30 ปีผีอๅฆาต เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ 2-3 ปีก่อน คุณตูนทำงานขับรถทัวร์ให้กับบริษัทอู่รถแห่งหนึ่งที่หาดใหญ่ หลังจากที่รับวิ่งงานต่อเนื่องกันมานาน รถที่ขับประจำก็ได้เวลาเข้าศูนย์ตรวจเช็คระยะและซ่อมบำรุง คุณตูนได้ถูกพี่วิทย์ ลูกพี่ที่รู้จักกันโทรศัพท์มาชวนให้มาช่วยขับรถพาเยาวชนจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ขึ้นมาทัศนศึกษา ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยแต่ด้วยความที่เป็นศิษย์สอนขับรถกันมา คุณตูนจึงตอบรับคำชวนและได้พาเจ้าเบลล์ เด็กรถของตัวเองติดรถมาช่วยด้วยอีกแรง โดยคุณตูนรับหน้าที่ขับรถช่วงกลางคืนที่ต้องวิ่งข้ามจังหวัด ส่วนพี่วิทย์จะทำทัวร์และขับช่วงกลางวัน เมื่อคุณตูนขับรถขาขึ้นจากใต้ มาถึงป้อมตำรวจชุมชนช่วง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นเวลากลางดึกก็เกิดปวดฉี่ขึ้นมา แต่ขณะนั้นเกิดฝนตกหนัก คุณตูนจึงได้รีบจอด ณ จุดนั้นเพื่อทำธุระส่วนตัว แต่ก็ได้สังเกตเห็นพระธุดงค์รูปหนึ่งยืนหลบฝนอยู่ คุณตูนจึงได้พูดคุยและนิมนต์เชิญให้ติดรถมาด้วย พระท่านจึงขอติดรถคุณตูนมาลงยังจุดที่พอพ้นฝนก็พอ ตลอดเส้นทางก็ได้มีการพูดคุยกัน คุณตูนสังเกตว่า หลวงพี่รูปนี้เป็นพระที่น่าเลื่อมใสศรัทธาอย่างมาก ทราบชื่อสั้น ๆ ว่าหลวงพี่จ๊ะ เมื่อขับมาถึงจุดพักรถที่ จ.ชุมพร ก็ได้จอดแวะพักและหลวงพี่จ๊ะก็ขอลงเพื่อธุดงค์ต่อ แต่ก่อนจากไปท่านได้พูดคุยสั่งสอน พี่วิทย์ ลูกพี่ของคุณตูนอยู่นานเรื่องเวรกรรม และได้ยื่นขวดน้ำให้กับพี่วิทย์เพื่อให้ล้างหน้า เพื่อชำระล้างสิ่งที่ไม่ดี คณะของคุณตูนก็ได้เดินทางต่อ เพื่อท่องเที่ยวสุพรรณบุรีและกาญจนบุรี และได้มาหยุดพักค้างคืนที่กรุงเทพ โดยคุณตูนและลูกพี่ได้หยุดพัก 2 คืน เนื่องจากคณะทัวร์ได้เช่ารถตู้ไปเที่ยวกันต่อ คืนที่สองของการพัก คุณตูนถูกสต๊าฟทัวร์ชักชวนให้ดื่มสุรๅ เนื่องจากคิดว่าวันรุ่งขึ้นยังพักอยู่ คุณตูนก็ได้ดื่มไปเล็กน้อย สักพักพี่วิทย์ก็ได้เดินมาหาและบอกว่า มีรถของที่อู่เดียวกันหม้อน้ำแตกที่ อ.แกลง […]

เรื่องเล่าของจ่าทหารเรือ กระทู้ผีพันทิป

ผมเคยเป็นทหารเรือ สังกัดกองบัญชาการนาวิกโยธิน ฟังดูเท่ห์ล่ะสิ โอโห้ ทหารเรือ น.ย. หน่วยรบนะนี่ รบกับผีน่ะสิ ไม่ได้ยิงอะไรสักแปะ วันๆ ถือปืนเอาแต่ยืนยามเฝ้าหน้าบล็อกทางเข้าฐานทัพ คอยตะเบ๊ะและตรวจรถที่เข้าออก ว่างๆ ก็เดินตัดหญ้าริมถนนพุ่งหลัง วิดพื้น แบกโลก บางทีก็เอามือไพล่หลัง ปักหัวลงดิน เอาให้เหนื่อยกันไปข้างนึง จนบางทีโดนสั่งทำโทษ จนอยากจะลุกขึ้นมาไล่เตะปากจ่าๆ ที่สั่งนักสั่งหนา เหนื่อยนะเว้ย แต่ก็ได้ลาบานูน (คิดในใจ) ก็ทนๆ กันไป เพราะเราเป็นทหาร ต้องมีระเบียบวินัย เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา เนอะ.. ตอนนั้นหลังจากฝึกเสร็จที่ชลบุรี ฐานทัพใหญ่ของกองทักเรือ ผมก็โดนส่งลงมาประจำการที่ฐานทัพเรือพังงา ข้างบ้านทับละมุ  ทหารหน้ามนคนจนชาวเหนือที่มาใช้ชีวิตอยู่ปักษ์ใต้น๊านนาน จนคำพูดติดทองแดง พูดเหนือปนปักษ์ใต้จนกลายเป็นคนแปลกๆ เพราะคุยกับญาติๆ ทางเหนือเค้าก็บอกอู้อ๊ะหยังฟังบ่าฮู้เรื่อง คุยกับคนใต้เค้าก็บอก แหลงภาษาไอ่ไหร๊ว๊า แล้วก็หัวเราะบอกทองแดงหล่นแล้วเดรพี่บ่าว กระผ๊ม พลทหารขอรายงานตัวครับ ยิ้มมาเลยนะตอนต้อนรับ เจอกันครั้งแรก เราก็อุ้ย จ่าที่ฐานทัพเรือพังงาน่าจะใจดีกว่าจ่าที่ชลบุรีแฮะ แบบนี้เดี๊ยน เอ้ย ผมปลื้ม พอหลังจากวันแรกเท่านั้แหละ เสียงตะคอก คว่ำหน้าลงไป […]

เสือผีจากแดนกะเหรี่ยง เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่า ผมเป็นคนสุราษฎร์ธานีแต่กำเนิด พ่อสุราษฯ แต่แม่ผมเป็นคนพะเยา เรื่องที่ผมจะเล่า มันเป็นเรื่องที่ยายของผมเล่าให้ผมฟังโดยตรง เรื่องมันเกิดในสมัยที่ยายผมยังเป็นวัยรุ่นอยู่ สมัยก่อนนั้น ทางภาคเหนือถือว่าเป็นภูมิภาคที่มีป่าเขาที่สมบูรณ์ เมื่อก่อนถ้าไม่ทำไร่ทำนาปลูกข้าว ก็ต้องเข้าป่าล่าสัตว์เพื่อเอามาใช้แลกเปลี่ยนหรือนำไปขายแลกเงิน และนั่นก็เป็นเรื่องของยุคสมัยที่ไฟฟ้ายังไม่เข้าถึงเลยสักหมู่บ้าน แม้แต่บ้านยายผมเองถึงจะอยู่ใน อ.เมืองของพะเยา แต่ใช่ว่าจะเจริญอะไรมากนัก ยายผมเล่าว่า เวลาพ่อของยาย (ตาทวดผม) ขึ้นเขาเข้าป่าไปล่าสัตว์ ไปครั้งนึงก็สองถึงสามเดือนอย่างต่ำ เลยทำให้ยายของผมคลุกคลีกับเรื่องป่าเขาพอสมควร ตอนปี พ.ศ.2486 เป็นครั้งที่ตาทวดผมไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต มันเป็นครั้งสุดท้ายของการล่าสัตว์ในป่าลึกของท่าน กับประสบการณ์ลี้ลับของคณะเดินทางที่ต้องผจญกับเสือผีจากป่าแดนกะเหรี่ยง ตอนนั้นยายทวดผมกำลังไม่สบาย ทำนาไม่ได้ เลยขัดสนเรื่องเงินที่จะใช้จ่ายภายในครอบครัว เพราะบ้านแม่ผมจนครับ ตาทวดผมเลยต้องเข้าป่า เพื่อไปล่าเขากวาง งาช้าง และของหายากในป่าเพื่อเอามาขายคนเมืองกรุง เลยชวนพรรคพวกที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ชวนกันเดินทางไกลไปเขาภูซาง ซึ่งมีอาณาเขตติดกับเชียงราย-สปป.ลาว แต่ถึงตาทวดผมจะเคยเข้าป่าล่าสัตว์มาเยอะพอสมควร แต่การเดินทางครั้งนี้มีพรานไปกับแกด้วย หลังจากเตรียมอาหาร ข้าวเหนียว เนื้อแห้ง ปลาแห้ง เสร็จสรรพ ก็ออกเดินทางกันบ่ายวันนั้นเลย ใช้เวลาเกือบสามอาทิตย์กับระยะทางเกือบร้อยกิโลจากบ้าน กว่าจะเดินทางไปถึง เนื่องจากพรานมาด้วยทุกคนก็ทำตามที่พรานแนะนำทุกอย่าง ทุกคนก็จัดแจงอุปกรณ์ ตัดไม้ไผ่มาทำห้างและทำกระบอกไม้ไผ่เอาไว้เยี่ยว เพราะตอนขึ้นห้างแล้ว ห้ามลงมาเด็ดขาดจนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นถึงจะลงได้ เนื่องจากมากันหกคน เลยทำห้างไว้สองที่ บนต้นไม้ใหญ่สองต้น […]

ใต้กอสวะ! สยองขวัญใต้สะพานพุทธฯ

เรื่องใต้กอสวะ บ้านผมอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แถวๆ สะพานพุทธฯ เวลาจะกลับบ้านต้องเดินเลียบริมน้ำ เป็นทางคอนกรีตแคบๆ เดินไม่ดีมีสิทธิ์ตกน้ำได้ แต่พวกเราเดินจนชินแล้ว คืนหนึ่งดึกแล้ว ผมกลับจากงานส่งเมสเซ็นเจอร์ เดินเลียบทางมาคนเดียว จู่ๆ มีแมวดำตัวหนึ่งเดินตัดหน้าไป ใจหายวาบว่าจะเป็นลางร้ายอย่างเขาพูดกันมองตามแมวไปก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงแนวตอที่ยื่นต่ำลงไปจากทางเดิน เขาตัวเปียกชุ่ม ใส่เสื้อไม่รู้สีอะไรเพราะมันสลัวมาก รู้แต่ว่าเขาหันมามองผม ผมใจหายและรู้สึกหนาวๆ พิกล! อยากถามว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า? ท่าทางคล้ายคนเมาตกน้ำ ตาขวางๆ พิลึก สะท้อนไฟเห็นวาบๆ ผมพูดไม่ออก ได้แต่รีบเดินผ่านเพราะเห็นว่าเขาก็ปลอดภัยดีนี่ เดี๋ยวคงขึ้นมาเองแหละ! ผ่านไปอีก 2-3 วัน ผมกลับเกือบดึก บ้านกับร้านอาหารติดทางเดินเลียบแม่น้ำยังเปิดไฟสว่างผมเห็นผู้ชายคนนั้นอีกแล้วครับ เขานั่งที่เดิม ตัวเปียก หัวหูโชกเชียว แต่ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนอะไร แล้วก็หันมามองผมแบบจ้องเขม็ง คราวนี้จากแสงไฟผมเห็นเขาชัดขึ้น ร่างใหญ่ ใบหน้าอูม ผมรองทรงค่อนข้างยาว อายุราว 40 ปี ใส่เสื้อลายๆ สีแดงเลือดหมู และที่เห็นชัดก็คือตะเข็บแขนเสื้อของเขาขาดลงมาข้างหนึ่ง เหมือนมันไปเกี่ยวอะไรสักอย่างท่าทางเขาคล้ายๆ กับคนเมา ผมอยากถามว่าไม่หนาวรึครับก็พูดไม่ออก ได้แต่ชำเลืองนิดหน่อยเท่านั้นสิ่งที่น่าแปลกใจคือ ทำไมเขามานั่งบนตอไม้ริมทางเดินนี่ แหม! สองคืนแล้วนะครับหรือว่าจะมาเล่นน้ำ? คิดอีกทีอาจเป็นคนบ้าไม่เอาดีกว่า […]

ขออโหสิกรรม เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องนี้ส่งเข้ามาจากคุณวรรณพรครับ คุณวรรณพรเล่าว่า เป็นเรื่องเมื่อห้าปีมาแล้วค่ะ คือเรามีแฟนคนหนึ่ง มีลูกด้วยกันแล้ว แต่ทะเลาะกันจนแยกกันอยู่มาสักพักแล้ว วันหนึ่งเราได้รับโทรศัพท์จากเพื่อน เพื่อนโทรมาบอกเราว่า แฟนเราตายแล้วนะ เราก็ถามกลับด้วยความตกใจว่า เขาเป็นอะไรตาย? เพื่อนบอกว่า รถคว่ำตายคาที่ เราทั้งงงทั้งตกใจ ทำอะไรไม่ถูก เพราะก่อนวันที่เขาจะตาย เขาโทรมาขอโทษทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำกับเราและกับลูก แต่เราไม่ยอมรับคำขอโทษจากเขา เนื่องจากตอนนั้นเราโกรธและโมโหมาก ที่เขาจะมาเอาลูกไปอยู่บ้านเขาแต่เราไม่ยอม จนคุยกันไม่ได้ ทะเลาะกันรุนแรงมาก ไม่นึกเลยว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกัน และเป็นคำขอโทษครั้งสุดท้ายจากเขา ที่งานสวดศพคืนแรก เราพาลูกไปฟังพระสวด พอไปถึงเราก็เข้าไปจุดธูป ซึ่งจริงๆ แล้วตามพิธี เราควรจะต้องอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน แต่เราอโหสิกรรมให้เขาไม่ได้ ใจเรายังโกรธแค้นเขาอยู่มาก จึงทำได้แค่ปักธูปไว้แล้วเดินออกมา พอพระสวดเสร็จเราจึงขอตัวพาลูกกลับก่อน พอกลับถึงบ้าน ขณะที่จอดรถเสร็จกำลังจะเข้าบ้าน จู่ๆ เราก็มีอาการเหมือนเป็นไข้ ตัวร้อนวูบวาบไปหมดทั้งตัว เดี๋ยวก็หนาวจนสั่น เลยเข้าบ้านไปหายาพารากิน คิดว่าเดี๋ยวคงจะดีขึ้น แต่กินยาก็แล้ว เช็ดตัวก็แล้ว ก็ยังไม่หาย ไม่ดีขึ้นเลย ตัวเราเองก็แปลกใจว่าจู่ๆ ทำไมถึงเป็นไข้ขึ้นมาได้ พอเริ่มแย่จนรู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวแล้ว ก็เลยเรียกแม่มา แม่เราก็ถามอาการ เราก็เล่าให้แม่ฟัง แล้วอยู่ๆ แม่ก็ลุกเดินไปเอาน้ำมนต์มาให้เราดื่ม พร้อมกับเช็ดตัวให้ […]

ซอครวญ นิยายสยองขวัญ โดย ธีร์ วรรณกร [ตอนที่ 2]

ซอครวญ ตอนที่ 1 “เฮ้ย!!!!บ.บ้าแล้ว!!! กลิ่นนี่..มันมันมาได้ยังไงกันเนี่ย!!!” วีระตะโกนลั่นอยู่ในห้วงแห่งความคิด และก่อนที่เขาจะสามารถตั้งสติรับอะไรได้ทันนั้นเอง มันก็เหมือนกับถูกผีซ้ำด้ำพลอยเข้าไปอีก เพราะทันใดนั้นหูเจ้ากรรมของเขาดันไปได้ยินเสียงๆหนึ่งเข้า มันดังเรื่อยๆเอื่อยๆฟังโหยหวนพิลึก เมื่ออดทนเงี่ยสดับอยู่ชั่วครู่มันก็ต้องทำให้ครูเวรคนใหม่ถึงกับขนลุกซู่ตั้งชันไปทั่วทั้งร่างกายแม้กระทั่งทรงขนบนหัว เพราะเสียงที่ดังมาจากที่ลึกลับแห่งใดมิอาจทราบได้นั้นมันก็คือ ท่วงทำนองเสียงซอสำเนียงอีสานที่โอดครวญน่ารันทดหดหู่ใจเป็นที่สุด แต่ก็แฝงไปด้วยความลึกลับน่าสะพรึงพรั่นจนทำให้เย็นวาบไปทั้งกระแสเลือด มันค่อยๆสอดประสานกับเสียงหมาจรจัดที่มาอาศัยอยู่ในบริเวณโรงเรียนซึ่งพร้อมใจกันหอนระงมกันซะเหมือนกับว่ามันเป็นเสียงบทเพลงที่บรรเลงจากฝีมือของภูติผี ในตอนนี้เขาแทบคลั่งหัวใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะเสียงซอที่จะว่าไพเราะหรือน่ากลัวดีนั้นก็ยังคงดังมาเรื่อยๆอยู่ไม่ขาด แต่เขานี่สิคือผู้ที่จะขาดใจอยู่รอมร่อ เพราะเสียงซออันน่าขวัญบินที่โหยหวนครวญรำพันอยู่นั้น มันทำให้เขาต้องเอามืออุดหูไม่อยากได้ยินแม้แต่เสียงของโน้ตเพลงแม้แต่ตัวเดียว เหงื่อกาฬไหลพรากๆราวกับออกกำลังกายมาหมาดๆ สองขาสั่นระริกอ่อนระทวยแทบล้ม “นี่.นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นนี่ ไม่ไหวแล้วโว้ยยยยย!!!!”  ครูวีระแผดตะโกนลั่นจ้ำอ้าวๆเปิดประตูหนีออกมาแทบไม่ทัน  และเมื่อออกมาข้างนอกเสียงซอที่แสนรันทดในท่วงทำนองนั้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ใช่.ใช่แล้ว.เจ้าเสียงซอจากโลกอมนุษย์นั้นมันต้องมาจากที่ใดสักที่ๆสามารถมีเครื่องดนตรีเป็นแน่.!!!!!  คิดได้ดังนั้นเขาก็ต้องถึงกับตาเบิกโพลงอ้าปากค้างเพราะที่ๆมีเครื่องดนตรีทุกประเภทก็คือ..ห้องดนตรีซึ่งอยู่ติดๆกับห้องหมวดที่เขาเข้ามาพักนอนเข้าประจำเวรอยู่นั่นเอง เสียงซอที่เอื้อนเอ่ยร่ำสำเนียงลายซอเศร้าอีสานอันกำลังถูกบรรเลงอยู่ในยามนี้ก็ยังทำหน้าที่สร้างความเขย่าขวัญของมันให้กับเขาอย่างไม่ขาดช่วง วีระตัวสั่นเพราะความกลัวเหลือเกินบรรยาย และในช่วงวินาทีแห่งการเผชิญเหตุการณ์อันน่าพิศวงอยู่นั้นเอง ครูหนุ่มตัดสินใจกลั้นลมหายใจแล้วหลับตาลงนับหนึ่งถึงสาม จากนั้นเขาก็หันกลับหลังขวับในทันทีนั้น ซึ่งสถานที่เบื้องหลังก็คือห้องดนตรีที่เป็นที่มาของเสียงซออันน่าขนลุกนั้น และในที่สุดเมื่อลืมตาขึ้นเขาก็แทบจะต้องเป็นลมสิ้นสติไปในบัดนั้น เพราะภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขา ณ ตอนนี้ก็คือ ภายในห้องดนตรีอันเป็นประตูกระจกใสสามารถมองทะลุไปถึงด้านในได้นั้น ร่างหนึ่งอันดำเป็นเงาทะมึนเด่นชัดซึ่งถูกแสงไฟที่สาดส่องจากด้านนอกเข้าไปเล็กน้อยนั้น แสดงให้เห็นชัดว่าเป็นร่างของบุรุษผู้หนึ่งกำลังนั่งหันหลังให้พร้อมกับสีบรรเลงซออันสุดที่จะขนพองสยองเกล้าอยู่ตรงนั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเมื่อตอนเลิกเรียนครูวีระจำได้ว่าเขานั่นแหละที่เป็นคนล็อคประตูห้องดนตรีเองกับมือ แล้วชายคนนั้นเป็นใครกัน? มาจากที่ไหน? และเข้าไปในห้องได้อย่างไรในเมื่อประตูถูกล็อคอยู่แท้ๆ!!!?? วีระอ้าปากค้างด้วยความตะลึงงันพลันก็ร้องว้าก..!!!!ลั่นขึ้นแทบจะหมดลม หันหน้ากลับมาดังเดิมวิ่งหน้าตั้งฝ่าเสียงซอปีศาจและเสียงหมาหอนหนีออกจากที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็วโดยไม่เหลียวหลังกลับไปมองสิ่งใดๆอีกทั้งสิ้น ปล่อยให้ประตูห้องหมวดเปิดอ้าซ่า พร้อมกับแสงไฟที่สว่างโร่อยู่อย่างนั้น  ในความคิดของเขาตอนนี้จุดหมายก็คือป้อมยามของลุงยามที่ตรวจตราด้วยกันเมื่อไม่นานมานี้นั่นเอง และเขาก็หวังว่าเมื่อไปถึงเขาก็จะพบตัวลุงแกเพื่อเป็นที่พึ่งหนีผีให้ได้เช่นกัน  สองเท้าจ้ำอ้าวๆอย่างกับแข่งวิ่งสี่คูณร้อยก็ไม่ปาน ปากก็แหกตะโกนลั่นเกือบจะไม่เป็นภาษา “ลุง!!!ลุงยามครับ!!!ช่วยผมด้วย!!!ผมผมโดนผีหลอก!!!ลุง!!!” วีระทั้งเหนื่อยทั้งหอบกินอยู่แทบขาดใจ เมื่อถึงหน้าป้อมยามก็ทรุดลงพาร่างแผ่หลาไม่เป็นท่า […]

ทางหลังวัด เรื่องขนหัวลุกที่ศรีราชา ชลบุรี

เหตุการณ์เกิดขึ้นที่วัดแห่งหนึ่ง ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมื่อประมาณสี่สิบปีที่ผ่านมา ตอนนั้นคุณสุนทรยังอายุประมาณสิบเอ็ดขวบ วันนั้นเป็นวันหยุด คุณพ่อบอกว่า “เดี๋ยวเย็น ๆ จะไปบ้านลุงบ้านป้าหน่อย” บ้านของคุณลุงคุณป้า จะอยู่ที่ตําบลหนองขาม ห่างจากบ้านของคุณพ่อประมาณสิบกิโลเมตร หลังจากคุณพ่อเลิกงานประมาณสี่โมงครึ่ง ก็ได้ปั่นจักรยานไปกันสองคนกับคุณสุนทร ถนนจะเป็นลูกรัง และไม่มีไฟ สองข้างทางจะเป็นป่ารก ๆ จนปั่นมาได้ประมาณครึ่งทาง เวลาประมาณห้าโมงครึ่ง พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ มีสุนัขสีดำตัวใหญ่วิ่งตัดหน้า แล้วหายเข้าไปในป่าข้างทาง คุณพ่อรีบหยุดจักรยานแล้วบ่นออกมาว่า “มันมายังไงของมันวะ” จากนั้นก็ปั่นต่อไปได้อีกสักพัก ปรากฏว่ายางแตก ช่วงเวลานั้นใกล้จะมืดเต็มที สองข้างทางมีแต่ป่า คุณพ่อจึงรีบเอาไขขวงงัดเอายางในออกมา แล้วเอาผ้าขาวม้ายัดเข้าไปแทน กว่าจะเสร็จก็กินเวลาไปจนถึงหกโมง เป็นเวลาโพล้เพล้ เริ่มจะมองถนนไม่เห็น คุณพ่อจึงรีบปั่นไปเรื่อย ๆ จนใกล้จะถึง ด้านขวาจะเป็นป่าต้นสัก ส่วนด้านซ้ายจะมีรั้วลวดหนาวขึงไว้ตลอดแนว ด้านในรั้วจะมีแต่เจดีย์เล็ก ๆ ที่เป็นโกศเอาไว้เก็บกระดูกคนตาย คาดว่าถนนเส้นนี้จะเป็นถนนหลังวัดแห่งหนึ่ง จนเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม ความมืดเริ่มปกคลุมไปทั่วบริเวณจนมองทางไม่เห็น คุณสุนทรจึงหยิบไฟฉายออกมาช่วยส่องไฟไปตามทางข้างหน้า ทำให้สองฝั่งข้างทางดูเป็นภาพมัว ๆ มีเงาสะท้อนวิ่งไปมาจนดูน่าขนลุก ไม่ได้ยินทั้งเสียงของนกและแมลงที่ควรจะต้องได้ยิน ต้นไม้ทุกต้นหยุดนิ่ง ไม่ไหวติง คุณสุนทรก็เริ่มมองซ้ายหันขวาด้วยความฉงน คิดในใจว่าทำไมมันถึงได้นิ่งเงียบขนาดนี้ […]

เก็บเช็คครับเก็บเช็ค เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

อาชีพของกระผมเป็นพนักงานส่งเอกสารประจำบริษัทแห่งหนึ่ง ในทุกๆ เช้าผมจะมีหน้าที่มารับเอกสารจากฝ่ายต่างๆ ของบริษัท อ้อผมลืมแนะนำตัวไป ก่อนอื่นผมขอแนะนำตัวเองก่อนนะครับท่านผู้อ่าน ผมชื่อบอล ปัจจุบันอายุยี่สิบสองปี ผมต้องขอบอกก่อนนะครับ เรื่องที่ผมจะเล่าดังต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงไม่อิงนิยาย เป็นเรื่องที่ผมเจอะเจอมากับตัว พูดแล้วยังขนลุกไม่หายเลย ไม่นึกไม่ฝันว่าชาตินี้จะมาเจอเรื่องราวแบบนี้ได้ ผมขอเข้าเรื่องเลยละกันนะครับ “บอล เดี๋ยวไปเก็บเช็คบริษัทนี้ให้พี่หน่อยนะ เมื่อวานใช้ตาจวนไปก็ไม่ได้กลับมา วันนี้เราว่างพี่วานไปอีกหนนะ” พี่ออยเป็นพนักงานบัญชี มักจะใช้ผมไปทำงานรับเช็ค วางบิล ติดตามเอกสารต่างๆ ของแผนกอยู่เสมอ ด้วยความที่พี่ออยเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี นิสัยดี พูดจาเข้าใจง่ายแถมใจดีอีกต่างหาก ทำให้เวลาพี่ออยสั่งงานผมมักจะได้รับหน้าที่ไปทำเสมอ แตกต่างจากพนักงานบัญชีคนอื่นๆ ที่ผมมักจะไม่ถูกคอ ยังมีเจ้มาลัยเจ้าแม่ฝ่ายบัญชีด้วย แล้วมีเรื่องทำให้ผมโดนด่าเป็นประจำ แหมก็แมสเซ็นเจอร์กับฝ่ายบัญชียังไงก็เป็นของคู่กันละครับ ก็เหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอย่างไงอย่างงั้น และไอ้เรื่องที่พี่ออยให้ผมไปรับเช็คนี่แหละคือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ เกือบจะสิบโมงแล้วที่ผมขับรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจขับมาถึงที่บริษัทแห่งนี้ ก่อนอื่นผมขอบอกก่อนเลยนะครับว่า ผมยังไม่เคยมาเก็บเช็คบริษัทแห่งนี้เลย เพราะปกติเส้นทางสายนี้ผมไม่ได้มีหน้าที่มาเก็บเช็ค ผมจะวิ่งผ่านเส้นทางสายอื่นและอาจเป็นวันดวงซวยของผมก็ได้ที่ต้องมาเจอเหตุการณ์ที่ไม่มีวันลืมไปจนชั่วชีวิต “โถ่ ขับรถภาษาอะไรของมันวะ ไม่ดูตาม้าตาเรือบ้างเลย คิดจะแซงก็แซงอย่างนั้นเหรอวะไอ้บ้า” ผมสบถคำด่ารถเก๋งคู่กรณีออกไป หลังจากขับปาดซ้ายแซงจนเกือบชนรถมอเตอร์ไซค์ของผม ดีที่ผมอาศัยความชำนาญในการขับรถหลบหลีกได้ทันผมเลยไม่ได้ใส่ใจ ขับรถออกมาจากตรงนั้น ขับมาได้ไม่นานเสียงรถหวอขอทางกั้นอยู่อีกฝั่ง เห็นรถพยาบาลกำลังขับในความเร็วไปรับผู้ได้รับบาดเจ็บจากรถชนกัน ผมไม่ได้ฟังหรอกว่ารถอะไรชนกัน เพราะผมก็เพิ่งผ่านเหตุการณ์มาเมื่อครู่ เมื่อคิดภาพกลับไปแล้วมันก็ทำให้ผมอกสั่นขวัญแขวนได้มากทีเดียว อุบัติเหตุสมัยนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ ที่เคาน์เตอร์ด้านหน้าตึก ปกติแล้วมักจะมีประชาสัมพันธ์คอยบริการอยู่หน้าเคาน์เตอร์ […]

เสื้อมือสอง เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์ซื้อเสื้อมือสองของเพื่อนร่วมงาน แบบไม่ศึกษาที่มาของเสื้อ เมื่อ 3 ปีก่อน เราทำงานอยู่ออฟฟิศแห่งหนึ่ง ออฟฟิศเรามีพนักงานทั้งหมด 10 คนเป็นผู้หญิงทั้งหมด เป็นงานเกี่ยวกับการตรวจสอบบัญชีเงินกู้นอกระบบ เพื่อนร่วมงานเรามีคนที่อายุน้อยที่สุด 1 คน เป็นวัยรุ่น ชอบซื้อเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัว ชอบซื้อเสื้อผ้ามือสองตามตลาดนัด เพราะใส่แล้วทิ้งแบบไม่เสียดายแล้วก็ราคาถูก ช่วงนั้นเป็นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน อากาศเริ่มหนาวมาก น้องมันเลยชวนเราไปเดินตลาดนัดเปิดท้าย เพื่อหาซื้อเสื้อกันหนาวมือ 2 ใส่ เราก็ไปเป็นเพื่อนมัน เราขอไม่เปิดเผยชื่อของเพื่อนร่วมงานนะคะ (ขอใช้นามสมมติว่าเอ) เอพูดว่า พี่ หนูจะไปซื้อเสื้อไปเป็นเพื่อนหนูหน่อย เราก็เดินในตลาดนัดเปิดท้าย สักพักก็เดินมาเจอร้านขายเสื้อมือ 2 ร้านนี้มีเสื้อกันหนาวเยอะมาก ราคาตัวละไม่เกิน 30 บาท คือถูกมาก ปกติที่เคยมาซื้อเป็นเพื่อนน้องเอ จะเจอร้านที่ขายตัวละ 70-80-90 บาท บางทีก็ตัวละ 100+ แต่ไม่เคยเกิน 150 แต่ครั้งนี้เป็นร้านมาตั้งใหม่ เพิ่งเคยมาขายครั้งแรก น้องเอเห็นว่าเสื้อสวยมาก บางตัวเหมือนเป็นแบรนด์เนม สภาพดีมาก ไม่มีตำหนิเลย น้องเลือกสักพักก็ได้เสื้อแขนยาว สีแดงตัวนึง ราคา 40 […]