แกมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ ตุ๊กตาร้องทัก ถึงเมื่อกี้เอง ตอนที่แกเดินออกมาพอดีนั่นแหละ แหม่มว่า เออๆ เข้ามาบ้านก่อน แกเรียกใครวะ บอกชื่อด้วยสิ คือเนื่องจากว่าตุ๊กตาเป็นคนกลัวผีมาก และจะถือเวลาจะเรียกใครขึ้นรถหรือเข้าบ้านก็มักจะเรียกชื่อก่อน ซึ่งแหม่มก็มักจะชอบอำเล่นอยู่เสมอๆ หลังจากทั้งคู่เดินเข้ามานั่งพักในบ้านแล้ว ตุ๊กตาก็เอ่ยกับเพื่อนสนิทว่า นั่งก่อนแก เดี๋ยวสักพักค่อยไปหาอะไรกินกัน นั่งรถมาเพลียมาก มีบะหมี่ซองบ้างมั้ย ไม่ได้กินกันแบบเด็กหอมานานมากแล้ว แหม่มว่า อ้าว แล้วแกมารถอะไร ฉันมารถตู้ […]

ดวงจิตสุดท้าย เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงที่คุณน้ำไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาลเพราะว่าแม่เขาป่วย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่มีอะไรเหตุการณ์ปกติดี จนกระทั่งมีพยาบาลคนหนึ่งเสียชีวิต ตามที่เป็นข่าว หลังจากวันที่เสียชีวิตได้สองสามวัน เหตุการณ์แปลกๆก็เกิดขึ้น วันนั้นช่วงเวลาประมาณตี 1 คุณน้ำก็ได้ยิน ครืนนนนนน เสียงเหมือนรถเข็นของพยาบาล ที่เข็นมาเวลาให้ยาคนไข้ แม่ก็ทักขึ้นมาว่า “นั่นเสียงอะไร” คุณน้ำก็ตอบไปว่า “ไม่รู้เหมือนกัน” ลักษณะของบริเวณเตียงผู้ป่วยที่โรงพยาบาลจะมีม่านปิด โดยที่ชายของผ้าม่านจะสูงลอยจากพื้นขึ้นมา ถ้ามีคนเดินผ่านไปมาก็จะเห็นความสูงอยู่ที่ประมาณข้อเท้า คุณน้ำจึงก้มดู แต่ก็ไม่เห็นอะไร จากนั้นก็มีเสียงรูดม่าน แกร๊กกกก คุณน้ำก็ก้มดูอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบอะไร และคืนนั้นก็ผ่านพ้นไป วันต่อมาคุณน้ำจึงไปเล่าให้ญาติฟังถึงเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น ญาติก็บอกว่า มีข่าวว่ามีพยาบาลเพิ่งเสียขีวิต ออกข่าวหน้าหนึ่ง และญาติก็ยังเล่าให้ฟังต่ออีกว่า เมื่อวันก่อนเค้าได้ไปทำงานที่ชั้น 4 มีคนไข้เล่าให้ฟังว่าขณะที่กำลังนอนอยู่ ก็มีพยาบาลเอายามาให้ โดยปกติแล้วพยาบาลที่นำยามาให้ จะบอกวิธีการทานยาว่าต้องทานช่วงเวลาไหน ทานกี่เม็ด แต่พยาบาลคนนี้มีท่าทางแปลกออกไปคือ หน้าบึ้งตึง เอายามาให้เฉยๆ ไม่พูดไม่จาอะไร แล้วก็เดินไปฉีดยาเตียงอื่นต่อ เรียกได้ว่าชั้น 4 โดนกันทั้งชั้นเลย ในคืนนั้นเองช่วงเวลาตีหนึ่ง คุณน้ำก็ได้ยินเสียงเข็นรถมาเหมือนเดิม แต่คราวนี้มีเสียงร้องไห้ ฮือออออ ดังลอยมาด้วย คราวนี้แม่ของคุณน้ำก็ทักไปว่า เนี่ย มาอีกแล้ว แต่ว่าครั้งนี้คุณน้ำบอกแม่ว่า […]