โรงแรมผีไบเทคบางนา เรื่องเล่าสยองขวัญ

เริ่มเลยนะคะ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อประมาณช่วงเดือนสิงหาคม 2556 ค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า แม่และทางสำนักงานต้องไปจัดบูธและเข้าประชุมในกิจกรรมวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ พ.ศ.2556 ระหว่างวันที่ 6-21 สิงหาคม 2556 ณ BITEC บางนา แต่ทางสำนักงานของแม่ถูกจัดให้เข้าร่วมงาน วันที่ 13 สิงหาค่ะ ซึ่งพวกเราเลยเลือกเดินทางกันเช้า 12 สิงหาคม ประมาณ 10 โมงเช้า เราและน้องสาวก็ติดสอยห้อยตามแม่ไป เพราะแม่อยากให้ไปเป็นเพื่อน 12 ชั่วโมงด้วยรถตู้จากขอนแก่นถึงกรุงเทพฯ เป็นช่วงเวลาที่ลำบากมาก ขาเข้ากรุงเทพติดแหงก จราจรเป็นอัมพาต เพราะคนเดินทางกลับจากต่างจังหวัดพอดีค่ะ โรงแรมที่อ่านรีวิวแล้วรีวิวเล่าแบบดีๆ หลายดาวที่จองไว้ก็มี แต่ก็ป่วยการ เมื่อมาถึงบางนาประมาณ 4 เกือบ 5 ทุ่ม ฝนตกหนัก ถนนน้ำท่วม มองไม่เห็นทาง จะไปโรงแรมที่จองไว้ก็ไม่ได้ เพราะฝนตกหนักมากค่ะ ก็เลยพากันตัดสินใจว่า จะหาโรงแรมแถวไบเทคนอนเลยละกัน ตื่นเช้ามาจะได้ไปง่ายๆ รถไม่ติดเท่าไหร่ (ลืมบอกไปค่ะ มีสมาชิกไปกัน 6 คนมีเรา น้องสาว แม่ ลุงที่ทำงานแม่ […]

กลางดงดิบ | นางรำหม่องส่วยยี! อาถรรพ์ป่าพม่า

เกริ่นก่อนอ่าน: ในเรื่องเล่าต่อไปนี้ อาจมีตัวอักษรภาษาอังกฤษหรืออักษรที่มีลักษณะใกล้เคียงแทรกเข้ามาผสมในบางคำ วัตถุประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงคำที่sุนแsง เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของนายพรานคนหนึ่งที่ชื่อว่า พรานแดง ต้องขอเท้าความไปในอดีต จากที่เคยเป็นเด็กวัยรุ่น ยิงนก ตกปลา ตามประสาชาวบ้านป่า แต่แล้วก็มีเหตุการณ์หนึ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ ลุงแดง พรานรุ่นเยาว์กลายเป็น พรานแดง ผู้ช่ำชองเรื่องป่าและเป็นพรานประจำหมู่บ้านเหมือนอย่างในปัจจุบัน ในขณะนั้นหมู่บ้านมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น โดยคนในหมู่บ้านทยอยกันล้มตๅยโดยไม่ทราบสาเหตุ อาการก่อนตๅยคล้ายคนโดนผีเข้า ไม่นานนักก็มีการปรากฏตัวขึ้นของนายพรานคนหนึ่งซึ่งมาจากฝั่งพม่า ผู้อาสาเข้ามาจัดการกับสิ่งที่กำลังกัดกินคนในหมู่บ้าน สิ่งนั้นมันคือ ผีป่า! ซึ่งในตอนนั้นคนในหมู่บ้านไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าผีป่าคืออะไรและจะจัดการกับมันยังไง โดยชาวบ้านต่างเรียกนายพรานผู้มาจากต่างถิ่นคนนี้ว่า ลุงหม่อง ลุงแดงพรานฝึกหัดเห็นนายพรานผู้เจนป่าก็เกิดความสนใจ จึงขอติดตามลุงหม่องเข้าป่าเพื่อขอดูวิธีการจัดการกับผีร้ายว่าเขาทำกันอย่างไร โดยที่ลุงหม่องได้บอกกับลุงแดงว่า เดี๋ยวข้าจะพาไปดูอะไร ถ้าเอ็งไม่เชื่อว่าผีป่ามีจริง เดี๋ยวข้าจะทำอะไรให้ดู สิ่งที่ลุงหม่องพูดถึง นั่นคือการนำร่างของคนตๅยศwล่าสุด ใช้เชือกผูกมัดขาแล้วนำร่างไปแขวนกับห้างสูงในลักษณะห้อยหัวลง จนความมืดมาเยือน วิธีการพิสูจน์อะไรบางอย่างก็ได้เริ่มขึ้น สิ่งที่เอ็งเห็นเป็นศwมันยังไม่ตๅย ผีป่ายังอยู่ในร่างมัน ลุงหม่องว่า จากนั้นลุงหม่องก็ให้ลุงแดงใช้ปืuกระหน่ำยิงไปยังร่างที่ห้อยต่องแต่งอยู่เบื้องหน้า สักพักก็มีเสียงหัวเราะดังลั่นป่าและศwที่ห้อยหัวอยู่นั้นมันก็กระดิก! ซึ่งในขณะที่มันกระดิกตัวและส่งเสียงหัวเราะอยู่นั้น มันก็ถุยกระสุนที่โดนสาดยิงก่อนหน้านี้ออกทางปากอีกด้วย นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของลุงแดงที่ได้เห็นอะไรที่ชวนสะพรึงเช่นนี้ แล้วจะจัดการมันยังไงล่ะลุงหม่อง ลุงแดงว่าเสียงสั่น ไม่ต้องรอให้ถามต่อ ลุงหม่องรีบปีนขึ้นห้างสูง จากนั้นก็บริกรรมคาถาใส่ปืuแล้วยิงแสกหน้าศwที่มีผีป่าสิงสู่ เสียงดัง ปัง! ตามด้วยเสียงร้องโหยหวนของผีร้ายที่ดังขึ้นแทรกฝ่าความมืดและหนีหายเข้าไปในป่าลึก จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ลุงแดงฝากตัวเป็นศิษย์ของลุงหม่องผู้มีฝีมือและเข้มขลังไปด้วยอาคม […]

คุณไสยกระดูกผี เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เมื่อไม่นานมานี้​ เรามีโอกาสได้อ่านดวงจากนักพยากรณ์​ท่านหนึ่ง​ ว่าด้วยเรื่อง​ ราศีไหนกำลังจะโดนคุณไสย​ โดนคนทำของไม่ดีใส่​ เจออะไรค่ำ ๆ มืด ๆ ห้ามทัก​ พออ่านจบ​ อ้าว​นี่มันราศีเรานี่นา​ เเต่ตอนนั้นก็คิดว่ามันคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง​ เเต่ลึก ๆ แล้วก็บอกตัวเองว่า ระวังไว้หน่อยก็ดี จนเวลาผ่านไปอาทิตย์​กว่า​ วันนั้นเป็นช่วงบ่าย เราสังเกตุ​เห็นเงาคล้ายคนวิ่งไปวิ่งมา​ที่หน้าบ้าน​ ตอนนั้นเราลืมนึกเรื่องที่อ่านดวงไปเสียสนิท​ เราเลยตะโกนถามออกไป นั่นใครน่ะ​ แล้วเงานั้นก็หายไป​ จนตกค่ำเราได้กลิ่นเหม็นเน่าจากหน้าบ้าน​ กลิ่นเเรงมาก แต่แปลกที่คนในบ้านกลับไม่มีใครได้กลิ่นเลย​ กลิ่นแรงจนเวียนหัว จนเราเผลอสบถขึ้นมาว่า กลิ่นเ_ี้ยอะไรวะเนี่ย​ อะไรตายวะ! พอเราพูดจบ แม่หันมาตีเเขน​ มันดึกมันดื่นจะพูดทำไม? เราเลยบอกแม่ว่ามันเหม็น​ จนสุดท้ายเราก็หนีขึ้นไปนอน​ คืนนั้นเวลาประมาณ​ตี 2 เราสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงคนเรียกชื่อ​ เรียกอยู่นานมาก​ เสียงนั้นเย็นยะเยือก​จนน่าขนลุก​ เเต่เราก็ไม่ขานรับ​ ได้เเต่นอนกอดหมอนข้างข่มใจไว้​ด้วยความกลัว จนถึงช่วงเช้ามืด​ เราได้ยินเสียงเเม่เอะอะ​โวยวายลั่นบ้าน​ ตะโกนถามคนในบ้าน ปลุกจนตื่นหมดทุกคน ญาติข้าง ๆ บ้านก็ตกใจตื่น กำลังจะวิ่งมาที่บ้าน​ แต่ต้องชะงัก​เพราะตรงหน้าบ้านมีกองผงถ่านสีเทา ๆ ดำ ๆ […]

ตุงแดงข้างทาง เรื่องเล่าสยองขวัญ

เมื่อปี พ.ศ. 2539 ตอนที่ผมเรียนอยู่ ปวช. ปี 1 พอสอบกลางภาคเสร็จ ช่วงเดือนตุลาคม ผมก็ได้กลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ที่จังหวัดสมุทรปราการ ที่นั่นมีพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่สนิทกับครอบครัวผมมาก เป็นคนจังหวัดตาก แกกำลังจะพาครอบครัวกลับไปเยี่ยมบ้าน 1 สัปดาห์ แกเห็นผมว่างๆ อยู่ เลยชวนผมไปเที่ยวด้วย ผมเองไม่เคยไปเที่ยวภาคเหนือก็เลยตอบตกลง เราเดินทางไปโดยรถปิคอัพของพี่เขา พี่เขาเป็นคนขับ มีภรรยาแกนั่งหน้า และมีลูกชายชื่อ น้องบอย อายุประมาณ 6 ขวบนั่งแค็บหลังกับผม น้องบอยมีเป้ใบหนึ่งสะพายหลัง ในเป้มีหุ่นยนต์และหนังสือการ์ตูน พวกเราเดินทางไปเรื่อย แวะปั๊ม จอดกินข้าวบ้าง จนถึงเวลา 6 โมงเย็น เหลืออีกไม่กี่กิโลเมตรจะถึงที่หมาย พี่เขาเกิดปวดท้องหนักขึ้นมา แต่แถวนั้นมันไม่มีปั๊ม แล้วสองข้างทางมีแต่ป่า แกเลยตัดสินใจจอดรถลงไปปลดทุกข์ในป่า ผมเลยขอลงไปปัสสาวะด้วย ซึ่งน้องบอยก็ขอลงมาเหมือนกัน พี่เขารีบวิ่งเข้าไปในป่า ส่วนผมก็ยืนทำธุระไป โดยหางตาผมเห็นน้องบอยเดินไปที่ต้นก้ามปูที่อยู่ใกล้ๆ พอผมทำธุระเสร็จก็เรียกน้องบอย น้องบอยก็เดินออกมาจากหลังต้นก้ามปู ส่วนพี่เขาก็ออกมาจากป่าพอดี เลยพากันขึ้นรถออกเดินทางต่อ ตอนที่ขับรถออกมาแล้ว ผมสังเกตว่าพี่เขามองกระจกหลังอยู่ 3-4 ครั้ง จนแกบอกผมที่นั่งอยู่ข้างหลังแกว่า ลองหันไปดูกระบะหลังหน่อย […]

บ่อร้างท้ายสวน เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนนะคะ ค่ำคืนนี้ก็มีเรื่องมาเล่ากันอีกเช่นเคย บอกก่อนเลยนะคะ ว่าเรื่องนี้อาจต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านเพราะเป็นประสบการณ์อันเหลือเชื่อและเป็นความเชื่อส่วนบุคคลค่ะ คุณย่าจำรัส ในวัยแปดสิบเจ็ดปี ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ตรง ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวของท่านให้เราฟัง คุณย่าจำรัสพื้นเพท่านเป็นคน อ.เสาไห้ จ.สระบุรี แต่ไปแต่งงานมีครอบครัวอยู่ที่ จ.พิจิตร พ่อแม่สามียกบ้านพร้อมที่ดินให้ผืนหนึ่ง อยู่ในอำเภอที่มีเขตติดต่อกับจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ดินผืนนี้มีอาณาเขตประมาณสามไร่ ตัวบ้านปลูกอยู่บริเวณด้านซ้ายของที่ดิน ส่วนด้านขวาจะปลูกต้นกล้วยตานีเรื่อยลงไปจนติดเชิงเขา ด้านหลังสวนกล้วยตรงตีนเขา มีบ่อน้ำอยู่บ่อหนึ่ง เป็นบ่อน้ำลึกหลายสิบเมตร ไม่ได้ใช้มาหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่ไฟฟ้าน้ำประปาเข้าถึง บ่อน้ำท้ายสวนกล้วยก็หมดบทบาทลงไป ที่ตีนเขามีกระท่อมอยู่หลังหนึ่ง มีพี่สาวของสามีคุณย่าจำรัสอาศัยอยู่ ชื่อว่า คุณย่าเจียม ย่าเจียมแกสติไม่ดี วันๆ แกเอาแต่หัวเราะ บางทีก็ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร บางทีก็กรีดร้องแล้ววิ่งไปเกาะขอบบ่อน้ำ บางทีก็พร่ำเพ้อถึงแต่ผีสาง คุณย่าแกก็กลัวไม่อยากไปยุ่งด้วย เห็นแต่สามีคอยเอาข้าวเอาน้ำไปส่งให้ตอนเช้ากับเย็น แกเคยถามสามีถึงเรื่องที่ทำให้ย่าเจียมแกต้องเสียสติแบบนี้ สามีแกก็เลยเล่าให้ฟังว่า ตอนย่าเจียมเป็นสาว ย่าเจียมเป็นคนสวย มีผู้ชายมาติดพันมากหน้าหลายตา ล้วนแล้วแต่เป็นคนมีฐานะดีทั้งสิ้น แต่ด้วยเหตุผลใดไม่อาจทราบได้ ย่าเจียมแกกลับมิได้ทำตัวให้มีคุณค่าสมกับรูปลักษณ์หน้าตาอันงดงามเพียบพร้อมของแก แกกลับทำตัวตกต่ำคบแต่นักเลงสุรา นักเลงหัวไม้ คบพวกอันธพาลคอยเกะกะระรานเขาไปทั่ว ย่าเจียมในวัยสาวแรกรุ่น ต้องหมดคุณค่าลงเพราะทำตัวเกกมะเหรกเกเร กินเหล้าเมายา ไม่ผิดกับนิสัยของผู้ชาย ต่อมาไม่นานย่าเจียมก็ท้อง ท้องโดยมิรู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็ก แต่ย่าเจียมแกก็ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อน แกก็ยังคบเพื่อนกินเหล้าสรวลเสเฮฮา ดูเหมือนแกมิได้ยินดียินร้ายกับหนึ่งชีวิตอันบริสุทธิ์ที่กำลังจะเกิดมา […]

“บึงผีหลอก” จังหวัดศรีสะเกษ | เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

ลุงโฮม เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบึงมรณะ สมัยเด็กผมอยู่บ้านหนองคู อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเคยเรียกกันว่าจังหวัดขุขันธ์ อันเป็นจังหวัดชายแดนติดกับกัมพูชา คำว่า หมอเขมร ก็เกิดขึ้นที่นี่แหละครับ เป็นที่รู้กันว่าหมอเขมรน่ะหมายถึงหมอไสยศาสตร์ ที่ช่ำชองเรื่องไสยดำ อาถรรพณ์ เวทอันเร้นลับน่าสยดสยอง แน่ล่ะครับ ว่าต้องหนีเรื่องภูตผีปีศาจไปไม่พ้น พูดถึงเรื่องผีๆ สางๆ นี่ไม่ว่าเด็กคนไหนก็ชอบฟังทั้งนั้น ถึงจะไม่เคยโดนผีหลอก แต่ก็กลัวผีกันทุกคน พวกผู้ใหญ่เขาว่ามันก็ดีไปอย่าง เด็กๆ กลัวผีจะได้ไม่ไปซุกซนที่เปลี่ยวๆ หรือตกน้ำตกท่าเพราะลับหูลับตาพวกผู้ใหญ่ ขอเล่าถึงหมู่บ้านหนองคูของผมซะก่อน พูดก็พูดเถอะ ที่นั่นน่าจะเรียกว่า ดงตาล มากกว่าครับ เพราะนอกจากจะมีต้นไม้ใหญ่น้อยร่มครึ้มไปทั้งหมู่บ้านแล้ว ยังมีต้นตาลขึ้นเรียงรายเป็นแนว ดกดื่นไม่รู้ว่ากี่ร้อยต้น ต้นตาลนี่ใช้ได้สารพัดประโยชน์ ลูกตาลกินได้ทั้งอ่อนและแก่ ลูกตาลอ่อนๆ กินแล้วชุ่มคอชื่นใจดีนัก ที่เขาเรียกว่า หวานฉ่ำเหมือนลูกตาลเฉาะ นั่นปะไร! ส่วนลูกแก่ก็เอามาทำขนมตาลกิน เม็ดที่มีขนฟูก็เอามาให้เด็กๆ เล่นสางผมกันเพลิดเพลินดีไม่หยอก จะบอกให้ใบตาล ต้นตาล นำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งต้น ลุงเหลือกับลุงใสชอบชักชวนกันไปทอดแหที่หนองน้ำใหญ่นั้นบ่อยๆ ส่วนมากจะไม่ผิดหวัง ได้ปลาตัวโตๆ มากินเป็นประจำ จนกระทั่งวันหนึ่งก็เจอเรื่องขนหัวลุกเข้าเต็มเปา วันนั้นสองสหายหาปลาแทบไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าเหล่ามัจฉาน้อยใหญ่มันหลบหนีไปซุกซ่อนอยู่ที่ไหนหมด มีแต่ปลาเล็กปลาน้อยมาติดแหเท่านั้น ต่างคนต่างบ่นพึมเป็นหมีกินผึ้งไปตามๆ […]

เพื่อนเฮี้ยน เรื่องเล่าสยองขวัญ ทำไมไม่ไปงานศwกู!

เรื่องราวของเราเกิดขึ้นมาได้ประมานสามปีกว่าแล้ว มันเป็นประสบการณ์สุดสยอง แถมยังเคยเป็นข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ชื่อดังอีกด้วย เรื่องก็คือ เพื่อนสนิทของเรา เขาได้จมน้ำตายพร้อมกันสองคน วันนั้นเราก็เกือบจะไปเล่นน้ำด้วย แต่บังเอิญว่าวันนั้นต้องขนของย้ายบ้านช่วยแม่ พอประมาณหกโมงเย็น เพื่อนเราก็โทรมาหาด้วยเสียงสะอื้นว่า เอ กับ บี (นามสมมติ) จมน้ำตายแล้ว พอวันต่อมาเราก็รีบไปโรงเรียนแต่เช้า เพราะอยากรู้ว่าเพื่อนเราตายได้ยังไง บรรยากาศวันนั้นมันครึ้มจนน่ากลัว ทุกคนในห้องร้องไห้โฮรวมทั้งเราด้วย เพราะสองคนที่ตายคือเพื่อนสนิทที่เรารักมากที่สุด และเราไม่คิดว่าเพื่อนเราจะไปไวขนาดนี้ พอถึงตอนบ่ายสามโมง ครูก็นิมนต์พระมาที่โรงเรียน ช่วงที่เขาให้นั่งสมาธิเราก็นึกถึงแต่หน้าเพื่อนทั้งสองคนที่ตายไปจนสมาธิไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แล้วจู่ๆ เราก็ได้ยินหลวงพ่อพูดขึ้นมาว่า มาหาเพื่อนหรือโยม วินาทีนั้น เราอดทนที่จะไม่ลืมตาเพราะกลัวครูด่า แต่หลวงพ่อท่านมาพูดอยู่ใกล้เรามาก จากนั้นหลวงพ่อก็พูดต่ออีกว่า  ไม่ต้องร้องไห้หรอกโยม เพื่อนทุกคนเขาต่างก็รักโยมทั้งนั้น วินาทีนั้นเราอดใจไม่ไหวเลยลืมตาดูว่าหลวงพ่อพูดกับใคร พอลืมตาขึ้นมา เราก็งง เพราะเราเห็นหลวงพ่อยืนพูดกับพื้นที่ว่างเปล่าข้างๆ เรา เหมือนท่านพูดคนเดียว ตอนนั้นหลวงพ่อหันมาเห็นเราลืมตา เลยบอกกับเราว่า ไม่มีอะไรหรอกโยม เพื่อนโยมเขาแค่อยากมาหาน่ะ พอได้ยินแบบนั้นก็ทำเอาเราขนลุกซู่ทันที พอเลิกเรียนเสร็จ เราและเพื่อนในห้องก็ไปงานศพกัน พวกเราไปงานศพของเอก่อน เพราะงานศพเอจัดสามวัน ส่วนงานศพบีจัดเจ็ดวัน งานศพเอก็เป็นไปอย่างปกติ แต่พองานศพบีพวกเราก็ต้องตกใจ เมื่อกรอบรูปหน้าศพ มีคราบน้ำไหลออกมาไม่หยุด เพื่อนเราสลับกันเช็ดก็ไม่หยุดไหล พอฟ้าเริ่มมืด พวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน […]

เสกตะปูเข้าท้อง เรื่องเล่าสยองขวัญ

เสกตะปูเข้าท้อง ไสยศาสตร์มนต์ดำ แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่อยู่ควบคู่กับคนไทยมาเนิ่นนานแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเป็นศาสตร์เร้นลับที่น้อยคนนักจะเข้าใจ หรือมีโอกาสสัมผัสรับรู้ได้ ไสยศาสตร์เป็นศาสตร์แห่งความเร้นลับน่าอัศจรรย์ใจ ที่เต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว ทั้งต่อตัวผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ ซึ่งมักจะถูกนำมาใช้ในทางชั่วร้ายมากกว่าทางดี เรื่องราวที่จะนำมาเสนอต่อไปนี้ เป็นผลของศาสตร์แห่งไสยอีกเรื่องหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นจริง โดยผู้ถ่ายทอดคือ คุณมงคล ณ ตะกั่วทุ่ง ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่ท่านได้ประสบมาในครั้งนั้นว่า เมื่อสมัยที่คุณมงคลยังเป็นเด็กอายุได้ประมาณ 9 ปี เกิดล้มป่วยด้วยโรคปอดบวม มีอาการปวดภายในหน้าอกทางขวา การเจ็บป่วยในครั้งนั้นอาการหนักมาก จนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นตายเท่ากัน คุณพ่อของคุณมงคลได้เชิญหมอมาทำการรักษา โดยในครั้งนั้นได้เชิญแพทย์แผนปัจจุบันที่มีชื่อ 2 ท่าน และหมอแผนโบราณอีก 1 ท่าน มารักษาคุณมงคล เนื่องจากอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่นั้นยิ่งนับวันก็ยิ่งแย่ลงทุกที ในช่วงระหว่างนั้น นายแพทย์แผนปัจจุบันทั้งสองท่านได้พยายามรักษาคุณมงคลอย่างสุดความสามารถ แต่ว่าอาการก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย นายแพทย์ทั้งสองท่านจึงปรึกษาหารือกันว่า จำเป็นต้องบอกให้บิดาของคุณมงคลได้รู้ว่าอาการของคุณมงคลในครั้งนั้น แพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถรักษาให้หายได้ นายแพทย์ทั้งสองแจ้งกับบิดาของคุณมงคลว่า คุณมงคลคงจะต้องเสียชีวิตลงภายใน 7 วัน เพราะสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลงทุกที และยาที่ใช้ในการรักษาไม่สามารถเอาอยู่ บิดาของคุณมงคลตกใจมาก เพราะคาดไม่ถึงว่าลูกชายซึ่งป่วยเป็นเพียงแค่ปอดบวมจะถึงขั้นต้องล้มตายจากกันได้ เมื่อแพทย์แผนปัจจุบันหมดทางรักษา บิดาของคุณมงคลจึงขอร้องแพทย์แผนโบราณให้รักษาโดยสมุนไพรแผนโบราณ เผื่อจะได้ผลบ้าง ขณะเดียวกันก็ยังไม่หยุดการรักษาโดยยาแผนปัจจุบัน เรียกว่าเมื่อถึงขั้นนี้แล้วต้องทำทุกวิถีทาง ที่จะสามารถรักษาชีวิตของลูกชายไว้ให้ได้ คุณมงคลจึงได้รับการรักษาจากแพทย์ทั้งสองทางไปพร้อมๆ กันนอกจากนั้น นายแพทย์แผนปัจจุบันท่านหนึ่งได้แนะนำบิดาของคุณมงคลว่า […]

โรงแรมระนอง เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2530 คุณศักดิ์ได้ไปพากย์หนังที่โรงหนังพูลผลรามา ในจังหวัดระนอง ซึ่งในสมัยนั้นจะใช้วิธีการพากย์หนังกันสดๆ ในโรงหนังเลย ไปถึงช่วงเวลาประมาณบ่ายโมง ก็ได้เข้าไปเปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ได้ห้องพักบนชั้นห้า จังหวะที่คุณศักดิ์เปิดห้องเข้าไป คุณศักดิ์มีความรู้สึกว่าเหมือนเบียดใครบางคนเข้าไป เหมือนมีใครมายืนบังอยู่ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร คุณศักดิ์วางของแล้วก็เข้าไปอาบน้ำ ในระหว่างที่กำลังอาบน้ำ คุณศักดิ์มีความรู้สึกว่า เหมือนมีใครอยู่ในห้องนอน ก็เลยลองเปิดประตูห้องน้ำออกมาดูสองสามครั้ง ก็ไม่เจออะไร จนอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย แต่งตัวเตรียมจะไปโรงหนัง เวลาประมาณหกโมงเย็น คุณศักดิ์เดินออกนอกห้องแล้วปิดประตูและล็อกห้อง แต่ในระหว่างที่กำลังล็อกห้อง มีความรู้สึกว่าเหมือนมีคนอยู่ข้างในห้อง ก็เลยเปิดเข้าไปดู แล้วเห็นเหมือนเป็นเงาวูบผ่านหน้าคุณศักดิ์ออกมานอกห้อง คุณศักดิ์มีความรู้สึกว่า มันไม่ค่อยจะดีแล้ว แต่ก็ไม่อยากคิดอะไรมาก ก็เลยปิดประตูล็อกตามเดิม แล้วหันไปทางซ้ายมือเพื่อที่จะเดินลงบันได แต่มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่บันไดแล้วมองมาที่คุณศักดิ์ คุณศักดิ์ก็ยิ้มให้ แต่เค้าก็ไม่ยิ้มตอบ คุณศักดิ์ก็เลยเดินลงบันไดไป แล้วหันกลับมามองอีกที ปรากฏว่าผู้ชายคนนั้นหายไปแล้ว มองหาจนทั่วแต่ก็ไม่เจอ คุณศักดิ์ก็เลยหันกลับแล้วเดินลงบันไดต่อ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงคนไขประตูห้องแล้วเปิดประตู คุณศักดิ์หันกลับไปมอง ก็เห็นผู้ชายคนนั้นเดินเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู คุณศักดิ์ก็เลยเดินลงจนไปถึงข้างล่างแล้วก็นึกขึ้นได้ว่า ห้องที่ผู้ชายคนนั้นเข้าไปมันเป็นห้องของเรานี่หว่า! คุณศักดิ์เลยรีบเดินกลับขึ้นไป เพราะกลัวว่าจะเป็นขโมย พอถึงหน้าห้องก็ไขประตูแล้วถีบประตูเข้าไป ปรากฏว่าภายในห้องไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างเหมือนเดิม คุณศักดิ์ก็เลยเดินไปถามที่เคาน์เตอร์ด้านล่างว่า กุญแจห้องนี้มันมีกี่ดอก แล้วห้องนี้มันเคยมีอะไรหรือเปล่า พนักงานก็ได้แค่ตอบว่า ไม่มีอะไร […]

กุฏิพระเล่นของ เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา คุณเบนและน้องชายได้ไปบวชยังวัดแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว พระพี่เลี้ยงที่วัดก็ได้พาคุณเบนและน้องขึ้นกุฏิหลังใหญ่ซึ่งภายในประกอบไปด้วยห้องหลายห้อง ทางวัดได้จัดไว้ให้คุณเบนและน้องอยู่ชั้นสองของกุฏิ พอคุณเบนก้าวเข้าไปในห้อง คุณเบนก็รู้สึกแปลกๆ ห้องของพระทุกห้องน่าจะมีพระพุทธรูปตั้งอยู่ในห้องด้วย แต่ห้องของคุณเบนกลับมีเป็นบาตรพระที่ลงอักขระตั้งไว้แทน หลวงพี่ท่านได้กำชับว่า ห้ามแตะบาตรนี้เด็ดขาด นั่นก็ยิ่งทำให้คุณเบนและน้องชายเกิดความสงสัยขึ้นว่าเพราะอะไร เย็นวันนั้นคุณเบนและน้องชายก็ได้จัดแจงข้าวของและวางที่นอนให้เข้าที่เข้าทาง พรุ่งนี้ตอนเช้าจะต้องออกบิณฑบาต คุณเบนและน้องชายก็จะต้องท่องบทสวดให้พรเวลาญาติโยมใส่บาตรให้คล่องเสียก่อน จึงนั่งฝึกท่องกันในห้อง คุณเบนได้ลองเดินสำรวจไปทั่วห้อง แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างก็สังเกตว่า ตำแหน่งของกุฏิหลังนี้มันอยู่ตรงกับทางสามแพร่งพอดี คุณเบนกลับมานั่งฝึกท่องบทสวดต่อ จนสักพักก็รู้สึกว่าเริ่มท่องไม่รู้เรื่องแล้ว ก็เลยแยกกันท่อง โดยพระน้องชายอาสาออกไปฝึกท่องอยู่ที่หน้าห้อง ส่วนคุณเบนก็ฝึกท่องอยู่ด้านใน น้องชายของคุณเบนก็ได้ไปนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่หน้าห้อง หลวงพี่ก็เดินขึ้นกุฏิมาเห็นท่านก็ตกใจ แล้วบอกว่า พระแบล็ค ห้ามนั่งบนเก้าอี้ตัวนี้เด็ดขาด หลวงพี่ลืมบอก คุณเบนได้ยินเสียงก็เลยเดินออกมาดู ก็สงสัยว่าทำไมถึงห้ามแตะนู่นแตะนี่ อะไรก็ห้ามไปหมด คุณเบนก็ชวนพระน้องชายลงไปฝึกท่องข้างล่างแทน พอลงไปข้างล่างแล้ว หลวงพี่ที่อยู่ตรงข้ามกุฏิก็ได้ถามว่า ท่านทั้งสองรูปนอนที่ไหน คุณเบนก็ได้ตอบไปว่า นอนห้องนี้ครับ แล้วชี้นิ้วขึ้นไปยังกุฏิที่พัก หลวงพี่ก็ยิ้ม แล้วหัวเราะ จากนั้นก็พูดว่า ห้องนี้เหรอ ตรงข้ามกับห้องของผมเลยนะ ทำไมต้องหัวเราะแบบนั้นด้วยครับหลวงพี่? คุณเบนถาม อ๋อเปล่าๆ ไม่มีอะไร ห้องนั้นลมพัดเย็นดี หลวงพี่ตอบ คุณเบนรู้สึกผิดปกติและเริ่มรู้สึกกลัว ก็เลยเค้นกับหลวงพี่อีกที หลวงพี่ครับ ห้องนั้นมันมีอะไรกันแน่ บอกผมมาเถอะ เพราะว่าถ้าเกิดผมกับน้องชายผมเจอ ช็อคทั้งคู่เลยนะ! […]