เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่จังหวัดลำพูนเมื่อประมาณสี่ปีที่ผ่านมา คุณต้นทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด แล้วได้ไปรู้จักกับพวกรุ่นพี่ที่เป็นคนต่างจังหวัด มาทำงานอยู่ในแผนกเดียวกัน

ทุกคนตกลงกันว่าจะไปตกปลาที่อ่างเก็บน้ำแห่งหนึ่ง หลังจากเลิกงานก็ได้ไปซื้อของเตรียมไว้ ตอนเช้าก็ออกเดินทาง ไปด้วยกันทั้งหมดสี่คน รุ่นพี่สามคนชื่อ คุณอ้อย คุณโหน่ง และคุณพล พอไปถึงที่อ่างเก็บน้ำก็ได้เข้าไปถามเจ้าหน้าที่ว่าสามารถค้างคืนได้ไหม เจ้าหน้าที่ก็ตอบว่า

ค้างไม่ได้ครับ เพราะว่ากลางคืนมันอันตราย เจ้าหน้าที่มีไม่เยอะ

คุณต้นและรุ่นพี่ก็เดินกันเข้าไปในอ่างเก็บน้ำ จนไปถึงที่โล่งๆ ไว้สำหรับให้คนตกปลา ช่วงนั้นก็จะมีคนอยู่เยอะพอสมควร แต่คุณต้นกับรุ่นพี่ก็ตั้งใจไว้ว่าจะค้างอยู่ที่นี่หนึ่งคืนอยู่แล้ว ก็เลยเดินลึกกันเข้าไปในป่า จนไปเจอตลิ่งเล็กๆ เป็นพื้นที่โล่งๆ ด้านหลังเป็นป่าทึบ เลยออกไปอีกหน่อยมีเรือเก่าๆ ลอยอยู่ในน้ำข้างขอบตลิ่ง ทั้งหมดจึงเลือกที่จะปักหลักอยู่แถวๆ บริเวณนี้

คุณต้นกับรุ่นพี่นั่งตกปลาไปจนถึงช่วงหัวค่ำ ก็ได้ทานข้าวกันปกติ จนเวลาประมาณตีหนึ่ง คุณอ้อยเกิดปวดปัสสาวะ จึงเดินเข้าไปในป่า หายไปประมาณห้านาที ทุกคนก็ได้ยินเสียงคุณอ้อยกรี๊ด!

คุณโหน่งจึงรีบวิ่งเข้าไปดู แล้วสักพักก็กลับออกมาพร้อมกับคุณอ้อย คุณอ้อยบอกว่ามีคนแอบดูอยู่ตรงต้นไม้ข้างๆ ตลิ่ง บริเวณใกล้ๆ เรือลำนั้น ทุกคนจึงได้ส่องไฟฉายเข้าไปดู แล้วตะโกนออกไปว่า ใครอยู่ตรงนั้น!

ไม่มีเสียงตอบกลับมา จึงตะโกนออกไปอีกรอบ ใครอยู่ตรงนั้น! แล้วทุกคนก็ได้ยินเสียงเหมือนคนวิ่งฝ่าดงหญ้าเข้าไปในป่า ทุกคนตกใจมากจึงส่องไฟให้สว่างไปทั่วบริเวณ

จนเวลาผ่านไปสักพัก พอเห็นว่าไม่มีสิ่งไหนขยับเขยื้อน คุณต้นกับคุณพลจึงลองเดินเข้าไปดู แต่ก็ไม่เจออะไรจึงเดินกลับออกมา ทุกคนก็ไม่ได้คิดอะไรจึงนั่งตกปลากันต่อ แล้วคุณต้นก็สังเกตเห็นเรือเก่าๆ มันลอยออกไปจากข้างๆ ตลิ่งทั้งๆ ที่ไม่มีลมพัด ทุกคนจึงนั่งมองแล้วต่างก็แปลกใจ คุณโหน่งจึงกระโดดลงไปในน้ำแล้วลากเรือกลับเข้าตลิ่ง เพราะมันจะเกะกะตอนตกปลา

แต่หลังจากผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมง เรือลำนั้นก็ลอยออกมาอีก ทุกคนเริ่มเอะใจ คุนต้นก็เริ่มคิดว่ามันจะมีอะไรหรือป่าว เพราะคุณอ้อยก็บอกว่าเห็นคนอยู่แถวๆ นั้น ทุกคนจึงช่วยกันสอดส่องดูว่ามีสิ่งผิดปกติอะไรหรือเปล่า

เรือนั้นก็ค่อยๆ ลอยออกไปไกลจากตลิ่งเรื่อยๆ จนพ้นเงาของต้นไม้ใหญ่ แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาที่เรือ เห็นเป็นลักษณะเงาดำๆ ของคนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่บนหัวเรือเก่าๆ ลำนั้น ทุกคนต่างตกตะลึงและเงียบกริบ มองไปยังเรือลำนั้นกันเป็นตาเดียว

คุณต้นเพ่งมองฝ่าความมืดเข้าไปก็เห็นเงานั้นเคลื่อนไหว เอนตัวไปมาอยู่บนเรือก็รู้สึกขนลุกเย็นวาบไปทั้งตัว จึงส่องไฟไปดูอีกครั้ง แล้วตะโกนถามออกไปว่า

ใครอยู่ตรงนั้นครับ!

แสงไฟจากไฟฉายส่องไปกระทบกับเรือ เห็นเป็นเรือไม้เก่าๆ ดำๆ กลับมองไม่เห็นคนที่ยืนอยู่บนเรือ แต่ยังคงเห็นเป็นลักษณะเงาดำๆ ใหญ่ๆ โยกไหวตัวไปมาช้าๆ

คุณอ้อยคลานหนีเข้าไปในเต็นท์ คุณโหน่งกับคุณพลจึงลุกขึ้นมาช่วยกันส่องไฟฉายไปที่เรือ แล้วอยู่ๆ เงาดำที่อยู่บนเรือก็หายไป แล้วเรือก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ ทุกคนช่วยกันส่องดูบนผืนน้ำรอบๆ บริเวณ เพราะกลัวว่าคนที่อยู่บนเรือจะกระโดดลงน้ำ แต่ก็ไม่เห็นอะไร

คุณโหน่งจึงใช้เบ็ดเหวี่ยงตะขอเข้าไปที่เรือเพื่อที่จะดึงเรือกลับเข้ามา เหวี่ยงไปประมาณสามรอบก็เกาะเรือได้ แต่เรือกลับลอยหนีออกไปอีกทาง คุณโหน่งพยายามดึงจนสายเอ็นหมดทั้งม้วน แต่ดูเหมือนจะดึงเอาไว้ไม่อยู่ เลยต้องตัดสายเอ็นทิ้ง

เรือลำนั้นก็ค่อยๆ ลอยห่างออกไปในความมืด คุณต้นฉายไปส่องไปดูอีกครั้ง ก็เห็นเงาของผู้ชายกลับมาอยู่บนเรือ แล้วยืนโยกตัวไปมา ทุกคนต่างไม่พูดอะไรกัน ช่วยกันเก็บของแล้วเข้าเต็นท์นอนทันที

คืนนั้นเป็นคืนที่เงียบมาก จนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแหวกน้ำเข้ามาใกล้ๆ กับตลิ่งตรงจุดที่กางเต็นท์อยู่ แต่ทุกคนก็ไม่กล้าออกไปดู และต้องรอจนรุ่งเช้าถึงจะกลับออกไปได้ เพราะเจ้าหน้าที่จะปิดประตูอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ในตอนกลางคืน

รุ่งเช้าคุณต้นและรุ่นพี่ก็กลับออกมา และได้ไปคุยกับแม่ค้าแถวๆ หน้าอ่างเก็บน้ำ แม่ค้าบอกว่า จะไปนอนทำไม ไม่มีใครเข้าไปแถวนั้นหรอก แต่ก่อนมันจะมีหมู่บ้านอยู่หมู่บ้านนึง ประมาณสิบหลังคาเรือนได้มั้ง แต่ตอนนี้มันร้างไปแล้ว อยู่ลึกเข้าไปจากตรงนั้นอีก มันไม่มีถนนตัดผ่าน ถ้าจะไปต้องใช้เรือ

คุณต้นและทุกคนจึงได้รู้ว่า เรือเก่าๆ ลำนั้น มันพยายามจะลอยไปทางหมู่บ้านร้าง คุณต้นจึงถามถึงประวัติของหมู่บ้านร้างที่นั่น แต่แม่ค้าก็ตอบกลับมาว่า ป้าพูดมากไม่ได้ และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด

ขอขอบคุณที่มา: พันทิปดอทคอม

ติดตามอ่านเรื่องสยองขวัญต่อได้ที่ คลังสยอง

กดแชร์บทความ