เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นประสบการณ์ตรงของผู้เล่า หากแต่ได้รับการถ่ายทอดมาจากรุ่นพี่ที่สนิทกันคนหนึ่ง เธอชื่อว่า พี่แอน
พี่แอนเป็นคนจังหวัดอุบลราชธานีโดยกำเนิด แต่ว่าย้ายไปทำงานที่จังหวัดเชียงใหม่ ขณะนั้นพี่แอนได้หางานทำแถวหนองหอย ซึ่งหนองหอยเป็นสถานที่ชุมชนใกล้ๆ กับอำเภอหางดง
จนกระทั่งพี่แอนได้งานทำที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และรู้จักกับรุ่นน้องอีกคนหนึ่งซึ่งรุ่นน้องคนนี้ก็ชวนพี่แอนไปอยู่หอด้วยกัน พี่แอนก็ตกลงไปอยู่ห้องกับน้องเพราะว่าพี่แอนก็กำลังหาที่อยู่ที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานที่ทำงานอยู่พอดี การทำงานของพี่แอนก็ผ่านไปอย่างราบรื่นและเป็นปกติดี จนอยู่มาวันหนึ่งเรื่องราวแปลกๆ ก็ได้เริ่มเกิดขึ้น
เช้าวันหนึ่งพี่แอนก็ตื่นเช้าขึ้นมาเพื่อจะไปทำงานตามปกติ เพียงแต่ว่าวันนั้นเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ปวดมากจนทำงานไม่ไหวจนต้องขอเจ้าของร้านกลับมาที่หอก่อน จนตกตอนค่ำอาการปวดหัวก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาลง จนพี่แอนต้องไปโรงพยาบาล แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ พอก้าวย่างเข้าเขตโรงพยาบาลอาการปวดหัวก็หายไปอย่างปลิดทิ้ง คุณหมอจึงได้สั่งจ่ายมาแค่ยาแก้ปวดธรรมดาๆ เท่านั้น แต่พอกลับมาถึงหอพักอาการปวดหัวดังกล่าวก็กลับมาอีกครั้ง พี่แอนจึงทานยาที่คุณหมอให้มาและฝืนตัวเองให้หลับไป
แต่มีเรื่องที่น่าแปลกของน้องคนนี้อยู่อย่างหนึ่งที่พี่แอนสังเกตได้คือ คนเราเวลาอยู่ห้องเดียวกัน อาศัยอยู่ชายคาเดียวกัน เป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีการใช้สิ่งของร่วมกันบ้าง แต่รุ่นน้องคนนี้เขาจะแยกของใช้ส่วนตัวทุกอย่าง หรือแม้แต่กระทั่งกินข้าวก็ไม่เคยมากินด้วยกัน แยกกันใช้กับที่แอนมาอยู่ตลอดไม่ว่าจะอะไรก็ตาม
วันเวลาผ่านไป สุขภาพร่างกายของพี่แอนก็แย่ลงเรื่อยๆ สภาพโทรมมากเหมือนคนที่อดหลับอดนอนมาหลายคืน แต่ว่าพี่แอนก็ฝืนสังขารและยังคงไปทำงานตามปกติ จนเพื่อนๆ ที่ทำงานทักกันเป็นแถวๆ ว่าไปทำอะไรมา ทำไมถึงโทรมขนาดนี้
มีอยู่คืนหนึ่ง คืนนั้นพี่แอนก็นอนหลับตามปกติ แต่ว่าคืนนั้นพี่แอนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเวลาประมาณตีสองเศษๆ พอลืมตาตื่นขึ้นก็เห็นรุ่นน้องคนนั้น คนที่อยู่ร่วมห้องเดียวกันเขายังไม่หลับ แถมยังนั่งอยู่บนเตียงและจ้องหน้าพี่แอนอีกและก็ยังพูดพึมพำเป็นภาษาแปลกๆ จับใจความไม่ได้ แต่ไม่ใช่ภาษาไทยแน่ๆ พี่แอนรู้สึกกลัวมาก จึงพูดออกไปดังๆ ว่า
อะไร! อะไร! อะไร!
ซึ่งเหมือนน้องคนนั้นเขาจะรู้สึกตัวและบอกพี่แอนว่าไม่มีอะไร แล้วก็ล้มตัวลงนอน แต่ว่าสิ่งที่พี่แอนสังเกตเห็นได้ก็คือ รุ่นน้องคนนั้นเขาเอามือเช็ดปาก เช็ดเหมือนแบบว่าเราอยากจะกินอะไรสักอย่าง (คุณผู้อ่านคงพอจะนึกภาพออกนะครับ) พี่แอนเห็นเข้าแบบนั้นก็ยิ่งกลัว นึกในใจว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นคงต้องวิ่งแน่ๆ แต่ดึกขนาดนี้แล้วจะไปไหนได้ ก็เลยพยายามข่มตานอนจนผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
หลังจากนั้นมา ช่วงเวลาประมาณตีสองของทุกคืน พี่แอนจะต้องรู้สึกตัวตื่นอยู่ตลอด แต่สิ่งที่แปลกก็คือไม่ว่าจะเข้านอนตอนกี่โมง ก่อนหน้าที่จะถึงเวลาตีสองพี่แอนจะรู้สึกว่าตัวเองหลับจนไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น จำความอะไรไม่ได้ทั้งนั้น และทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาก็จะเห็นรุ่นน้องคนนั้นตื่นอยู่ด้วยทุกครั้ง ลักษณะและอากัปกิริยาของรุ่นน้องนั้นเหมือนกับคนที่เพิ่งกลับมาจากการไปทำอะไรมาสักอย่าง แต่ว่าพี่แอนก็ยังทนอยู่ร่วมห้องกับรุ่นน้องคนนี้ต่อไป
มีอยู่วันหนึ่ง พี่แอนก็ไปทำงานที่ร้านตามปกติ ขณะทำงานอยู่ อยู่ดีๆ ก็เห็นเหมือนเงาดำๆ วูบเข้ามาหาตัวพี่เขาจนเป็นลมล้มลงไปเลย พอตื่นขึ้นมาเจ้าของร้านก็ได้ให้กลับบ้านไปพักผ่อน สภาพร่างกายในตอนนั้นดูแย่มากๆ
จนกระทั่งแฟนของพี่แอนมาเยี่ยมแล้วนึกสงสัยว่าต้องเกิดอะไรขึ้นสักอย่างแน่นอน จึงได้พาพี่แอนไปกราบพระอาจารย์ท่านหนึ่งที่อำเภอแม่แตง เมื่อได้เห็นหน้าพี่แอน คำแรกที่พระอาจารย์ท่านกล่าวขึ้นมาก็คือ
โยมไปอยู่ร่วมกับใครมา รู้หรือเปล่าว่าเขาถ่ายวิญญาณให้จนเกือบหมดแล้วนะ
พอพี่แอนได้ยินพระท่านพูดแบบนั้นก็ตกใจมาก และท่านยังบอกอีกว่ารุ่นน้องคนที่อยู่ด้วยกัน เขามีบางสิ่งบางอย่างอยู่ในตัวและต้องการจะถ่ายโอนให้กับผู้อื่น ลักษณะที่พระท่านกล่าวก็คือ รุ่นน้องคนนั้นกำลังหาตัวแทนต่อไป เขาค่อยๆ ถ่ายวิญญาณมาให้พี่แอนจนเกือบจะหมดแล้ว พระท่านจึงบอกพี่แอนว่าให้รีบๆ ย้ายออกมาเลย หลังจากนั้นพระอาจารย์ก็ไปทำพิธีให้ที่หอพักและพี่แอนก็เก็บข้าวของออกมาจากที่นั่นโดยไม่ได้สนใจรุ่นน้องคนนั้นอีกเลย
หลังจากที่พี่แอนย้ายออกมาอยู่ที่อำเภอแม่ริม แล้วค่อยๆ เริ่มหางานทำใหม่ ตอนนั้นสภาพร่างกายของพี่แอนก็ดีขึ้น ดีวันดีคืนจนเกือบจะกลับมาเป็นปกติแล้ว หลังจากได้งานใหม่ก็ไปทำงานตามปกติ
เรื่องมันเหมือนว่าจะจบแล้ว แต่ว่าไม่!
วันนั้นพี่แอนก็เดินไปทำงานตามปกติ ในขณะที่กำลังจะเดินผ่านบ้านของคนเก่าแก่แห่งหนึ่งในย่านนั้น ก็มีคนแก่เดินเข้ามาหาแล้วทักว่า เดินมากับใคร พี่แอนก็ตอบกลับไปว่า เดินมาคนเดียวค่ะ คนแก่คนนั้นก็บอกพี่แอนว่า มีคนเดินตามมาเต็มเลย หมั่นไปทำบุญเยอะๆ นะ
ตอนนั้นพี่แอนได้ยินก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะต้องรีบไปทำงาน แต่แล้วจู่ๆ อาการเดิมก็กำเริบขึ้นมาอีก นั่นก็คืออาการปวดหัวอย่างรุนแรงเหมือนตอนอยู่หอเก่า พอถึงที่ทำงานพี่แอนก็เดินตรงเข้าไปนั่งพักที่ห้องเก็บเครื่องดื่มน้ำอัดลม ซึ่งในขณะนั้นก็มีเพื่อนร่วมงานเดินเข้ามาคุยกับพี่แอนด้วย หลังจากคุยกันได้แค่ไม่กี่ประโยค เมื่อเพื่อนคนนั้นก้าวเท้าออกจากห้องนั้นไป ขวดน้ำอัดลมที่อยู่ในห้องนั้นก็เกิดระเบิดขึ้น ระเบิดขึ้นนับสิบขวด เศษแก้วจากขวดกระจัดกระจายจนไปบาดขาของพี่แอนเป็นแผลลึก จนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล
หลังจากเลิกงานวันนั้นพี่แอนก็กลับไปอยู่หอคนเดียว (เป็นหอใหม่ไม่ใช่หอเดิมนะครับ) พยายามข่มตาให้หลับเพื่อพักผ่อน แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ในขณะที่พี่แอนนอนอยู่ซึ่งมันไม่สามารถนอนหลับได้เลย เพราะเหมือนว่ามีคนเดินกระทืบเท้าแรงๆ อยู่รอบเตียง ในใจพี่แอนก็เริ่มกลัวจึงลุกขึ้นนั่ง แล้วเสียงนั้นก็เงียบไป พี่แอนคิดว่าคงไม่มีอะไรคงคิดมากไปเองก็เลยล้มตัวลงนอนต่อ แต่เพียงแค่หลับตาลงเท่านั้น เสียงกระทืบเท้าที่ว่านั่นก็กลับมาอีก
มีจังหวะหนึ่งที่พี่แอนลุกแล้วเดินกะเผลกเพื่อไปเข้าห้องน้ำ พอเปิดประตูห้องน้ำปุ๊บยังไม่ทันจะเดินเข้าไป อ่างล้างหน้าทั้งอ่างก็ตกลงมาแตก เพล้ง! น้ำไหลไม่หยุด ในขณะที่ภายในห้องก็มีเสียงกระทืบเท้า โทรทัศน์ ตู้เย็นที่อยู่ในห้องก็สั่นไปหมดเหมือนมีคนกำลังเขย่าอย่างแรง พี่แอนกลัวมากจนร้องไห้ มันเหมือนกับว่าผีตนนั้นพยายามทำทุกอย่างให้พี่แอนรู้ว่า ตอนนี้มันมาอยู่ด้วยแล้ว!
พี่แอนกลัวจนสั่นไปหมด รีบหยิบโทรศัพท์แล้วโทรหาแฟน ทั้งๆ ที่มีคลื่นแต่ก็โทรออกไม่ได้ โทรยังไงก็โทรไม่ติด พี่แอนจึงได้แต่นั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้น ชั่วอึดใจเดียวแฟนของพี่แอนก็โทรเข้ามา พี่แอนจึงได้บอกไปว่า
ไม่ไหวแล้ว! ไม่ไหวแล้ว! อยู่ไม่ไหวแล้ว!
แฟนของพี่แอนจึงรีบกลับมาที่ห้อง เมื่อแฟนของพี่แอนมาถึง ทุกอย่างก็เข้าสู่ภาวะปกติ น้ำหยุดไหล เสียงกระทืบที่เคยดังอยู่ก็เงียบหายไป
จนตอนเช้า แฟนของพี่แอนก็พาพี่แอนไปกราบพระที่อำเภอแม่แตงอีกครั้งหนึ่ง พระท่านก็ได้บอกว่า เขาไม่ยอมปล่อยไป พระท่านจึงได้มอบตะกรุดมาให้อันหนึ่ง เอาให้พี่แอนพกติดตัวไว้ เมื่อกลับมาถึงห้องทุกอย่างก็เป็นปกติ
จนเวลาล่วงเลยไปประมาณสามทุ่ม พี่แอนก็ปิดสวิตช์ไฟเตรียมตัวจะเข้านอน เวลาผ่านไปไม่กี่อึดใจ พี่แอนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องมาแต่ไกล แล้วก็เห็นร่างๆ หนึ่งวิ่งทะลุประตูห้องเข้ามา ร่างนั้นมีผมยาวรุงรังปิดหน้าปิดตา เป็นผู้หญิงใส่ผ้าถุง ผิวดำหมดทั้งตัว วิ่งร้องกรี้ดเข้ามาด้วยความเจ็บปวด เหมือนมันจะวิ่งเข้ามาหาพี่แอน แต่ร่างๆ นั้นในตอนนี้คล้ายกับว่ามันไม่สามารถเห็นพี่แอนที่อยู่ในห้องได้ พี่แอนตกใจกลัวสุดขีด ในมือกำตะกรุดของพระอาจารย์ไว้แน่น ร่างๆ นั้นวิ่งวนอยู่พักหนึ่งก่อนจะวิ่งทะลุประตูห้องกลับออกไป พี่แอนคิดว่าคงเป็นเพราะตะกรุดนี้ วิญญาณตนนั้นจึงไม่สามารถมองเห็นพี่แอนได้
หลังจากวันนั้นมา พี่แอนก็กลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเหมือนอย่างเช่นเคย อาการเจ็บป่วยก็ค่อยๆ ดีขึ้นจนหายเป็นปกติ
และมีอยู่วันหนึ่งพี่แอนก็ไปพบน้องคนนั้นเข้าโดยบังเอิญ หญิงสาวผู้ชักนำให้พี่แอนมาพบกับเรื่องราวสยองขวัญนี้ สภาพเธอตอนนั้นดูซูบโทรมมากๆ แล้วถ้าจะถามว่าพี่แอนได้เข้าไปหาเธอไหม คำตอบก็คือ ไม่! อยู่ให้ห่างเข้าไว้เป็นอันดีที่สุด และพี่แอนก็หวังว่าคงไม่มีคนที่โชคร้ายเหมือนอย่างเธอ คนที่ถูกถ่ายวิญญาณจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
ถอดความเรื่องเล่าโดย คลังสยอง จากเดอะช็อคสตอรี่เรื่อง ถ่ายวิญญาณ

กดแชร์บทความ