เรื่องนี้เกิดขึ้นที่บ้านของคุณเล็กแถวลำลูกกา เมื่อปี พ.ศ.2554 ส่วนตัวคุณเล็กนั้นชอบสะสมของเก่า ชอบเดินหาของเก่าตามสวนจตุจักร แล้วมีอยู่วันหนึ่ง ก็นัดกับเพื่อนไปที่สวนจตุจักร เพื่อไปหาดูของเก่า วันนั้นก็มีเพื่อนอีก 3 คน รวมคุณเล็กด้วยเป็น 4 คน
คุณเล็กก็เดินไปเรื่อย ๆ และเดินผ่านร้านขายของเก่าร้านหนึ่งที่ขายกล่องไม้ คุณเล็กก็ไปสะดุดตากล่องไม้สีดำฝังมุก เป็นลายไทย สวยมาก ก็ถามลุงเจ้าของร้านว่า พี่นี่กล่องอะไร สวยจัง ลุงเจ้าของร้านตอบว่า ไม่รู้ ก็ไปซื้อเหมา ๆ มา น้องชอบไหมล่ะ พี่พยายามเปิดมาตั้งนานแล้ว แต่เปิดไม่ออก
คุณเล็กก็หยิบกล่องขึ้นมาดู ลักษณะของกล่อง กว้าง 10 นิ้ว ยาว 15 นิ้ว เป็นไม้สีมัน ๆ ฝังมุกเป็นลายไทย มีรอยฝาปิด แต่ไม่มีกลอนล็อก ไม่มีรูกุญแจ พอเขย่า ๆ กล่องก็มีเสียง ก็อกแก็ก ๆ อยู่ข้างในกล่อง
สุดท้ายแล้วคุณเล็กก็ซื้อกล่องใบนี้มา และเดินมาหาเพื่อน เพื่อนก็ถามว่า ไปซื้อกล่องอะไรมาวะ คุณเล็กก็ตอบว่า ไม่รู้เหมือนกัน แต่กูชอบว่ะ ลายมันสวยสะดุดตาดี เพื่อนก็ถามว่ามันเปิดไม่ได้เหรอ รูกุญแจก็ไม่มี แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
คุณเล็กก็กลับถึงบ้านประมาณ 6 โมงเย็น ก็เอากล่องนี้ไปวางไว้ที่ตู้โชว์ แล้วก็นั่งมองกล่อง ชื่มชมความสวยงามของมัน ในใจก็คิดหาวิธีเปิด จนเวลา 3 ทุ่มก็ขึ้นไปนอน
พอสักประมาณ 5 ทุ่ม พ่อของคุณเล็กก็เลิกงานกลับมา ขับรถมาจอด เปิดประตูเข้ามา แล้วก็ได้ยินเสียงพ่อร้อง โอ้ย! ดังมาก แม่ก็วิ่งลงมาดูพ่อว่าเป็นอะไร พ่อบอกว่าสงสัยจะเพลีย เมื่อกี้กำลังจะเปิดไฟ แต่ยังไม่ทันจะได้เปิด พ่อเห็นเป็นผู้ชายแก่ ใส่ผ้าม่วง ใส่เสื้อแขนยาวสีขาว ยืนถือไม้เท้า ยืนอยู่ตรงตู้โชว์ที่วางกล่องไว้ ร่างนั้นจ้องมองพ่ออยู่ จนพ่อตกใจหงายท้องลงไป แม่ก็บอกพ่อว่าพ่ออาจจะเครียด ทำงานมาเหนื่อย และก็ให้พ่อขึ้นไปอาบน้ำ
ถัดมาอีกวัน ช่วง 10 โมงเช้า คุณเล็กก็อยู่กับแม่ 2 คน คุณเล็กลงไปล้างรถอยู่หน้าบ้าน ส่วนแม่ทำกับข้าวอยู่ในครัว ระหว่างที่แม่หันหลังทำกับข้าวอยู่ ก็ได้ยินเสียงคนเดินโดยใช้ไม้เท้า เสียงดัง ป๊อกป๊อกป๊อก ดังมาจากทางด้านหลัง แล้วก็มีเสียงพูดว่า
นี่กินได้ไหม!
เป็นเสียงที่ดัง ลักษณะเหมือนคนมีอำนาจ แม่ก็หันกลับไปดู แต่ก็ไม่เห็นใคร แม่ก็เลยเรียกคุณเล็ก ถามคุณเล็กว่า
เล็กเรียกแม่ จะกินอะไรหรือเปล่า
เปล่าครับ เล็กล้างรถอยู่เนี่ยแม่
ตอนนั้นคุณเล็กก็เริ่มเอะใจ เพราะว่ามีเหตุการณ์แบบนี้ในบ้านถึง 2 ครั้งแล้ว เมื่อคืนก็ครั้งหนึ่ง วันนี้ก็เอาอีกแล้ว ก็เลยคิดว่าต้องนัดเพื่อนมาที่บ้าน มาช่วยกันเปิดกล่องนี้ดีกว่า
เวลาบ่าย 3 เพื่อน ๆ ก็มาอีก 3 คน ก็มานั่งพิจารณากล่อง ดูว่าจะเปิดวิธีไหนให้กล่องบุบสลายน้อยที่สุด เพราะว่าตัวคุณเล็กนั้นชอบกล่องมาก แต่ก็อยากรู้ว่าข้างในกล่องคืออะไร จะใช้สิ่วก็ไม่ได้ กล่องฉีกแน่ ๆ เอาใบเลื่อยก็ไม่ได้ กล่องเสียอีก จนถึง 6 โมงเย็น คุณเล็กก็เลยชวนเพื่อนนอนที่บ้านเลย
หลังจากกินข้าวกันเสร็จ ก็ยกกล่องขึ้นไปบนห้องนอนคุณเล็ก แล้วก็มีเพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นว่า เอายังงี้ ไปเอามีดแบน ๆ ในครัวมา ค่อย ๆ แซะ แต่พอเอามีดมาแซะก็ยังคงเปิดไม่ออก แล้วเพื่อนอีกคนก็บอกว่า งั้นเอางี้ เดี๋ยวจัดการให้ เพื่อนคนนั้นก็ลงไปข้างล่าง ไปหยิบค้อนกับลิ่มแหลม ๆ แบน ๆ มา แล้วก็หาเหลี่ยมเพื่อตั้งกล่อง และบอกว่า ตอกตรงนี้แล้วงัดเลยนะ
แรก ๆ ก็เอาค้อนตอกเบา ๆ ก่อน แต่พอกำลังจะลงแรง ไฟในห้องก็ดับพรึ่บพร้อมกันทั้ง 2 ดวง มืดไปทั้งห้อง เพื่อนคนหนึ่งก็ส่องไฟฉายเพื่อหาคัทเอาท์ จู่ ๆ ก็มีเสียงดังมาจากไหนไม่รู้
พวกมึงคิดจะทำอะไรกัน
ตามด้วยเสียงถีบประตูห้อง ปัง! ปัง! ทั้งหมดก็รีบเปิดประตูแล้ววิ่งลงมาข้างล่าง แต่ว่าพอลงมาข้างล่างไฟก็ไม่ได้ดับ ดับแค่ห้องนอนคุณเล็กห้องเดียว คุณเล็กและเพื่อนก็นั่งคุยกันอยู่ข้างล่าง ยังไม่มีใครอยากขึ้นไปข้างบน ผ่านไปสักพัก คุณเล็กก็ขึ้นไปหยิบกล่องลงมาเก็บไว้ที่ตู้โชว์ตามเดิม เพื่อนก็บอกว่า
กล่องนี้มันทะแม่ง ๆ แล้วว่ะเล็ก
คุณเล็กก็คิดเหมือนกัน เพราะแม่กับพ่อก็เจอมา ก็เลยคุยกันว่าจะเอายังไงกันดี แล้วก็มีเพื่อนคนหนึ่งเสนอขึ้นมาว่า
เอางี้ เอากล่องไปไว้บนห้องเลย แล้วเรานอนพร้อมกัน 4 คน ถ้าจะเจอก็เจอพร้อมกันทั้ง 4 คนนี่แหละ
คุณเล็กก็เอากล่องไปวางไว้ในห้อง เปิดไฟในห้องไว้ พอเที่ยงคืนกว่า ๆ ก็ปิดไฟ
นอนไปได้สักประมาณครึ่งชั่วโมง ทุกคนก็ได้ยินเสียงคนเดินโดยใช้ไม้เท้า เดินขึ้นมาเรื่อย ๆ จนมาหยุดที่หน้าประตูห้องคุณเล็ก แล้วเสียงนั้นก็เงียบหายไป คุณเล็กก็สะกิดเพื่อน เพื่อนก็กระซิบบอกว่า ได้ยินแล้ว ๆ จากนั้นก็มีเสียงพูดว่า
ยุ่งอะไรกับของกู! ยุ่งอะไรกับของกู! ยุ่งอะไรกับของกู! ตามด้วยเสียงถีบประตู ปัง! ปัง! ปัง!
ตอนนี้ทั้ง 4 คนช็อกมาก มีเพื่อนคนหนึ่งตั้งสติได้ ลุกขึ้นไปเปิดไฟ แล้วทั้งหมดก็วิ่งไปเคาะประตูห้องแม่คุณเล็กที่อยู่ตรงข้ามกัน คุณเล็กก็พูดว่า แม่ๆๆ เปิดประตูให้เล็กหน่อย! พอแม่เปิดประตูมา คุณเล็กกับเพื่อน ๆ ก็กรูกันเข้าไปในห้อง และถามแม่ว่า แม่! ได้ยินเสียงใครถีบประตูห้องเล็กไหม! แม่ก็ตอบว่า ไม่นะลูก แม่ก็ดูทีวีอยู่เนี่ย
เพื่อนคุณเล็กก็บอกแม่ว่า พวกผมขอนอนในห้องด้วยได้ไหมครับ! แม่ก็บอกว่าได้ และก็ถามว่า เล่นอะไรกันมาเนี่ย คุณเล็กก็บอกว่าไม่ได้เล่น เจอจริง ๆ สุดท้ายแล้วคุณเล็กกับเพื่อน ๆ ก็เลยนอนพื้นข้างเตียงในห้องแม่
เช้าวันรุ่งขึ้น แม่ก็ชวนทุกคนไปใส่บาตรหน้าบ้าน หลวงพ่อที่มาบิณฑบาตก็พูดขึ้นมาคำหนึ่งว่า
ที่บ้านมีงานแสดงอะไรกันเหรอโยม ลุงคนนั้นแต่งตัวไทย ๆ สวยเชียว
คุณเล็กก็หันขวับไปมองก็ไม่มีใคร แม่ก็ตอบหลวงพ่อไปว่า ไม่มีนะคะหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านก็พยักหน้าแล้วเดินจากไป
ตอนนี้คุณเล็กคิดแล้วว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด สาเหตุต้องมาจากล่องใบนี้แน่ ๆ ไม่รู้จะทำยังไงดี เลยเล่าให้แม่ฟังว่าไปซื้อกล่องนี้มา แล้วคุณเล็กก็บอกเพื่อน ๆ ว่างั้นไปที่วัดกัน อยู่แถว ๆ นิคมอุตสาหกรรมบางกะดี
พอไปถึงวัดก็หยิบกล่องเข้าไปหาหลวงพ่อ แล้วเล่าให้หลวงพ่อฟังว่าได้กล่องมาจากไหน แล้วก็เกิดเหตุการณ์แปลก ๆ อะไรขึ้นบ้าง หลวงพ่อท่านก็เอามือมาแตะที่กล่อง แค่สัมผัสเพียงเสี้ยววิ หลวงพ่อก็รีบดึงมือออก แล้วบอกเด็กวัดให้ไปตามคุณลุงคนหนึ่งมา แกชื่อว่า ลุงปลื้ม
สักพักลุงปลื้มก็มา ลุงปลื้มก็ดูกล่อง พลิกไปพลิกมา แกก็บอกว่ากล่องนี้สวยมาก เป็นการซ่อนสลัก หลวงพ่อก็ถามว่า โยมปลื้มพอจะเปิดได้ไหม ลุงปลื้มก็ตอบไปว่า เมื่อก่อนทวดผมเคยสอนอยู่ครับ เดี๋ยวผมจะลองทำดู
ตลอดเวลาที่คุณเล็กได้กล่องมา คิดหาวิธีเปิดกล่องทุกวิถีทาง ทำยังไงก็เปิดกล่องไม่ได้ แต่ลุงปลื้มแค่ใช้เล็บไปดันเดือยแหลม ๆ เล็ก ๆ ที่อยู่ข้างกล่องนิดเดียว กล่องก็เปิดได้เลย
พอเปิดกล่องออกมา ก็พบกับแท่งโลหะสีเงิน จามด้วยอักขระตรงด้านซ้ายแล้วอุดด้วยขี้ไต้ หลวงพ่อบอกว่านี่คือตะกรุดมอญ คนมอญสมัยก่อนเมื่อเสียชีวิตไปแล้ว ลูกหลานจะอัญเชิญอัฐิของบรรพบุรุษมาใส่ไว้ในนี้และอุดด้วยขี้ไต้ พอหลวงพ่อแกะขี้ไต้แล้วเทออกมา ก็ปรากฏเป็นผงกระดูกขาว ๆ จริง ๆ แล้วหลวงพ่อก็ยัดกลับเข้าไปไว้เหมือนเดิม
หลวงพ่อบอกกับคุณเล็กว่า อาตมาขอบิณฑบาตได้ไหม คุณเล็กก็ไม่ปฎิเสธ ให้กล่องกับหลวงพ่อไปเลย หลวงพ่อก็เก็บตะกรุดใส่กล่อง แล้วบอกให้เอากล่องไปวางไว้ตรงนั้น แล้วหลวงพ่อก็เอาจีวรคลุมไว้ แล้วก็ท่องอะไรสักอย่าง คล้ายเป็นคาถากำกับไว้
ก่อนจะพากันกลับ หลวงพ่อก็รดน้ำมนต์ให้ คุณเล็กกับเพื่อนก็กลับออกมาจากวัด พอมาถึงบ้าน คุณเล็กกับเพื่อนก็พากันงีบหลับ เพราะเมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน คุณเล็กก็ถามเพื่อน ๆ ว่า คืนนี้ค้างบ้านกูอีกคืนไหม เพื่อนก็บอกว่า ได้สิ คงไม่มีอะไรแล้วแหละ
ตกกลางคืน คุณเล็กกับเพื่อน ๆ ก็นั่งคุยกันอยู่หน้าบ้าน อยู่ดี ๆ หมาก็พากันส่งเสียงหอนระงม เพื่อนบอกว่าไม่ดีแล้วล่ะ ขึ้นห้องกันดีกว่า ทุกคนก็พากันขึ้นห้อง
นอนกันไปได้ไม่นาน ทุกคนก็ต้องสะดุ้งตื่นพร้อมกัน เพราะว่าได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรหล่นในห้อง พอมองไปที่ปลายเท้า ทุกคนก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นชายแก่ที่ใส่ผ้าม่วง เสื้อสีขาวแขนยาว ยืนเอาไม้เท้าชี้หน้าแล้วพูดว่า
ไปเอาของของกูคืนมาเดี๋ยวนี้!
คราวนี้ทุกคนถึงกับกรี๊ดแตก วิ่งลงมาข้างล่างกันอีกรอบ พ่อกับแม่ก็รีบเข้ามาดู พอตอนเช้า คุณเล็กก็ไปที่วัดอีกครั้ง พอเดินก้าวขึ้นไปบนกุฏิ หลวงพ่อท่านก็พูดขึ้นว่า
เขาอยากกลับไปที่ของเขา ใครเอาเขามา เอาเขากลับไปด้วย หลวงพ่อไม่สามารถต้านทานเขาได้
แล้วผมต้องเอาไปคืนที่ไหนครับหลวงพ่อ
เอาไปคืนที่ไปเอาเขามานั่นแหละโยม ดวงจิตเขาแรงมาก
คุณเล็กก็เลยต้องขับรถเอากล่องนี้กลับไปที่สวนจตุจักร โชคดีที่เจอคุณลุงคนขาย คุณเล็กบอกว่า ผมเอากล่องมาคืนได้ไหมครับ มันไม่ถูกใจ ลุงคนขายก็บอกว่า ได้แต่ไม่คืนตังนะ คุณเล็กก็บอกไปว่า ไม่เป็นไรครับ แต่ผมขอเอาอย่างอื่นไปแทนได้ไหม ลุงก็บอกว่า ได้
คุณเล็กก็เลยเอาโคมไฟเก่ามา พอกลับมาถึงบ้าน ก็เอาโคมไฟมาตั้งไว้ แล้วตอนกลางวันวันนั้นเอง แม่ของคุณเล็กก็นอนแล้วฝันว่า ชายแก่คนนั้นมายืนที่หน้าบ้านบอกว่า
ถ้าเอาไปคืนแล้วก็แล้วต่อกัน และกูจะไม่มายุ่งย่ามที่บ้านนี้อีก จำไว้ ของของกูใครอย่ามายุ่ง!
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้น ก่อนที่คุณเล็กจะซื้อของอะไร ก็จะต้องสืบประวัติก่อน ไม่ซื้อสุ่มสี่สุ่มห้าอีกแล้ว และหลังจากนั้นได้ไม่นาน คุณเล็กก็กลับไปที่สวนจตุจักร ที่ร้านขายของเก่าร้านเดิม แต่คราวนี้ลุงคนเดิมไม่ได้มาขายแล้ว แต่เป็นหลานชายคนหนึ่งมาขายแทน คุณเล็กก็เดินเข้าไปสอบถามว่าคุณลุงไปไหนแล้ว หลานคนนั้นบอกว่า คุณลุงตายแล้ว แกจอดรถแล้วเปิดแอร์นอน แล้วตอนที่แกตาย แกนอนกอดกล่องใบหนึ่งไว้ด้วย
หลานคนนั้นยังพูดต่ออีกว่า ผมยังเก็บกล่องใบนี้ไว้อยู่เลย นี่ไงพี่ชายสนใจจะซื้อไหม คุณเล็กเห็นแบบนั้นก็ถึงกับอึ้ง เลยตอบเลี่ยง ๆ ไปว่า เอ่อพอดีผมไม่ชอบสะสมกล่องน่ะครับ แต่ก็ไม่ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้หลานคนนั้นฟัง
สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะยังไง กล่องใบนี้ก็ย้อนกลับมาที่ร้านเดิมที่มันเคยอยู่
ขอบคุณที่มา: รวมเรื่องน่ากลัว The Shock

กดแชร์บทความ