เรื่อง ศาลาริมทางตอนตีสาม
สมัยปี 2543 ผมเคยทำงานอยู่ที่ลำปาง แต่บ้านผมอยู่นครสวรรค์ งานผมจะเป็นงานที่ต้องเดินทางไปกลับนครสวรรค์ในช่วงเวลากลางคืนอยู่บ่อยๆ ครับ เส้นทางจาก นครสวรรค์-ลำปาง ตรงจุดที่น่ากลัวสุด เปลี่ยวสุดผมว่าน่าจะอยู่ตรงช่วงออกจาก อ.สบปราบ ถึง อ.เถิน เพราะตรงนั้นในสมัยนั้นมันมีแต่เขาและข้างทางไม่ค่อยมีบ้านคน และยิ่งกลางคืนดึกๆ นี่ไม่ต้องพูดถึง เปลี่ยวมาก รถกระบะ รถส่วนตัว แทบจะไม่มีวิ่งให้เห็น มีแต่พวกรถทัวร์ รถสิบล้อ ที่เดินทางกัน
ผมวิ่งเส้นนี้กลางคืนบ่อยมาก ปกติเวลาจะกลับนครสวรรค์ผมจะกะเวลาให้ไปเช้าที่นครสวรรค์ ซึ่งเวลาในการเดินทางรถส่วนตัว (ผมขับกระบะ) ประมาณ 4-5 ชั่วโมง ขับสบายๆ ไม่เร็วมาก เพราะผมมันไม่ค่อยกลัวอะไร ชอบขับรถกลางคืนและผมเป็นคนห่ามๆ ชอบขับกลับบ้านคนเดียวด้วยในตอนนั้น ออกจากลำปางประมาณตี 1 มันจะมาถึงช่วงอำเภอเถินประมาณตี 2-3 เป็นแบบนี้อยู่บ่อยๆ
แล้วมีอยู่คืนหนึ่งบนเส้นทางตรงนั้น ผมไปเจอคนยืนโบกรถข้างทาง ตรงช่วงนั้นเป็นทางลงเนิน ผมเห็นมาแต่ไกลเพราะเปิดไฟสูง ถนนไม่มีรถวิ่งสวนเลยครับเงียบมากเลยเปิดไฟสูงมาตลอดทาง ผมเห็นเป็นลักษณะคนแต่งตัวเสื้อผ้ารุ่มร่าม ในใจผมคิดว่าน่าจะเป็นคนบ้า อะไรประมาณนั้น มายืนโบกรถเล่นเวลานี้
แต่พอขับเข้ามาใกล้ๆ เริ่มเห็นชัดว่าผมยาวกระเซิงปิดใบหน้าหมด เดาว่าเป็นผู้หญิง เสื้อผ้าสีขาวขุ่นๆ สกปรกๆ ตรงจุดที่เขายืนโบกรถมันจะมีศาลารอรถข้างทาง ตรงนั้นมีไฟถนนพอเห็นสลัวๆ ผมขับชิดซ้ายเลยพอรถผมมาใกล้ๆ ผมต๊อบไฟกะพริบใส่เขาให้เขารู้ตัว เพราะผมกลัวว่าเขาจะวิ่งมาตัดหน้ารถผม ในตอนนั้นผมลดความเร็วลงมาประมาณ 60 เพราะอยากชะลอดูให้แน่ใจว่าคนหรือเปล่า
แต่พอเข้ามาใกล้ๆ สักประมาณ 100 เมตร ผมนี่ขนลุกสุดตัวเลยครับ เพราะสิ่งที่ผมสังเกตเห็นคือ ผู้หญิงที่แต่งตัวเสื้อผ้ารุ่มร่ามสกปรกๆ ผมยาวรุงรังคนนั้น เขาตัวสูงมาก สูงถึงหลังคาศาลารอรถเลย ในขณะที่แขนของเขาที่กำลังโบกรถผมอยู่ ผมสังเกตว่ามันยาวมากๆ เกือบถึงเส้นปะกลางถนน ผิวขาวซีด โบกแขนขึ้นลงแบบแข็งๆ ทื่อๆ ประกอบกับตอนนั้นเป็นเวลาตี 3 แบบนี้คงไม่ใช่แล้ว!
ใจผมหวิวมากในตอนนั้น แต่เนื่องจากผมเป็นคนเดินทางบ่อย (ตอนนั้นทำงานเซลล์) เลยจะเจอเรื่องแปลกๆ บนท้องถนนอยู่บ่อยครั้ง ตาแจ้งเลยครับทีนี้ ไม่ใช่คนแน่ๆ ผมเลยตบออกขวาสุดแล้วเหยียบคันเร่งรถเต็มที่ด้วยใจเต้นระรัว แต่ยังไม่วายจะมองที่กระจกหลัง แต่กลับกลายเป็นว่า เธอออกมายืนกลางถนนแล้วหันหน้ามองตามรถผมมา แต่ตอนนั้นรถกระบะผมวิ่งออกมาได้ไกลแล้ว เล่นเอาหัวใจแทบหยุดเต้นเลยครับ จะหาปั้มแจ้งๆ จอดพักสงบสติอารมณ์ในตอนนั้นก็ไม่มีเลย สุดท้ายเลยค่อยๆ วิ่งกลับมาจนถึงนครสวรรค์ในตอนเช้าโดยสวัสดิภาพ
เรื่องแปลกๆ ลี้ลับๆ บนเส้นทางสายเปลี่ยวยังมีอีกเยอะครับ ไว้วันหลังมีเวลาจะมาเล่าให้ฟังอีก
เรื่อง เฮาไปอยู่ตวยกั๋น!
สวัสดีครับทุกท่าน ผมมีเรื่องหลอนๆ ที่เจอเมื่อคืนมาเล่าสู่กันฟัง
คือผมกับแฟนได้เดินทางมาเชียงใหม่กันครับ เพิ่งมาถึงเมื่อคืนนี้ตอนประมาณตีห้ากว่าๆ ช่วงประมาณตีสองระหว่างขับรถอยู่แถวจังหวัดลำพูน ผมเจอผู้หญิงอุ้มเด็กเดินอยู่ข้างถนน ข้างทางมืดมากครับตอนนั้น ผมสงสัยเลยจอดรถถามตอนนั้นแฟนผมหลับอยู่ในรถ
ผมจอดรถแฟนผมก็สะดุ้งตื่นมาดูว่าผมจอดรถทำไม ผมลดกระจกแล้วถามหญิงที่เดินอุ้มลูกอยู่ว่าจะไปไหน เค้าพูดเป็นภาษาเหนือจับใจความว่ากำลังจะเดินทางไปเชียงใหม่ แต่ระหว่างทางรถทัวร์ที่เค้านั่งมาไล่เค้าลงระหว่างทาง ผมก็เลยบอกว่านั้นติดรถผมไปก็ได้ ไปทางเดียวกัน แล้วค่อยไปต่อรถกลับบ้านเอาที่ตัวเมืองเชียงใหม่นะ
แต่พอผมบอกให้ขึ้นรถมาแฟนผมกับสะกิดผม เธอๆ ไม่เอานะ ไม่ให้ขึ้น (รถผมเป็นกระบะสี่ประตู) ผมก็บอกกับแฟนเบาะหลังก็นั่งได้ไม่เห็นเป็นไรเลย แต่แฟนผมก็ไม่ยอม โวยวายใหญ่เลย ไม่เอา ไม่เอา ไม่ให้ขึ้น ไปเลยไม่ต้องรับ ไปเถอะๆ ไม่ต้องไปสนใจ
ผมก็งง อะไรอ่ะ แค่รับคนติดรถไปด้วยทำไมต้องโวยวายเยอะแยะ ผมเลยให้ผู้หญิงที่อุ้มลูกขึ้นนั่งท้ายกระบะ เธอก็ปีนขึ้นท้ายกระบะแล้วนั่งลงตามปกติ ระหว่างทางแฟนผมไม่รู้เป็นอะไร เอาหมอนปิดหน้าแล้วร้องไห้ ผมคิดว่าคงโกรธผมแน่ๆ เลย ระหว่างทางเราเลยไม่ได้คุยกัน
ช่วงประมาณตีสาม ผมมาถึงตรงเส้นคลองชลประทาน ขาเข้าเมืองเชียงใหม่ บ้านป่าจี้ อยู่ดีๆ รถผมก็ส่ายไปส่ายมา ผมก็พยายามบังคับรถให้ตรง แฟนผมร้องไห้หนักกว่าเดิม
บอกแล้วไม่ให้รับมาด้วย!
ผมตกใจมากหันไปดูท้ายกระบะ เห็นผู้หญิงที่ผมรับมาด้วยเอาปากคาบเด็กไว้แล้วก็นั่งยองๆ ที่ฝาปิดกระบะ โยกตัวไปมาตาจองมาที่ผม เอาแล้วไงเจอดีแล้ว!
ช่วงทางตรงนั้นเป็นโค้งครับ ผมคิดว่ายังไงรถต้องหลุดโค้งแน่เลย เพราะมาด้วยความเร็ว ผมเหยียบเบรครถก็ไม่ยอมหยุด พลันได้ยินเสียงมาจากท้ายรถ
เฮาไปอยู่ตวยกั๋น เฮาไปอยู่ตวยกั๋นบ๋อ
ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกเลยครับ แฟนก็เอาแต่ร้องไห้ ผมเลยนึกถึงพ่อแม่ช่วยลูกด้วย นึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผมเคารพ เสียงกรีดร้องยาวๆ ดังมาจากท้ายรถ
กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!
สักพักรถผมก็ค่อยๆ ชะลอความเร็ว แล้วผมลองเบรคย้ำๆ ให้รถหยุด รถก็ค่อยๆ หยุดจนหยุดสนิท
ผมมองไปหน้ารถ ข้างหน้าเป็นขอบถนนแล้วครับ อีกประมาณฟุตนึงรถผมตกลงไปแน่นอน ผมหันไปดูท้ายรถไม่มีหญิงสาวนั้นแล้ว หันไปถามแฟนเป็นอะไรไหมแฟนผมบอกเค้ากลัว ร้องไห้ไม่หยุดเลย ผมก็รวบรวมสติแล้วก็ขับรถมาถึงที่พักที่เราได้จองไว้ในตัวเมืองเชียงใหม่
เมื่อครู่ผมเลยนั่งคุยกับแฟน แฟนผมบอกกับผมว่าเค้าเห็นตั้งแต่แรกแล้ว ว่าผู้หญิงคนที่รับมาด้วยเมื่อคืนใส่ชุดคนเหนือโบราณ เสื้อผ้าขาดๆ เก่าๆ ที่อุ้มอยู่เป็นท่อนไม้ หน้าขาวๆ แต่มีเหมือนเลือดไหลที่ตา เธอเห็นแบบนั้น แต่เธอไม่กล้าบอกผม กลัวผมกลัว
เรื่องราวทั้งหมดก็มีเท่านี้ละครับ ส่วนเธอคนนั้นเป็นใครผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ถ้าใครผ่านไปทางเส้นชล คลองชลประทาน ขาเข้าเมืองเชียงใหม่ บ้านป่าจี้ ต.แม่เหียะ (ผมดูตาม GPS ) เห็นรอยเบรครถยาวๆ นั่นรอยรถผมเองครับ
เรื่อง แม่ระมาด
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อหลายปีก่อน เพื่อนเรากับแฟนของเค้าพากันขับรถขึ้นเขา เพื่อไปทำธุระที่อำเภอแม่ระมาด แล้วกว่าจะทำธุระเสร็จก็ปาไปเกือบสองทุ่มได้ ขากลับจะขับรถเร็วก็ไม่ได้เพราะมันเป็นทางขึ้นเขาลงเขา โค้งก็เยอะ ไหนจะไฟข้างทางก็ไม่มี รอบด้านมีแต่ป่าแต่เขา หมู่บ้านชาวเขาก็อยู่ห่างๆ กันซะส่วนใหญ่
พอขับรถมาถึงช่วงกลางเขาก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มกว่าๆ แล้ว พอขับรถมาถึงทางโค้งก็มีแสงไฟส่องมาจากด้านหลังรถ เลยคิดว่าคงเป็นรถที่ตามมา เลยคิดว่าอย่างน้อยก็มีเพื่อนร่วมทาง แต่ชั่วพริบตา รถคันที่ตามมากลับแซงหน้าไป แล้วก็พุ่งลงข้างทางที่เป็นเหวลึก! ตอนนั้นทั้งสองตกใจมาก แฟนเลยรีบจอดรถเข้าข้างทาง ส่วนเพื่อนเรารีบโทรศัพท์แจ้ง 191 แต่แถวนั้นไม่มีสัญญาน เลยใช้ไฟฉายที่ติดมากับรถ รีบวิ่งไปดูตรงที่รถคันนั้นตกลงไป พอไปถึงก็ส่องไฟลงไปตรงเหว เห็นเป็นรอยรถรูดเป็นทางยาว กิ่งไม้ต้นกล้วยราบเป็นแถบ ถ้ารถตกลงไปอย่างน้อยต้องมีแสงไฟจากรถบ้าง แต่นี่ทุกอย่างมืดสนิท
แล้วอยู่ๆ ก็เห็นเหมือนมีคนคลานไต่ขึ้นมา เพื่อนเราบอกว่าตอนนั้นไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าหน้าผาสูงชันพอสมควร ถึงจะมีต้นไม้อยู่ แต่รถตกลงไปขนาดนั้นคนที่อยู่ในรถจะสามารถคลานกลับขึ้นมาได้ จะเป็นคนแน่หรือ?
ขณะที่ทั้งสองส่องไฟดูอยู่นั้น สิ่งนั้นก็พุ่งขึ้นมาอย่างไว ชนิดที่ว่าแหวกต้นกล้วยต้นหญ้าที่ล้มระแนระนาดขึ้นมาหาพวกเขาทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นเพื่อนบอกว่าตกใจกลัวจนก้าวขาไม่ออก ดีที่แฟนเขาได้สติก่อน เลยกระชากแขนเพื่อนวิ่งไปที่รถ แล้วขับออกไปอย่างไว
จากนั้นเพื่อนเราก็มองไปที่กระจกมองหลัง ปรากฏว่าเห็นเป็นคน แต่ลักษณะคือ ใช้แขนคลานอย่างไว ลากส่วนลำตัวช่วงล่าง หนังหัวเปิดออก คลานตามรถมา เป็นภาพที่สยดสยองมาก เพื่อนเรานี่ดึงพระจากหน้ารถมาอุ้มไว้ในอกเลย ดีที่แฟนเขายังมีสติ พอประคองรถไปได้ ไม่ตกลงข้างทาง ตอนนั้นนางกลั้นใจมองไปที่กระจกอีกที แต่สิ่งนั้นก็หายไปแล้ว เพื่อนเรานั่งอุ้มพระมาจนถึงบ้าน พอตอนเช้ามาจับไข้เลย ต้องไปทำบุญรดน้ำมนต์ที่วัดเป็นการใหญ่
ตั้งแต่นั้นมา ถ้าไม่จำเป็นนางจะไม่ยอมกลับค่ำมืดอีกเลย จนถึงตอนนี้เพื่อนเรายังสงสัยอยู่ว่า ทำไมเขาต้องมาให้เราเห็นด้วย ถ้าวันนั้นแฟนไม่ดึงแขนวิ่ง นางจะเป็นยังไง ทางเส้นนั้นแต่ก่อนเราก็ไปบ่อย ไปส่งของกับแฟน บางจุดยังเห็นรอยรถตกเขาใหม่ๆ เลย ลานดินกว้างๆ ริมถนนบางที่ก็เป็นป่าช้าของแม้ว เห็นเป็นหลุมศพฝังใหม่ๆ ก็มี ยิ่งตอนกลางคืนนี่ต่อให้ปวดเยี่ยวแค่ไหนก็จะทนไปเข้าปั้มแทนให้ได้ ไม่เสี่ยงที่จะลงไปแน่นอน
ขอขอบคุณที่มา:
ศาลาริมทางตอนตีสาม

เฮาไปอยู่ตวยกั๋น
แม่ระมาด

กดแชร์บทความ