เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม หรือเมื่อ 2 วันที่แล้วนี้เอง เรื่องราวของคุณตุ๊กตามีอยู่ว่า
ตุ๊กตามีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งชื่อแหม่ม โดยที่ทั้งสองได้รู้จักกันตอนที่ตุ๊กตาย้ายมาเรียนที่สมุทรสาคร มีครั้งหนึ่งแหม่มได้มีโอกาสไปเที่ยวที่บ้านเกิดของตุ๊กตา ซึ่งตุ๊กตาเกิดและโตที่ จ.เพชรบูรณ์ พอดีแหม่มเขาอยากมีบ้านที่ต่างจังหวัดให้แม่อยู่ เพราะเดิมทีครอบครัวของแหม่มนั้นอาศัยเช่าบ้านอยู่ที่ จ.สมุทรสาคร
หลังจากที่แหม่มได้ที่ดินที่ จ.เพชรบูรณ์ ตามที่ตั้งใจไว้ก็ไปปลูกบ้านไว้ที่นั่น แต่ตัวแหม่มเองยังคงทำงานที่กรุงเทพ จนสักพักได้ย้ายงานไปทำที่ จ.พิษณุโลก ส่วนตุ๊กตาก็ยังคงอาศัยอยู่ที่ จ.สมุทรสาครเช่นเดิม นานๆ ครั้งที่ทั้งสองจะมีโอกาสได้มาเจอกัน
เช้าวันที่เกิดเรื่อง แหม่มโทรมาหาตุ๊กตาแล้วบอกว่าจะมาหาที่บ้านที่มหาชัย และค่ำวันนั้นเวลาประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ตุ๊กตากำลังจะเดินออกไปนั่งเล่นที่หน้าบ้าน ก็พอดีเห็นแหม่มเดินเข้ามา
อ้าว แกมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ ตุ๊กตาร้องทัก
ถึงเมื่อกี้เอง ตอนที่แกเดินออกมาพอดีนั่นแหละ แหม่มว่า
เออๆ เข้ามาบ้านก่อน
แกเรียกใครวะ บอกชื่อด้วยสิ
คือเนื่องจากว่าตุ๊กตาเป็นคนกลัวผีมาก และจะถือเวลาจะเรียกใครขึ้นรถหรือเข้าบ้านก็มักจะเรียกชื่อก่อน ซึ่งแหม่มก็มักจะชอบอำเล่นอยู่เสมอๆ
หลังจากทั้งคู่เดินเข้ามานั่งพักในบ้านแล้ว ตุ๊กตาก็เอ่ยกับเพื่อนสนิทว่า
นั่งก่อนแก เดี๋ยวสักพักค่อยไปหาอะไรกินกัน
นั่งรถมาเพลียมาก มีบะหมี่ซองบ้างมั้ย ไม่ได้กินกันแบบเด็กหอมานานมากแล้ว แหม่มว่า
อ้าว แล้วแกมารถอะไร
ฉันมารถตู้ ขี้เกียจขับรถมาเอง กระเป๋าก็ไม่ได้เอามา
แล้วเพื่อนสนิททั้งสองก็นั่งคุยสัพเพเหระกันไปอีกสักพัก จู่ๆ แหม่มก็บอกขึ้นมาว่า แกๆ ฉันปวดหัวด้านขวา แล้วก็รู้สึกเจ็บๆ ตรงซี่โครงด้านขวาด้วย เหมือนจะไม่สบาย ตัวลอยๆ โหวงเหวงยังไงก็ไม่รู้ ตุ๊กตาจึงพูดว่า อาจจะเป็นเพราะว่าแกนั่งรถมานาน เอางี้ พักไปก่อน เดี๋ยวฉันไปต้มบะหมี่มาให้ พอตุ๊กตาทำบะหมี่เสร็จก็ยกออกมาให้แหม่มกิน ระหว่างนั้นทั้งคู่ก็ยังคงนั่งคุยกันไป แหม่มก็กินบะหมี่ไป
สักพักโทรศัพท์ของตุ๊กตาก็ดังขึ้น เสียงจากปลายสายนั้นเป็นเสียงของพี่ชายตุ๊กตาเอง และสิ่งที่ได้ยินจากปากพี่ชายนั้น เป็นสิ่งที่ตุ๊กตาไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ (เดี๋ยวเอาไว้จะเฉลยตอนท้ายเรื่อง)
หลังจากตุ๊กตาคุยโทรศัพท์กับพี่ชายเสร็จก็วางโทรศัพท์ แล้วตุ๊กตากับแหม่มก็หันหน้ามามองกัน ตุ๊กตาก็เอ่ยขึ้นมาว่า
เออแหม่ม เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อน แกนั่งกินไปก่อนก็ได้ ไม่ต้องตามมาล่ะ เดี๋ยวฉันมา
หลังจากตุ๊กตาอาบน้ำเสร็จ เปิดประตูห้องน้ำออกมา ก็เห็นแหม่มยืนอยู่หน้าห้องน้ำ ตุ๊กตาจึงถามว่า แกมาทำอะไร แหม่มก็บอกว่า ปวดฉี่น่ะ ตุ๊กตาก็บอกว่า เออๆ เข้าไปฉี่เลย เดี๋ยวฉันใส่เสื้อผ้าก่อน
พอตุ๊กตาแต่งตัวใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย เดินลงมาก็ยังเห็นแหม่มนั่งอยู่ที่ห้องโถง ตุ๊กตาจึงบอกว่า แก เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปไหว้พระ แกจะไปด้วยกันไหม แหม่มก็ตอบกลับมา ไม่ละ ตามสบายแกเถอะ
ตุ๊กตาไหว้พระเสร็จ ลงมาก็เห็นแหม่มยังนั่งที่ห้องรับแขกเหมือนเดิม แหม่มหันมาบอกว่า ขอบใจนะ แล้วตุ๊กตาก็หยิบหนังสือ โทรศัพท์มือถือและกุญแจ เดินออกไปนั่งที่หน้าบ้านเพื่อรอพี่ชายและแฟนที่กำลังจะกลับมา
นั่งอยู่ได้ครู่เดียว แหม่มก็เดินมาหาตุ๊กตา แล้วพูดว่า แก ถ้าเกิดฉันตายไป แกจะกลัวฉันไหม ตุ๊กตาได้ยินแบบนั้นจึงสวนกลับไป บ้าเหรอ ถามอะไรบ้าๆ แล้วแหม่มก็ลุกขึ้นพร้อมกับพูดว่า อืมๆ ฉันไปแล้วนะ แล้วแหม่มก็หันหลังแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน
เป็นจังหวะที่พี่ชายและแฟนของตุ๊กตากลับมาพอดี เวลาตอนนั้นประมาณ 4 ทุ่มครึ่งเห็นจะได้ พอตุ๊กตาเห็นพี่เท่านั้นแหละ ก็รีบวิ่งเข้าไปหาพี่ ร้องไห้กอดพี่แน่น ทำอะไรไม่ถูกจริงๆ แฟนก็เลยถามว่า เป็นอะไร! แต่ในตอนนั้น คนที่กลับมาไม่ได้มีแค่พี่ชายกับแฟนเท่านั้น แต่ยังมีพี่ชายกับพี่สะใภ้ของแหม่มมาด้วย ตุ๊กตาร้องไห้ไปพูดไป บอกทุกคนว่า
ตอนนี้แหม่มอยู่ในบ้าน มาหาตั้งแต่ 3 ทุ่มครึ่งแล้ว!
เมื่อได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็รีบกรูกันเข้าไปในบ้าน แต่ก็ไม่เจอแหม่ม ทุกคนดูตกใจมาก เพราะบทสนทนาที่พี่ชายโทรมาคุยกับตุ๊กตาระหว่างที่ตุ๊กตานั่งคุยกับเพื่อนสนิทอยู่นั้นคือ แหม่มรถคว่ำเสียชีวิตคาที่อยู่ที่สิงห์บุรี
ตุ๊กตาเข้าใจได้ทันทีว่า ที่แหม่มบอกว่าปวดหัวและเจ็บที่ตัวนั้นอาจเพราะว่าแหม่มยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้ตายไปแล้ว ส่วนที่ตุ๊กตาเข้าห้องพระไปไหว้พระนั้น ตุ๊กตาไปนั่งสวดมนต์อุทิศบุญกุศลให้เพื่อนสนิท พอเดินลงมาแล้วแหม่มกล่าวคำว่าขอบใจนั้น แหม่มน่าจะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองเสียชีวิต และตอนที่ตุ๊กตามานั่งรอพี่ชายที่หน้าบ้าน แหม่มเดินมาถามว่ากลัวไหมถ้าเกิดเขาตาย ตุ๊กตายังตอบในใจด้วยว่า 
‘แหม่มฉันรักแกนะ แกก็รู้ว่าฉันกลัวมาก อย่ามาแบบนี้เลย ฉันจะทำบุญให้แกบ่อยๆ’
และก่อนที่แหม่มจะลุกขึ้นเดินหายเข้าไปในบ้านนั้น ตุ๊กตาก็ยังได้ยินอีกว่า
ฉันขอโทษนะ ฉันรักแกก็เลยอยากมาหาแกเป็นคนแรก ฉันเองก็พึ่งจะรู้ตัวก็ตอนที่แกสวดมนต์ เพราะว่าฉันได้ยินเสียงแกเรียกชื่อฉัน
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2556 ในขณะนี้ศพของแหม่มก็ยังคงตั้งสวดอภิธรรมอยู่ที่วัดใน จ.เพชรบูรณ์ ระยะเวลาที่ 2 เพื่อนสนิทอยู่ด้วยกันไม่ถึง 1 ชั่วโมงดีด้วยซ้ำ แต่ตุ๊กตายืนยันได้ว่ามันยาวนานเหมือน 10 ปีทีเดียว เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงเพียงเท่านี้
ป.ล. ตอนที่เรื่องนี้ออกอากาศคือปี 2556 ดังนั้นคนเล่าจึงพูดได้ว่าศพยังตั้งสวดอภิธรรมอยู่ ตามที่หัวเรื่องบอกไว้ว่า เรื่องพึ่งเกิดเมื่อ 2 วันก่อนนั่นเอง
ถอดความจากเดอะช็อตสตอรี่ เรื่อง คนแรก

กดแชร์บทความ