ประสบการณ์ของคุณนัท เรื่องมันมีอยู่ว่า
สมัยที่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยแล้วต้องไปฝึกงานตามโรงแรม ก็ยกแก๊งกันไปฝึกงานที่ภูเก็ต แล้วก็ไปอาศัยนอนตามบ้านว่างๆ ของคนที่เพื่อนรู้จัก เค้าไม่คิดค่าเช่าเลย คิดแต่ค่าน้ำค่าไฟ สิ่งที่แปลกก็คือบ้านหลังนี้เป็นหลังเดียวในหมู่บ้านที่ไม่มีศาลพระภูมิ แต่เพื่อนๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก มีแต่คุณนัทที่รู้สึกไม่ค่อยดีอยู่คนเดียว ก็เลยชวนเพื่อนจุดธูปไหว้เจ้าที่กัน ผ่านไปเดือนนึงก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ มีแค่ความรู้สึกเหมือนโดนจ้องอยู่ตลอดเวลาของคุณนัทเพียงคนเดียว
วันหนึ่งทั้งแก๊งก็ยกพวกไปเที่ยวกันในตัวเมือง แต่พอขากลับเพื่อนคุณนัทเป็นคนขับ พอขับมาจะถึงบ้านแทนที่จะจอดรถกลับขับเลยตัวบ้านไปเลย คุณนัทก็สงสัยว่าจะขับเลยบ้านทำไม ลืมบ้านตัวเองเหรอ เพื่อนก็ถามกลับว่าเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวๆ นั่งหน้าบ้านไหม ซึ่งคุณนัทก็ไม่เห็นว่ามีใครเลย พอขับวนกลับมาดูอีกรอบคุณนัทก็ลงไปดูเองกับตา ก็ไม่เห็นมีใคร เพื่อนก็เลยขับเข้ามาจอดตามปกติ ขณะที่ทุกคนลงจากรถเตรียมจะเข้าบ้านนั้นเอง หมวกกันน็อคที่วางคว่ำไว้อยู่แถวนั้น อยู่ดีๆ ก็หงายขึ้นมาเองเฉยๆ ทั้งที่ไม่มีลมหรืออะไรไปสัมผัสเลย ทุกคนตกใจก็รีบวิ่งเข้าบ้านกันหมด
คืนนั้นระหว่างที่นอนๆ อยู่ คุณนัทก็ฝันว่าลงไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แล้วมานั่งกินตรงห้องนั่งเล่น กินเสร็จก็จะมานอน ตอนนั้นเองก็เห็นผู้หญิงคนนึงใส่ชุดคนไข้ของโรงพยาบาล ผมยาวปิดหน้า มายืนชี้หน้าบอกว่าพวกมึงเก็บให้หมดเลยนะ เดี๋ยวนี้เลย!’ แล้วคุณนัทก็ตื่น
พอตื่นมาก็เห็นว่าบ้านตัวเองนั้นรกมากเพราะอยู่กันตามประสาชายหนุ่ม เลยเข้าใจว่าเค้าคงมาบอกให้เก็บบ้าน แต่เพื่อนที่อยู่ข้างๆ นั้นก็ตื่นอยู่เหมือนกันแล้วก็งงว่าคุณนัทเป็นอะไร เพราะคุณนัทนอนๆ อยู่แล้วก็พูดว่าพวกมึงเก็บให้หมดเลยนะ แต่เสียงที่ออกมานั้นเป็นเสียงผู้หญิง ไม่ใช่เสียงคุณนัท!
หลังจากเหตุการณ์นี้ทุกคนก็เริ่มกลัวๆ กัน แต่คุณนัทก็บอกว่าไม่มีอะไรมากหรอก ก็เราทำบุญจุดธูปไหว้ไปแล้วนี่ ทั้งที่ในใจคุณนัทเองก็ยังหวั่นๆ นั่นแหละ
วันหนึ่งเพื่อนๆ ก็แยกย้ายกันไปเที่ยวแล้วไปนอนตามบ้านสาวบ้าง บ้านเพื่อนบ้าง เหลือคนนอนที่บ้านหลังนี้แค่สี่คน คุณนัทก็เหมือนจะฝันอีก แต่อารมณ์เหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น เห็นเป็นผู้หญิงคนเดิมมายืนชี้หน้าด่า แต่คราวนี้ไม่รู้ว่าด่าอะไร ฟังไม่ออก แล้วเธอก็ปิดประตู แล้วประตูเปิดออกอีกครั้งหนึ่งแต่ไม่มีใครยืนอยู่
ถึงจะไม่มีใครยืนอยู่ก็จริง แต่กลับกลายเป็นผู้หญิงคนเดิมตัวเปียกๆ ค่อยๆ คลานเข้ามาหาคุณนัทซึ่งนอนอยู่บนเตียง น้ำก็หยดมาเป็นทางเรื่อยๆ แล้วก็หายไปตรงปลายเตียง จากนั้นเธอก็คลานขึ้นมาบนเตียง ค่อยๆ ไต่ขึ้นมาบนตัวคุณนัท จากขา มาเอว จนกระทั่งเอามือกดที่ไหล่คุณนัทไว้
ตอนนั้นผมของเธอปิดหน้าอยู่ แล้วเธอก็เอามือเสยผมตัวเองขึ้นช้าๆ คุณนัทเห็นเต็มตา ว่าดวงตาคู่นั้นมีแต่ตาขาว ใบหน้าเขียวช้ำ แล้วเธอก็ฉีกยิ้มให้ ปากฉีกกว้างจนเกือบถึงหู ฟันก็ไม่เหมือนคน ลักษณะเป็นหยักๆ เหมือนฟันปลา
คุณนัทตกใจสุดขีด นึกถึงพ่อถึงแม่ถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ด้วยอำนาจของอะไรบางอย่าง คุณนัทก็สลัดตัวหลุดจากภวังค์ได้ เธอคนนั้นไม่อยู่แล้ว เพื่อนก็ไม่ได้นอนอยู่ข้างๆ เช่นกัน แต่เพื่อนทุกคนไปยืนกองกันอยู่ที่มุมห้อง แล้วถามกลับมาเสียงสั่นว่า มะมึงเป็นอะไรวะ!
คุณนัทก็งง จังหวะกำลังตกใจอยู่ก็อยากให้เพื่อนมาอยู่ใกล้ๆ แต่เพื่อนดันไปอยู่ซะห่างแล้วถามอะไรแปลกๆ อีก พอเคลียร์กันเสร็จ เพื่อนมั่นใจว่าคุณนัทไม่ได้เป็นอะไรแน่แล้ว ก็เลยเล่าให้ฟังว่า ตอนคุณนัทนอนๆ อยู่ จู่ๆ ก็ตะโกนออกมาเป็นเสียงผู้หญิง แต่พูดภาษาอะไรไม่รู้ ที่แน่ๆ ไม่ใช่ภาษาไทย เพื่อนๆ ก็เลยพากันกลัว
ตอนนั้นเป็นเวลาใกล้จะฟ้าสางพอดี คุณนัทก็มาสังเกตสภาพรอบๆ ตัว ปรากฏว่ามีรอยน้ำลากยาวมาจากหน้าประตู ยาวมาจนถึงเตียงคุณนัท ผ้าห่มและที่นอนก็เต็มไปด้วยน้ำ และที่น่าตกใจไปกว่านั้น บริเวณหัวไหล่ทั้งสองข้างของคุณนัทก็มีรอยช้ำเป็นรอยคล้ายมือคนบีบ คุณนัทจึงมั่นใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้องไม่ใช่แค่ความฝันแล้วแน่ๆ
หลังจากนั้นไม่นานคุณนัทก็ฝึกงานเสร็จ พอดีกับตอนที่เอาค่าน้ำค่าไฟงวดสุดท้ายไปจ่ายให้กับเจ้าของบ้าน เลยสบโอกาสถามว่าบ้านหลังนี้มีอะไรหรือเปล่า ทีแรกเจ้าของบ้านก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมบอก แต่สุดท้ายก็ยอมพูดให้ฟังว่า ลูกสาวเจ้าของบ้านคนแรกเขาป่วยแล้วเสียชีวิตบนเตียงในห้องที่คุณนัทนอน แล้วเหตุผลที่บ้านไม่มีศาลพระภูมิ ก็เพราะพอจะตั้งศาลทีไร ก็จะมีเหตุการณ์ให้ศาลต้องล้มต้องพังตลอดนั่นเอง

กดแชร์บทความ