“บาตรแตก” อาถรรพ์คุณไสย อวิชชาไสยดำ

ลุงวงค์ เป็นผู้ให้ข้อมูลว่า “บาตรพระแตก” เป็นไสยดำอีกประเภทหนึ่งที่มีอันตราย ถ้าหมอคุณไสยไม่เก่งจริงและไม่มีฝีมือทางไสยศาสตร์เวทมนต์อาคม รับรองว่าแก้และถอนไม่ได้เป็นอันขาด ยกเว้นผู้รู้และผู้เรืองอาคมเท่านั้นที่จะแก้ล้างอาถรรพ์ของบาตรพระแตกนี้ได้ พร้อมกับเผยว่า มีหลานชายของแกไปแต่งงานกับหญิงต่างหมู่บ้าน ซึ่งก่อนจะได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นเมีย หลานชายต้องผ่านด่านอรหันต์มา เลือดตาแทบกระเด็นเนื่องจากมีคู่แข่งหลายคน แต่ละคนล้วนแต่มีดีกันทั้งนั้น อาทิ เป็นลูกชายของกำนันผู้มีอิทธิพล เป็นลูกของผู้กว้างขวาง เป็นลูกของข้าราชการและอื่นๆ สำหรับญาติคนนี้เป็นลูกชาวนาแล้วยังเป็นคนต่างถิ่นอีกด้วย แกยังเคยห้ามหลานชายมิให้ไปแย่งผู้หญิงคนเดียวกันกับคนอื่น พอมีปัญหาแล้วกลัวจะสู้คนพวกนั้นไม่ได้ แต่ก็ให้กำลังใจหลานชายให้ประสบความสมหวัง และนึกไม่ถึงว่ามีใครสักคนเล่นของไสยดำ ซึ่งเป็นอีกวิธีที่สกปรก น่าเป็นห่วงและอันตราย ไม่เหมือนวิธีลอบยิงซึ่งหากดวงเราไม่ขาดไม่ต้องกลัว ปรากฏว่าหลานชายของแกได้แต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ หลังจากชิงดีชิงเด่นกับหนุ่มๆ หลายคนในหมู่บ้านและคนต่างถิ่น นึกว่าเรื่องจะจบลงด้วยดีแต่ผิดคาด ปรากฏว่าหลานชายของแกเจอดีถูกจองเวรตามกัดไม่ปล่อย เพียงแต่ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นหมาลอบกัดลับหลัง จนเดือดร้อนมาถึงแกที่ต้องไปช่วย ทั้งที่เคยเตือนและบอกหลานชายให้ระวังตัวเสมอ แต่หลานไม่เคยเชื่อที่แกแนะนำเรื่องมันถึงได้วุ่นวายไม่จบ ถ้าไม่เห็นแก่ญาติผู้ใหญ่แกจะไม่ไปช่วยหลานชายคนนี้เลย หมั่นไส้ที่มันไม่ฟัง แต่ก็ยอมรับในฝีมือหลานชายที่สามารถคว้าผู้หญิงคนนี้มาเป็นเมียได้ แกเท้าความหลังให้ฟังว่า หลังจากแต่งงานได้ 6 เดือน ยังอยู่ในระหว่างข้าวใหม่ปลามันตามประสาหนุ่มสาว พอย่างเข้าเดือนที่ 7 หลานชายคนนี้ก็มีความผิดปกติเกิดขึ้นเป็นคนละคน จากเป็นคนดีดี กลายมาเป็นคนเสียสติทะเลาะกับคนในบ้านทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่เมียตัวเอง จนบ้านร้อนระอุเต็มไปด้วยไฟแห่งความเดือดร้อน สาเหตุเพราะมีคนเอาบาตรพระแตกแอบมาฝังไว้ในดินใต้ถุนบ้านนั่นเอง เจตนาเพื่อต้องการให้เกิดความแตกแยกในครอบครัวของญาติคนนี้ ทุกครั้งที่หลานชายทะเลาะกับเมียหรือคนในบ้าน จะเกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมา ทำให้คนในบ้านของเมียหวาดกลัว ช่วยกันจับเอาเชือกมัดตัวล่ามเอาไว้มิให้อาละวาด […]

เปียก! เรื่องเล่าสยองขวัญ

ประสบการณ์ของคุณนัท เรื่องมันมีอยู่ว่า สมัยที่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแล้วต้องไปฝึกงานตามโรงแรม ก็ยกแก๊งกันไปฝึกงานที่ภูเก็ต แล้วก็ไปอาศัยนอนตามบ้านว่างๆ ของคนที่เพื่อนรู้จัก เค้าไม่คิดค่าเช่าเลย คิดแต่ค่าน้ำค่าไฟ สิ่งที่แปลกก็คือบ้านหลังนี้เป็นหลังเดียวในหมู่บ้านที่ไม่มีศาลพระภูมิ แต่เพื่อนๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก มีแต่คุณนัทที่รู้สึกไม่ค่อยดีอยู่คนเดียว ก็เลยชวนเพื่อนจุดธูปไหว้เจ้าที่กัน ผ่านไปเดือนนึงก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ มีแค่ความรู้สึกเหมือนโดนจ้องอยู่ตลอดเวลาของคุณนัทเพียงคนเดียว วันหนึ่งทั้งแก๊งก็ยกพวกไปเที่ยวกันในตัวเมือง แต่พอขากลับเพื่อนคุณนัทเป็นคนขับ พอขับมาจะถึงบ้านแทนที่จะจอดรถกลับขับเลยตัวบ้านไปเลย คุณนัทก็สงสัยว่าจะขับเลยบ้านทำไม ลืมบ้านตัวเองเหรอ เพื่อนก็ถามกลับว่าเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวๆ นั่งหน้าบ้านไหม ซึ่งคุณนัทก็ไม่เห็นว่ามีใครเลย พอขับวนกลับมาดูอีกรอบคุณนัทก็ลงไปดูเองกับตา ก็ไม่เห็นมีใคร เพื่อนก็เลยขับเข้ามาจอดตามปกติ ขณะที่ทุกคนลงจากรถเตรียมจะเข้าบ้านนั้นเอง หมวกกันน็อคที่วางคว่ำไว้อยู่แถวนั้น อยู่ดีๆ ก็หงายขึ้นมาเองเฉยๆ ทั้งที่ไม่มีลมหรืออะไรไปสัมผัสเลย ทุกคนตกใจก็รีบวิ่งเข้าบ้านกันหมด คืนนั้นระหว่างที่นอนๆ อยู่ คุณนัทก็ฝันว่าลงไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แล้วมานั่งกินตรงห้องนั่งเล่น กินเสร็จก็จะมานอน ตอนนั้นเองก็เห็นผู้หญิงคนนึงใส่ชุดคนไข้ของโรงพยาบาล ผมยาวปิดหน้า มายืนชี้หน้าบอกว่าพวกมึงเก็บให้หมดเลยนะ เดี๋ยวนี้เลย!’ แล้วคุณนัทก็ตื่น พอตื่นมาก็เห็นว่าบ้านตัวเองนั้นรกมากเพราะอยู่กันตามประสาชายหนุ่ม เลยเข้าใจว่าเค้าคงมาบอกให้เก็บบ้าน แต่เพื่อนที่อยู่ข้างๆ นั้นก็ตื่นอยู่เหมือนกันแล้วก็งงว่าคุณนัทเป็นอะไร เพราะคุณนัทนอนๆ อยู่แล้วก็พูดว่าพวกมึงเก็บให้หมดเลยนะ แต่เสียงที่ออกมานั้นเป็นเสียงผู้หญิง ไม่ใช่เสียงคุณนัท! หลังจากเหตุการณ์นี้ทุกคนก็เริ่มกลัวๆ กัน แต่คุณนัทก็บอกว่าไม่มีอะไรมากหรอก ก็เราทำบุญจุดธูปไหว้ไปแล้วนี่ ทั้งที่ในใจคุณนัทเองก็ยังหวั่นๆ นั่นแหละ วันหนึ่งเพื่อนๆ ก็แยกย้ายกันไปเที่ยวแล้วไปนอนตามบ้านสาวบ้าง บ้านเพื่อนบ้าง เหลือคนนอนที่บ้านหลังนี้แค่สี่คน คุณนัทก็เหมือนจะฝันอีก […]

เวรกรรม เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเพื่อนของคุณวี อยากฝากไว้ให้เป็นแง่คิดเตือนใจเพราะเป็นเรื่องของการทำบาป เพราะคุณวีต้องการให้ผู้ที่คิดจะทำผิดเปลี่ยนใจหันมาเลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง เรื่องสยองนี้ทำให้คุณวีเชื่อแล้วว่า บาปกรรมนั้นมีจริง ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีที่แล้ว คุณวีศึกษาอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รู้จักกับเพื่อนชาวไทยที่ศึกษาในสถาบันเดียวกันหลายคน และคุณวีก็ได้รู้จักกับคุณแอน (นามสมมติ) เจ้าของเรื่องที่คุณวีกำลังจะเล่าให้ฟังต่อจากนี้ หลังจากที่แอนเรียนจบ ก็เดินทางกลับมาประเทศไทย ส่วนตัวคุณวียังคงอยู่ต่อที่อเมริกา ระหว่างที่คุณวีอยู่ที่อเมริกาก็ได้ยินข่าวของแอนจากเพื่อนๆ คนอื่น ว่าแอนได้เข้าทำงานและก็พบรักกับลูกชายเจ้าของบริษัทที่แอนทำงานอยู่ เวลาล่วงผ่านไปประมาณ 2 ปี คุณวีก็ได้รับข่าวดีอีกครั้ง ว่าแอนกำลังจะแต่งงานกับลูกชายเจ้าของบริษัทคนนั้น จึงเดินทางกลับมาประเทศไทยเพื่อร่วมฉลองงานแต่งงานของคุณแอน ในเวลานั้นวีรู้สึกดีใจกับแอนที่มีครอบครัวแสนสุขและเพรียบพร้อมไปด้วยเงินทอง หลังจากงานแต่งของแอน วีก็เดินทางกลับอเมริกา แล้วก็ขาดการติดต่อกับแอนไป จนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว วีตัดสินใจกลับมาอยู่เมืองไทยเพื่อมาดูแลคุณพ่อคุณแม่ ก็ได้ยินข่าวของแอนอีกครั้ง ว่าเธอมีลูกสาว 2 คนและกำลังลำบากมาก บ้านกำลังจะถูกยึด รถที่มีก็ถูกยึดไปแล้วทุกคัน มีหนี้สินท่วมตัว บริษัทของสามีซึ่งเปิดมานาน 30 ปีก็ต้องปิดกิจการลงและอยู่ในฐานะล้มละลาย วีพยายามติดต่อกับแอนหลังจากทราบข่าว แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เพราะว่าแอนย้ายที่อยู่ไปไหนไม่มีใครทราบ จนเมื่อปลายปีที่แล้วก็ได้ข่าวของแอนจากเพื่อนอีกคนหนึ่งว่า พบเจอแอนไปเป็นแม่บ้านทำความสะอาดโรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ วีรู้สึกตกใจมากและเป็นห่วง จึงรีบเดินทางไปเชียงใหม่เพื่อจะรอพบกับแอน เพราะต้องการจะช่วยเหลือเธอ หลังจากที่วีเดินทางไปพบกับแอนแล้ว วีรู้สึกสงสารแอนจับใจ แอนเปลี่ยนไปมาก […]

โรงแรมผีไบเทคบางนา เรื่องเล่าสยองขวัญ

เริ่มเลยนะคะ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อประมาณช่วงเดือนสิงหาคม 2556 ค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า แม่และทางสำนักงานต้องไปจัดบูธและเข้าประชุมในกิจกรรมวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ พ.ศ.2556 ระหว่างวันที่ 6-21 สิงหาคม 2556 ณ BITEC บางนา แต่ทางสำนักงานของแม่ถูกจัดให้เข้าร่วมงาน วันที่ 13 สิงหาค่ะ ซึ่งพวกเราเลยเลือกเดินทางกันเช้า 12 สิงหาคม ประมาณ 10 โมงเช้า เราและน้องสาวก็ติดสอยห้อยตามแม่ไป เพราะแม่อยากให้ไปเป็นเพื่อน 12 ชั่วโมงด้วยรถตู้จากขอนแก่นถึงกรุงเทพฯ เป็นช่วงเวลาที่ลำบากมาก ขาเข้ากรุงเทพติดแหงก จราจรเป็นอัมพาต เพราะคนเดินทางกลับจากต่างจังหวัดพอดีค่ะ โรงแรมที่อ่านรีวิวแล้วรีวิวเล่าแบบดีๆ หลายดาวที่จองไว้ก็มี แต่ก็ป่วยการ เมื่อมาถึงบางนาประมาณ 4 เกือบ 5 ทุ่ม ฝนตกหนัก ถนนน้ำท่วม มองไม่เห็นทาง จะไปโรงแรมที่จองไว้ก็ไม่ได้ เพราะฝนตกหนักมากค่ะ ก็เลยพากันตัดสินใจว่า จะหาโรงแรมแถวไบเทคนอนเลยละกัน ตื่นเช้ามาจะได้ไปง่ายๆ รถไม่ติดเท่าไหร่ (ลืมบอกไปค่ะ มีสมาชิกไปกัน 6 คนมีเรา น้องสาว แม่ ลุงที่ทำงานแม่ […]

กลางดงดิบ | นางรำหม่องส่วยยี! อาถรรพ์ป่าพม่า

เกริ่นก่อนอ่าน: ในเรื่องเล่าต่อไปนี้ อาจมีตัวอักษรภาษาอังกฤษหรืออักษรที่มีลักษณะใกล้เคียงแทรกเข้ามาผสมในบางคำ วัตถุประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงคำที่sุนแsง เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของนายพรานคนหนึ่งที่ชื่อว่า พรานแดง ต้องขอเท้าความไปในอดีต จากที่เคยเป็นเด็กวัยรุ่น ยิงนก ตกปลา ตามประสาชาวบ้านป่า แต่แล้วก็มีเหตุการณ์หนึ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ ลุงแดง พรานรุ่นเยาว์กลายเป็น พรานแดง ผู้ช่ำชองเรื่องป่าและเป็นพรานประจำหมู่บ้านเหมือนอย่างในปัจจุบัน ในขณะนั้นหมู่บ้านมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น โดยคนในหมู่บ้านทยอยกันล้มตๅยโดยไม่ทราบสาเหตุ อาการก่อนตๅยคล้ายคนโดนผีเข้า ไม่นานนักก็มีการปรากฏตัวขึ้นของนายพรานคนหนึ่งซึ่งมาจากฝั่งพม่า ผู้อาสาเข้ามาจัดการกับสิ่งที่กำลังกัดกินคนในหมู่บ้าน สิ่งนั้นมันคือ ผีป่า! ซึ่งในตอนนั้นคนในหมู่บ้านไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าผีป่าคืออะไรและจะจัดการกับมันยังไง โดยชาวบ้านต่างเรียกนายพรานผู้มาจากต่างถิ่นคนนี้ว่า ลุงหม่อง ลุงแดงพรานฝึกหัดเห็นนายพรานผู้เจนป่าก็เกิดความสนใจ จึงขอติดตามลุงหม่องเข้าป่าเพื่อขอดูวิธีการจัดการกับผีร้ายว่าเขาทำกันอย่างไร โดยที่ลุงหม่องได้บอกกับลุงแดงว่า เดี๋ยวข้าจะพาไปดูอะไร ถ้าเอ็งไม่เชื่อว่าผีป่ามีจริง เดี๋ยวข้าจะทำอะไรให้ดู สิ่งที่ลุงหม่องพูดถึง นั่นคือการนำร่างของคนตๅยศwล่าสุด ใช้เชือกผูกมัดขาแล้วนำร่างไปแขวนกับห้างสูงในลักษณะห้อยหัวลง จนความมืดมาเยือน วิธีการพิสูจน์อะไรบางอย่างก็ได้เริ่มขึ้น สิ่งที่เอ็งเห็นเป็นศwมันยังไม่ตๅย ผีป่ายังอยู่ในร่างมัน ลุงหม่องว่า จากนั้นลุงหม่องก็ให้ลุงแดงใช้ปืuกระหน่ำยิงไปยังร่างที่ห้อยต่องแต่งอยู่เบื้องหน้า สักพักก็มีเสียงหัวเราะดังลั่นป่าและศwที่ห้อยหัวอยู่นั้นมันก็กระดิก! ซึ่งในขณะที่มันกระดิกตัวและส่งเสียงหัวเราะอยู่นั้น มันก็ถุยกระสุนที่โดนสาดยิงก่อนหน้านี้ออกทางปากอีกด้วย นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของลุงแดงที่ได้เห็นอะไรที่ชวนสะพรึงเช่นนี้ แล้วจะจัดการมันยังไงล่ะลุงหม่อง ลุงแดงว่าเสียงสั่น ไม่ต้องรอให้ถามต่อ ลุงหม่องรีบปีนขึ้นห้างสูง จากนั้นก็บริกรรมคาถาใส่ปืuแล้วยิงแสกหน้าศwที่มีผีป่าสิงสู่ เสียงดัง ปัง! ตามด้วยเสียงร้องโหยหวนของผีร้ายที่ดังขึ้นแทรกฝ่าความมืดและหนีหายเข้าไปในป่าลึก จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ลุงแดงฝากตัวเป็นศิษย์ของลุงหม่องผู้มีฝีมือและเข้มขลังไปด้วยอาคม […]

คุณไสยกระดูกผี เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เมื่อไม่นานมานี้​ เรามีโอกาสได้อ่านดวงจากนักพยากรณ์​ท่านหนึ่ง​ ว่าด้วยเรื่อง​ ราศีไหนกำลังจะโดนคุณไสย​ โดนคนทำของไม่ดีใส่​ เจออะไรค่ำ ๆ มืด ๆ ห้ามทัก​ พออ่านจบ​ อ้าว​นี่มันราศีเรานี่นา​ เเต่ตอนนั้นก็คิดว่ามันคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง​ เเต่ลึก ๆ แล้วก็บอกตัวเองว่า ระวังไว้หน่อยก็ดี จนเวลาผ่านไปอาทิตย์​กว่า​ วันนั้นเป็นช่วงบ่าย เราสังเกตุ​เห็นเงาคล้ายคนวิ่งไปวิ่งมา​ที่หน้าบ้าน​ ตอนนั้นเราลืมนึกเรื่องที่อ่านดวงไปเสียสนิท​ เราเลยตะโกนถามออกไป นั่นใครน่ะ​ แล้วเงานั้นก็หายไป​ จนตกค่ำเราได้กลิ่นเหม็นเน่าจากหน้าบ้าน​ กลิ่นเเรงมาก แต่แปลกที่คนในบ้านกลับไม่มีใครได้กลิ่นเลย​ กลิ่นแรงจนเวียนหัว จนเราเผลอสบถขึ้นมาว่า กลิ่นเ_ี้ยอะไรวะเนี่ย​ อะไรตายวะ! พอเราพูดจบ แม่หันมาตีเเขน​ มันดึกมันดื่นจะพูดทำไม? เราเลยบอกแม่ว่ามันเหม็น​ จนสุดท้ายเราก็หนีขึ้นไปนอน​ คืนนั้นเวลาประมาณ​ตี 2 เราสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงคนเรียกชื่อ​ เรียกอยู่นานมาก​ เสียงนั้นเย็นยะเยือก​จนน่าขนลุก​ เเต่เราก็ไม่ขานรับ​ ได้เเต่นอนกอดหมอนข้างข่มใจไว้​ด้วยความกลัว จนถึงช่วงเช้ามืด​ เราได้ยินเสียงเเม่เอะอะ​โวยวายลั่นบ้าน​ ตะโกนถามคนในบ้าน ปลุกจนตื่นหมดทุกคน ญาติข้าง ๆ บ้านก็ตกใจตื่น กำลังจะวิ่งมาที่บ้าน​ แต่ต้องชะงัก​เพราะตรงหน้าบ้านมีกองผงถ่านสีเทา ๆ ดำ ๆ […]

ตุงแดงข้างทาง เรื่องเล่าสยองขวัญ

เมื่อปี พ.ศ. 2539 ตอนที่ผมเรียนอยู่ ปวช. ปี 1 พอสอบกลางภาคเสร็จ ช่วงเดือนตุลาคม ผมก็ได้กลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ที่จังหวัดสมุทรปราการ ที่นั่นมีพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่สนิทกับครอบครัวผมมาก เป็นคนจังหวัดตาก แกกำลังจะพาครอบครัวกลับไปเยี่ยมบ้าน 1 สัปดาห์ แกเห็นผมว่างๆ อยู่ เลยชวนผมไปเที่ยวด้วย ผมเองไม่เคยไปเที่ยวภาคเหนือก็เลยตอบตกลง เราเดินทางไปโดยรถปิคอัพของพี่เขา พี่เขาเป็นคนขับ มีภรรยาแกนั่งหน้า และมีลูกชายชื่อ น้องบอย อายุประมาณ 6 ขวบนั่งแค็บหลังกับผม น้องบอยมีเป้ใบหนึ่งสะพายหลัง ในเป้มีหุ่นยนต์และหนังสือการ์ตูน พวกเราเดินทางไปเรื่อย แวะปั๊ม จอดกินข้าวบ้าง จนถึงเวลา 6 โมงเย็น เหลืออีกไม่กี่กิโลเมตรจะถึงที่หมาย พี่เขาเกิดปวดท้องหนักขึ้นมา แต่แถวนั้นมันไม่มีปั๊ม แล้วสองข้างทางมีแต่ป่า แกเลยตัดสินใจจอดรถลงไปปลดทุกข์ในป่า ผมเลยขอลงไปปัสสาวะด้วย ซึ่งน้องบอยก็ขอลงมาเหมือนกัน พี่เขารีบวิ่งเข้าไปในป่า ส่วนผมก็ยืนทำธุระไป โดยหางตาผมเห็นน้องบอยเดินไปที่ต้นก้ามปูที่อยู่ใกล้ๆ พอผมทำธุระเสร็จก็เรียกน้องบอย น้องบอยก็เดินออกมาจากหลังต้นก้ามปู ส่วนพี่เขาก็ออกมาจากป่าพอดี เลยพากันขึ้นรถออกเดินทางต่อ ตอนที่ขับรถออกมาแล้ว ผมสังเกตว่าพี่เขามองกระจกหลังอยู่ 3-4 ครั้ง จนแกบอกผมที่นั่งอยู่ข้างหลังแกว่า ลองหันไปดูกระบะหลังหน่อย […]

บ่อร้างท้ายสวน เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนนะคะ ค่ำคืนนี้ก็มีเรื่องมาเล่ากันอีกเช่นเคย บอกก่อนเลยนะคะ ว่าเรื่องนี้อาจต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านเพราะเป็นประสบการณ์อันเหลือเชื่อและเป็นความเชื่อส่วนบุคคลค่ะ คุณย่าจำรัส ในวัยแปดสิบเจ็ดปี ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ตรง ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวของท่านให้เราฟัง คุณย่าจำรัสพื้นเพท่านเป็นคน อ.เสาไห้ จ.สระบุรี แต่ไปแต่งงานมีครอบครัวอยู่ที่ จ.พิจิตร พ่อแม่สามียกบ้านพร้อมที่ดินให้ผืนหนึ่ง อยู่ในอำเภอที่มีเขตติดต่อกับจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ดินผืนนี้มีอาณาเขตประมาณสามไร่ ตัวบ้านปลูกอยู่บริเวณด้านซ้ายของที่ดิน ส่วนด้านขวาจะปลูกต้นกล้วยตานีเรื่อยลงไปจนติดเชิงเขา ด้านหลังสวนกล้วยตรงตีนเขา มีบ่อน้ำอยู่บ่อหนึ่ง เป็นบ่อน้ำลึกหลายสิบเมตร ไม่ได้ใช้มาหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่ไฟฟ้าน้ำประปาเข้าถึง บ่อน้ำท้ายสวนกล้วยก็หมดบทบาทลงไป ที่ตีนเขามีกระท่อมอยู่หลังหนึ่ง มีพี่สาวของสามีคุณย่าจำรัสอาศัยอยู่ ชื่อว่า คุณย่าเจียม ย่าเจียมแกสติไม่ดี วันๆ แกเอาแต่หัวเราะ บางทีก็ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร บางทีก็กรีดร้องแล้ววิ่งไปเกาะขอบบ่อน้ำ บางทีก็พร่ำเพ้อถึงแต่ผีสาง คุณย่าแกก็กลัวไม่อยากไปยุ่งด้วย เห็นแต่สามีคอยเอาข้าวเอาน้ำไปส่งให้ตอนเช้ากับเย็น แกเคยถามสามีถึงเรื่องที่ทำให้ย่าเจียมแกต้องเสียสติแบบนี้ สามีแกก็เลยเล่าให้ฟังว่า ตอนย่าเจียมเป็นสาว ย่าเจียมเป็นคนสวย มีผู้ชายมาติดพันมากหน้าหลายตา ล้วนแล้วแต่เป็นคนมีฐานะดีทั้งสิ้น แต่ด้วยเหตุผลใดไม่อาจทราบได้ ย่าเจียมแกกลับมิได้ทำตัวให้มีคุณค่าสมกับรูปลักษณ์หน้าตาอันงดงามเพียบพร้อมของแก แกกลับทำตัวตกต่ำคบแต่นักเลงสุรา นักเลงหัวไม้ คบพวกอันธพาลคอยเกะกะระรานเขาไปทั่ว ย่าเจียมในวัยสาวแรกรุ่น ต้องหมดคุณค่าลงเพราะทำตัวเกกมะเหรกเกเร กินเหล้าเมายา ไม่ผิดกับนิสัยของผู้ชาย ต่อมาไม่นานย่าเจียมก็ท้อง ท้องโดยมิรู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็ก แต่ย่าเจียมแกก็ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อน แกก็ยังคบเพื่อนกินเหล้าสรวลเสเฮฮา ดูเหมือนแกมิได้ยินดียินร้ายกับหนึ่งชีวิตอันบริสุทธิ์ที่กำลังจะเกิดมา […]

“บึงผีหลอก” จังหวัดศรีสะเกษ | เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

ลุงโฮม เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบึงมรณะ สมัยเด็กผมอยู่บ้านหนองคู อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเคยเรียกกันว่าจังหวัดขุขันธ์ อันเป็นจังหวัดชายแดนติดกับกัมพูชา คำว่า หมอเขมร ก็เกิดขึ้นที่นี่แหละครับ เป็นที่รู้กันว่าหมอเขมรน่ะหมายถึงหมอไสยศาสตร์ ที่ช่ำชองเรื่องไสยดำ อาถรรพณ์ เวทอันเร้นลับน่าสยดสยอง แน่ล่ะครับ ว่าต้องหนีเรื่องภูตผีปีศาจไปไม่พ้น พูดถึงเรื่องผีๆ สางๆ นี่ไม่ว่าเด็กคนไหนก็ชอบฟังทั้งนั้น ถึงจะไม่เคยโดนผีหลอก แต่ก็กลัวผีกันทุกคน พวกผู้ใหญ่เขาว่ามันก็ดีไปอย่าง เด็กๆ กลัวผีจะได้ไม่ไปซุกซนที่เปลี่ยวๆ หรือตกน้ำตกท่าเพราะลับหูลับตาพวกผู้ใหญ่ ขอเล่าถึงหมู่บ้านหนองคูของผมซะก่อน พูดก็พูดเถอะ ที่นั่นน่าจะเรียกว่า ดงตาล มากกว่าครับ เพราะนอกจากจะมีต้นไม้ใหญ่น้อยร่มครึ้มไปทั้งหมู่บ้านแล้ว ยังมีต้นตาลขึ้นเรียงรายเป็นแนว ดกดื่นไม่รู้ว่ากี่ร้อยต้น ต้นตาลนี่ใช้ได้สารพัดประโยชน์ ลูกตาลกินได้ทั้งอ่อนและแก่ ลูกตาลอ่อนๆ กินแล้วชุ่มคอชื่นใจดีนัก ที่เขาเรียกว่า หวานฉ่ำเหมือนลูกตาลเฉาะ นั่นปะไร! ส่วนลูกแก่ก็เอามาทำขนมตาลกิน เม็ดที่มีขนฟูก็เอามาให้เด็กๆ เล่นสางผมกันเพลิดเพลินดีไม่หยอก จะบอกให้ใบตาล ต้นตาล นำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งต้น ลุงเหลือกับลุงใสชอบชักชวนกันไปทอดแหที่หนองน้ำใหญ่นั้นบ่อยๆ ส่วนมากจะไม่ผิดหวัง ได้ปลาตัวโตๆ มากินเป็นประจำ จนกระทั่งวันหนึ่งก็เจอเรื่องขนหัวลุกเข้าเต็มเปา วันนั้นสองสหายหาปลาแทบไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าเหล่ามัจฉาน้อยใหญ่มันหลบหนีไปซุกซ่อนอยู่ที่ไหนหมด มีแต่ปลาเล็กปลาน้อยมาติดแหเท่านั้น ต่างคนต่างบ่นพึมเป็นหมีกินผึ้งไปตามๆ […]

เพื่อนเฮี้ยน เรื่องเล่าสยองขวัญ ทำไมไม่ไปงานศwกู!

เรื่องราวของเราเกิดขึ้นมาได้ประมานสามปีกว่าแล้ว มันเป็นประสบการณ์สุดสยอง แถมยังเคยเป็นข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ชื่อดังอีกด้วย เรื่องก็คือ เพื่อนสนิทของเรา เขาได้จมน้ำตายพร้อมกันสองคน วันนั้นเราก็เกือบจะไปเล่นน้ำด้วย แต่บังเอิญว่าวันนั้นต้องขนของย้ายบ้านช่วยแม่ พอประมาณหกโมงเย็น เพื่อนเราก็โทรมาหาด้วยเสียงสะอื้นว่า เอ กับ บี (นามสมมติ) จมน้ำตายแล้ว พอวันต่อมาเราก็รีบไปโรงเรียนแต่เช้า เพราะอยากรู้ว่าเพื่อนเราตายได้ยังไง บรรยากาศวันนั้นมันครึ้มจนน่ากลัว ทุกคนในห้องร้องไห้โฮรวมทั้งเราด้วย เพราะสองคนที่ตายคือเพื่อนสนิทที่เรารักมากที่สุด และเราไม่คิดว่าเพื่อนเราจะไปไวขนาดนี้ พอถึงตอนบ่ายสามโมง ครูก็นิมนต์พระมาที่โรงเรียน ช่วงที่เขาให้นั่งสมาธิเราก็นึกถึงแต่หน้าเพื่อนทั้งสองคนที่ตายไปจนสมาธิไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แล้วจู่ๆ เราก็ได้ยินหลวงพ่อพูดขึ้นมาว่า มาหาเพื่อนหรือโยม วินาทีนั้น เราอดทนที่จะไม่ลืมตาเพราะกลัวครูด่า แต่หลวงพ่อท่านมาพูดอยู่ใกล้เรามาก จากนั้นหลวงพ่อก็พูดต่ออีกว่า  ไม่ต้องร้องไห้หรอกโยม เพื่อนทุกคนเขาต่างก็รักโยมทั้งนั้น วินาทีนั้นเราอดใจไม่ไหวเลยลืมตาดูว่าหลวงพ่อพูดกับใคร พอลืมตาขึ้นมา เราก็งง เพราะเราเห็นหลวงพ่อยืนพูดกับพื้นที่ว่างเปล่าข้างๆ เรา เหมือนท่านพูดคนเดียว ตอนนั้นหลวงพ่อหันมาเห็นเราลืมตา เลยบอกกับเราว่า ไม่มีอะไรหรอกโยม เพื่อนโยมเขาแค่อยากมาหาน่ะ พอได้ยินแบบนั้นก็ทำเอาเราขนลุกซู่ทันที พอเลิกเรียนเสร็จ เราและเพื่อนในห้องก็ไปงานศพกัน พวกเราไปงานศพของเอก่อน เพราะงานศพเอจัดสามวัน ส่วนงานศพบีจัดเจ็ดวัน งานศพเอก็เป็นไปอย่างปกติ แต่พองานศพบีพวกเราก็ต้องตกใจ เมื่อกรอบรูปหน้าศพ มีคราบน้ำไหลออกมาไม่หยุด เพื่อนเราสลับกันเช็ดก็ไม่หยุดไหล พอฟ้าเริ่มมืด พวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน […]