เรื่องนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าเขาแห่งหนึ่งในแถบภาคใต้ตอนบน เป็นเรื่องของผู้ใหญ่วัยกลางคน ทั้งหมด 5 คน ที่ตัดสินใจเดินป่าไปเพื่อถ่ายรูป พวกเขารักป่าจริงๆ
ชาย 5 คน เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างครบ ก็ออกเดินทางด้วยรถจิ๊บ 1 คัน พอไปถึงตีนเขา ก็จัดแจงฝากรถไว้กับบ้านคนรู้จักในระแวกนั้น หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าเดินขึ้นไปบนภูเขาเต็มกำลัง เพราะอยากจะไปให้ถึงจุดกางเต็นท์ไวๆ เพราะตรงนั้นกรมป่าไม้เขาถางป่าทิ้งไว้เพื่อเป็นจุดพัก
เดินมาเรื่อยๆ ก็ถ่ายรูปเก็บไปเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน จนทุกคนก็มาถึงจุดพักได้จริงๆ จังๆ สักที ก็ต่างพากันกางเต็นท์ให้เสร็จไวๆ เพราะว่ากลัวฝนฟ้าจะตกลงมา แล้วอุปกรณ์จำพวกอิเล็คทรอนิคต่างๆ จะพัง พอกางเต็นท์ปุ๊บ ก็ไปหาเศษไม้แห้งแถวๆ นั้นมาทำเป็นฟืนเพื่อก่อกองไฟ จะได้ต้มน้ำชงกาแฟกัน
แต่ในจังหวะที่คณะเดินทางคนนึง แกกำลังก้มหักกิ่งไม้ แกรู้สึกเหมือนหยดน้ำอะไรหล่นใส่หลังแก พอแกเงยหน้าไปดู ฝนเหรอ ไม่น่าใช่เมฆโปรงขนาดนี้ หรือเยี่ยวของแมลง แต่แกก็ไม่ได้สนใจอะไร เดินกลับไปพร้อมเศษไม้เล็กๆ และก็ก่อกองไฟเสร็จสรรพ
เวลาประมาณเย็นๆ ทุกคนมานั่งล้อมกองไฟ พร้อมคุยตามประสาเพื่อนๆ จนพอมืดค่ำ จู่ๆ ฝนดันตกลงมาเฉยเลย แถมตกแรงด้วย ทุกคนก็เลยรีบพากันเข้าไปในเต็นท์อย่างไว
หลังจากเข้าไปอยู่ในเต็นท์ ก็นั่งคุยกันต่อพร้อมหยิบกล้องมาดูภาพที่ถ่ายมาทั้งหมด แต่สักพักเพื่อนคนนึงที่นั่งอยู่ใกล้หน้าต่างของเต็นท์ เหมือนแกเหลือบไปเห็นอะไรสักอย่างในกองไฟที่กำลังจะดับเพราะสายฝน แกนั่งจ้องอยู่นาน แต่จู่ๆ แกก็ผงะถอยหลังออกมาอย่างไว
ตอนนั้นเพื่อนอีก 4 คน งงว่าเป็นอะไร แต่พี่แกก็ไม่ยอมพูดอะไร ได้แต่ส่ายหัว คือดูจากสีหน้าคงรู้แหละว่ามีอะไร เพื่อนอีกสี่คนเลยเลิกคุยกัน แล้วบอกว่านอนดีกว่า เหนื่อยแล้ว
พอแยกกันไปเอนหลังนอนได้สักพัก คือทุกคนนอนไม่หลับ เพราะคิดมากเรื่องเพื่อนที่ผงะมาเมื่อกี้ ก็ได้แต่นอนฟังเสียงฝนตกหนักอยู่อย่างนั้น
ล้าาาา ลาาาา ล้าาาา ลาาาา ล้าาาา ลาาาา
เสียงอะไรวะนั้น ทุกคนหันมามองหน้ากัน เหมือนจะถามว่ามึงได้ยินไหมเสียงนั่นไหมวะ? แต่กฏเหล็กของป่าเลยก็คือ เห็นอะไร ได้ยินอะไร อย่าทัก ก็ทำได้แค่พยักหน้าให้กันเล็กๆ แต่เพื่อนคนที่นั่งจ้องกองไฟในครั้งแรก พี่แกเอามืออุดหูไว้เลย คืออาการออกมาก สั่นงั๊กๆ นอนตัวงออยู่ ตอนนั้นทุกคนใจไม่ดีแล้ว เพราะเพื่อนเป็นหนักมาก
อย่างว่า เข้าป่าก็ต้องมีของบ้างแหละ มีหนึ่งในนั้นหยิบตะกรุดออกมา พร้อมพนมมือแล้วสวดอะไรสักอย่างงึมงำ แต่จู่ๆ มีเสียง ตุ๊บ! ทุกคนงง มันเหมือนเสียงอะไรหล่นโดนเต็นท์ เพื่อนคนนึงพูดว่าลูกเห็บหรือเปล่า แต่อีกคนก็สวนไป จะบ้าเหรอ! ภาคใต้มีลูกเห็บที่ไหน ไม่มีหรอก
ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ !
ผ้ายางเต็นท์ดังสนั่น ชัดเลย ไม่รู้อะไรถูกปาเข้ามาใส่เต็นท์ คนอื่นๆ ยังตั้งสติและรับมือได้ ส่วนคนที่อาการออกสุดนี้ร้องไห้เลย จนเพื่อนต้องเข้าไปปลอบ ส่วนคนที่เอาตะกรุดออกมาก็ยังสวดงึมงำๆ อยู่แบบนั้น ดูจริงจังมาก ฝนตก อากาศเย็น แต่เหงื่อแตกทั้งตัว จนมีคนนึงเดินไปที่หน้าต่างที่เป็นช่องมองเล็กๆ ของเต็นท์ พอมองออกไป แต่ไม่เห็นอะไรเลย เห็นแต่สีแดงๆ
คราวนี้แหละเต็นท์โยกไปโยกมา เหมือนหมุดกำลังจะหลุดออกมายังไงยังงั้นเลย จนคนที่มีตะกรุดแกลุกขึ้น แล้วเอาตะกรุดไปแขวนไว้กับคานเต็นท์ พลันก็มีเสียงร้อง กรี๊ดดดด! ดังขึ้นมา แล้วเต็นท์ก็หยุดไหวไปมาทันที ทุกอย่างเหมือนจะกลับสู่สภาวะปกติ เสียงอะไรต่างๆ นานาไม่มีแล้ว เหลือเพียงแค่เสียงสายฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสาย
เวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมงกับการทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่มองหน้ากันไปมาอยู่ในเต็นท์ ไม่มีสักหนึ่งคำพูดออกมาจาก 5 คนนั้น คือทุกคนไม่ได้คุยกันเลย ได้แต่พยักหน้าหรือส่งสัญญานด้วยมือ เวลาผ่านไปได้ไม่นาน คราวนี้เสียงคนลอยทะลุเต็นท์เข้ามาเลย รู้เลยว่าคนแน่นอน แต่ที่พูดออกมานั้นไม่ใช่ภาษาไทยแน่ๆ
ความกลัวกลับมาเยือนอีกรอบ แต่คราวนี้หนักกว่าเดิม จู่ๆ เหมือนอะไรสักอย่างใหญ่มากๆ กระแทกผ้าเต็นท์อย่างแรง จนตะกรุดหล่นลงมา สักพักเสียง ครูดดด! แคว๊กกกก! เหมือนมีใครเอาอะไรแหลมๆ มาข่วนที่ผ้าเต็นท์
ตอนนั้นทุกคนกลัวมาก แต่เจ้าของตะกรุดเหมือนจะหมดความอดทน แกไปเปิดกระเป๋าเหมือนหาอะไรสักอย่าง ส่วนเสียงครูดนั้นก็ยังดังอยู่เรื่อยๆ เหมือนมันจะข่วนไปรอบๆ เต็นท์เพื่อหาอะไรสักอย่าง
จนสักพักมันไปหยุดอยู่หน้าทางเข้า จึก! เล็บยาวมากทะลุซิบเต็นท์เข้ามา เหมือนมันกำลังจะใช้เล็บรูดซิบเต็นท์ลงมา ทุกคนตาค้าง เพราะภาพที่ปรากฏคือ ผู้หญิงหน้าผากขาวจั๊วะ ผมสีขาวและยาวมาก แต่ซิบรูดลงได้นิดหน่อยพอให้ได้เห็นครึ่งหน้า อีกนิดเดียวก็จะรูดลงมาพอให้ได้เห็นเต็มหน้าแล้ว แต่จู่ๆ พี่คนที่มีของแกชักมีดหมอออกมา แล้วแกพุ่งตัวไปแทงทะลุผ้าใบเต็นท์ออกไปเลย!
กรี๊ดดดดดดดด!!!
เสียงผู้หญิงชัดเจน ร้องดังลั่นป่าเลย คนอื่นนี้ช็อคแบบตาตั้งตาค้างกันเลย ทำอะไรกันไม่ถูก คงมีแค่พี่มีของคนนั้นแหละที่รับมือได้ดีที่สุด
แล้วเสียงผู้หญิงที่ร้องโอดโอยแบบบ้าคลั่งมากๆ ก็เหมือนจะดังไกลออกไป ท่ามกลางสายฝนที่ตกมาอย่างหนัก และแน่นอนคนที่จ้องผู้หญิงตนนั้นนานที่สุดคงเป็นพี่มีของ เพราะผ้าใบเต็นท์มันฉีกขาดกว้างพอ ที่จะทำให้เห็นด้านนอกได้อย่างชัดเจน เพื่อความแน่ใจ พี่มีของแกเอามีดหมอของแกปักไว้ทางเข้าเลย และแกก็หันกลับมาบอกกับทุกคนว่า
คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้า รอให้ดวงอาทิตย์ขึ้น เราจะกลับบ้านกัน 5 คน
หลังจากนั้นแกก็เอาตะกรุดที่หล่นไปแขวนใหม่อีกรอบ ด้วยความอ่อนเพลีย อีก 4 คนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ เหลือไว้เพียงแค่พี่ที่มีของ แกหลับไม่ลงจริงๆ เพราะเมื่อกี้แกคือคนเดียวที่ได้เห็นทุกๆ อย่าง ได้อย่างชัดเจน
เรื่องทั้งหมดก็มีเพียงเท่านี้
หลังออกจากป่าสรุปเป็นฉากๆ
– คนที่นั่งจ้องกองไฟที่กำลังมอด ตอนนั้นแกเห็นอะไรสักอย่างเหมือนมันขยับอยู่ในเศษขี้เถ้าของกองไฟ จนสักพักจู่ๆ เหมือนแขนอะไรโผล่ออกมา เหมือนมันดันตัวเองขึ้นมาจากกองขี้เถ้า สภาพที่เห็นคือผู้หญิงผมขาว หน้าขาว ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ชนิดที่แดงซะจนไม่เห็นตาดำเลย
– คนที่สอง ที่เอาตาไปส่องรูหน้าต่างเล็กๆ แต่กลับมองอะไรไม่เห็นเลย เห็นแต่สีแดงๆ คือหลังจากเหตุการณ์ทั้งหมด พี่คนมีของเขาสันนิษฐานไว้ว่า จริงๆ แล้ว คงเป็นดวงตาของผู้หญิงตนนั้นมากกว่า ที่เธอมองเข้ามาด้านใน ในลักษณะ ตาประสานตา!
– พี่คนมีของ จนถึงทุกวันนี้แกยังไม่ล้างคราบเลือดสีดำที่ติดบนคมมีดเลย เหมือนแกจะพูดไว้ว่า ถ้ามีดได้อาบเลือดพวกผี ปีศาจต่างๆ มันจะทำให้มีดมีมนต์สะกดและขลังกว่าเดิม (แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นถูกแทงด้วยมีดเล่มนี้แหละ ถึงได้ร้องโอดโอยและหายไป)
พอลงมาถึงด้านล้าง ทุกคนเอาซากเต็นท์ไปเผาทิ้งครับ ไม่มีการทำบุญอะไรทั้งสิ้น เพราะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือมันไม่ได้มาดีเลย นึกภาพไม่ออกเหมือนกันถ้าพี่มีของไม่อยู่ด้วย อีก 4 คนจะยังมีชีวิตรอดกลับมาเล่าเรื่องหรือเปล่า
ป.ล. เคารพป่าทุกครั้งที่เข้าไป ถ้าอยากรอดกลับออกมาโดยที่ยังมีลมหายใจ
ขอขอบคุณที่มา: ซอคเกอร์ซัคดอทคอม
ติดตามอ่านเรื่องสยองขวัญต่อได้ที่
คลังสยอง

กดแชร์บทความ