เจนนี่ เป็นลูกครึ่ง แม่เป็นชาวอเมริกัน พ่อเป็นคนไทย เธอเกิดและเติบโตที่ลอสแองเจลิส สหรัฐ ตอนนั้นเธออายุ 14 ปี ครอบครัวเธอย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยภายหลังปู่เสียชีวิต แรก ๆ พ่อเธอก็เพียงจะกลับมาจัดการเรื่องทรัพย์สมบัติ แต่อยู่ไปอยู่มาแม่ของเจนนี่เกิดชอบเมืองไทย ครอบครัวจึงเปลี่ยนใจลงหลักปักฐานแทน
เจนนี่มีพื้นฐานเกี่ยวกับเมืองไทยและความเป็นไทยน้อยมาก เธอค่อย ๆ เรียนรู้จากสภาพแวดล้อมและเพื่อน ๆ เธอเหมือนกับวัยรุ่นทั่วโลกจำนวนไม่น้อยที่ชอบเรื่องลี้ลับและตื่นเต้น วันหนึ่งเธอได้ยินคุณย่าเล่าเรื่องเห็นคนไม่มีหัวหรือไม่มีเงาหัว จากนั้นคนคนนั้นก็จะเสียชีวิต
มันเป็นลางบอกเหตุจ้ะ ย่าบอกเจนนี่
คล้าย ๆ ซิกธ์เซนส์ใช่ไหมคะ เจนนี่ถาม
ย่าพยักหน้ารับอย่างเอ็นดู แล้วเล่าต่อ ตอนแม่ของย่า ทวดของหนูอพยพมาเมืองไทย กำลังจะขึ้นเรือกัน ทวดเห็นคนในเรือไม่มีหัวก็ร้องตกใจจนพ่อกับแม่ของทวดไม่กล้าขึ้นเรือลำนั้น ในเวลาต่อมาก็ทราบว่าเรือลำนั้นล่ม เสียชีวิตกันทั้งลำ
เจนนี่หมกมุ่นกับเรื่องเงาหัว เธอเที่ยวไปถามคนนั้นคนนี้รวมทั้งผม พ่อผมขับรถให้ครอบครัวของเธอ ผมเล่าเรื่องตอนเด็ก ๆ ที่เดินตามน้าชายกลับจากดูหนังกลางแปลงให้ฟัง โดยทำเสียงเล็กเสียงน้อยพลางทำท่าเล่าอย่างออกรสออกชาติ
ตอนนั้นดึกแล้ว ผมค่อนข้างง่วง ผมเดินช้าจนห่างจากน้าไม่น้อย แต่แล้วก็ตาสว่างโพลง หายง่วงไปเลย เพราะผมเห็นน้าชายไม่มีหัว อีกไม่ถึงเดือนน้าชายก็ขี่มอเตอร์ไซค์ถูกสิบล้อชนตาย ผมไม่เคยเล่าเรื่องน้าไม่มีหัวให้ใครฟังนะ ผมเล่าให้คุณเจนนี่ฟังเป็นครั้งแรก
เจนนี่ตื่นเต้นมาก คนไทยสนุกจัง เจนนี่ชอบ พูดพลางหัวเราะเฮฮา
เจนนี่นำเรื่องนี้ไปเล่าให้ย่าของเธอฟัง ที่จริงทุกเรื่องที่มีคนเล่าเกี่ยวกับคนไม่มีหัวและเรื่องอื่น ๆ เจนนี่เล่าให้ย่าฟังเสมอแหละ
ผมเคยบอกเจนนี่ว่า บางเรื่องก็ไม่ควรเล่านะครับคุณเจนนี่ อย่างกรณีน้าชายผม ถ้าผมรีบไปทำบุญก่อนจะเล่าให้พ่อฟัง น้าก็อาจจะไม่ตาย โบราณว่าต้องทำบุญก่อนจะเล่าให้คนอื่นฟัง
ไหนเธอบอกว่าเพิ่งเล่าให้ฉันฟังเป็นครั้งแรก
ผมโกหกแค่อยากให้คุณเจนนี่ตื่นเต้น รู้สึกสนุก
เจนนี่ทำท่าไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรผมมากแม้แต่เรื่องนี้ สุดท้ายเธอก็เล่าเรื่องผมให้ย่าเธอฟัง แม้แต่เรื่องปี๊บ
เพื่อนหนูคนหนึ่งนะ เล่าว่า อ้อย่าคะ คนไทยโบราณเขาเชื่อกันว่า ถ้าเห็นคนไม่มีหัว ให้รีบเอาปี๊บคลุมหัวหรือคะ ปี๊บคืออะไรคะ
ย่ายิ้มอย่างนึกขัน สมัยนี้หายากขึ้น สมัยก่อนเขาจะเอาไว้ใส่ของ สมัยนี้ใช้ถังพลาสติกแทน ปี๊บก็ค่อย ๆ หายไป ที่เจนนี่ได้ยินเพื่อนบอก ย่าก็เคยได้ยิน บางคนเขาก็ว่าให้รีบเอาผ้าคลุมหัวแล้วพูดว่า นี่ข้าต่อหัวให้แก ย่าก็เคยได้ฟังมา หนูเป็นเด็กสมัยใหม่ เชื่อด้วยหรือ
หนูคิดว่าสนุกดีค่ะ
ย่าจะสอนอะไรให้อย่างหนึ่ง เราอย่าไปล้อเล่นหรือเห็นความเชื่อของคนอื่นเป็นเรื่องตลก
เจนนี่ไม่ตอบ ได้แต่หัวเราะคิกคักแล้วเดินเข้าบ้าน เธอสนุกกับเรื่องความเชื่อและบรรยากาศสังคม ประเพณีไทย ๆ เธอรู้สึกสนุกเพลิดเพลินมากกว่าจะเห็นเป็นเรื่องความรู้วิชาการ
เดือนต่อมา ทางบ้านของเจนนี่ก็มีงานขึ้นบ้านใหม่ เธอดูตื่นเต้นมาก เดินไล่ดูตั้งแต่เพื่อนพ่อนำสายสิญจน์มาวนภายในบ้าน เดินดูการจัดตั้งโต๊ะหมู่บูชาจนกระทั่งพระสงฆ์เดินทางมาถึง แม้แต่อาหาร สำรับอาหารคาวหวานเจนนี่ก็พลอยตื่นเต้นอย่างไม่รู้จบ
หลังงานเลี้ยงทำบุญแบบไทย ๆ ผ่านไป ตกค่ำพ่อกับแม่ก็จัดปาร์ตี้ขึ้นในบ้าน บ้านใหม่ของครอบครัวเป็นบ้านเดี่ยวสูงถึงสี่ชั้น เพราะพ่อกับแม่เปิดเป็นบริษัท ทำชั้นล่างของบ้านเป็นสำนักงาน เจนนี่ชอบขึ้นไปยืนรับลมเล่นที่ชั้นสี่ ที่สนามหญ้าด้านล่างวันนั้นมีคนมาไม่น้อย เจนนี่เริ่มเหน็ดเหนื่อย เธอคึกคักมาทั้งวันจนหมดแรงแล้วจึงหลบขึ้นไปชั้นบน
ขณะยืนรับลมพลางกวาดตามองลงมาสนามหญ้า เจนนี่รู้สึกใจหวิว ๆ ชอบกล แล้วก็มีอันต้องตกใจเบิกตาโพลง! เมื่อมองลงมายังพ่อที่กำลังยืนคุยกับเพื่อน แต่พ่อไม่มีหัว!
เจนนี่ยืนตัวแข็งสักพักก็ได้สติ รีบเข้าห้อง เดินอย่างหน้าตาตื่นไปหาย่าในห้อง ย่ากำลังสวดมนต์ก่อนนอน
พ่อค่ะย่า พ่อไม่มี เธอพูดทันทีที่ปะหน้าย่า ก่อนจะร้องไห้โฮ
ใจเย็น ๆ พ่ออะไร ย่าถาม
ไม่มีหัวค่ะ แล้วก็ร้องโฮอีก
ย่าต้องพยายามปลอบใจฟื้นคืนสติอยู่พักใหญ่
ไม่มีอะไรเจนนี่ พรุ่งนี้เราไปทำบุญที่วัดกัน ย่าจะพาไปเอง เรื่องนี้ไม่ต้องเล่าให้ใครฟังนะ
เจนนี่เล่าเรื่องทั้งหมดนี้ให้ผมฟังในเวลาต่อมา ผมพยายามพูดปลอบใจเธอเช่นกัน แต่ทว่าสัปดาห์ต่อมาพ่อของเจนนี่ก็ประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ กระจกรถตัดคอขาด
ทุกวันนี้เจนนี่กับแม่ย้ายกลับไปอเมริกาแล้ว ผมกับพ่อไม่เคยได้ข่าวคราวของเจนนี่อีกเลย
ขอขอบคุณที่มา: baanjompra

กดแชร์บทความ