“บึงผีหลอก” จังหวัดศรีสะเกษ | เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

ลุงโฮม เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบึงมรณะ สมัยเด็กผมอยู่บ้านหนองคู อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเคยเรียกกันว่าจังหวัดขุขันธ์ อันเป็นจังหวัดชายแดนติดกับกัมพูชา คำว่า หมอเขมร ก็เกิดขึ้นที่นี่แหละครับ เป็นที่รู้กันว่าหมอเขมรน่ะหมายถึงหมอไสยศาสตร์ ที่ช่ำชองเรื่องไสยดำ อาถรรพณ์ เวทอันเร้นลับน่าสยดสยอง แน่ล่ะครับ ว่าต้องหนีเรื่องภูตผีปีศาจไปไม่พ้น พูดถึงเรื่องผีๆ สางๆ นี่ไม่ว่าเด็กคนไหนก็ชอบฟังทั้งนั้น ถึงจะไม่เคยโดนผีหลอก แต่ก็กลัวผีกันทุกคน พวกผู้ใหญ่เขาว่ามันก็ดีไปอย่าง เด็กๆ กลัวผีจะได้ไม่ไปซุกซนที่เปลี่ยวๆ หรือตกน้ำตกท่าเพราะลับหูลับตาพวกผู้ใหญ่ ขอเล่าถึงหมู่บ้านหนองคูของผมซะก่อน พูดก็พูดเถอะ ที่นั่นน่าจะเรียกว่า ดงตาล มากกว่าครับ เพราะนอกจากจะมีต้นไม้ใหญ่น้อยร่มครึ้มไปทั้งหมู่บ้านแล้ว ยังมีต้นตาลขึ้นเรียงรายเป็นแนว ดกดื่นไม่รู้ว่ากี่ร้อยต้น ต้นตาลนี่ใช้ได้สารพัดประโยชน์ ลูกตาลกินได้ทั้งอ่อนและแก่ ลูกตาลอ่อนๆ กินแล้วชุ่มคอชื่นใจดีนัก ที่เขาเรียกว่า หวานฉ่ำเหมือนลูกตาลเฉาะ นั่นปะไร! ส่วนลูกแก่ก็เอามาทำขนมตาลกิน เม็ดที่มีขนฟูก็เอามาให้เด็กๆ เล่นสางผมกันเพลิดเพลินดีไม่หยอก จะบอกให้ใบตาล ต้นตาล นำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งต้น ลุงเหลือกับลุงใสชอบชักชวนกันไปทอดแหที่หนองน้ำใหญ่นั้นบ่อยๆ ส่วนมากจะไม่ผิดหวัง ได้ปลาตัวโตๆ มากินเป็นประจำ จนกระทั่งวันหนึ่งก็เจอเรื่องขนหัวลุกเข้าเต็มเปา วันนั้นสองสหายหาปลาแทบไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าเหล่ามัจฉาน้อยใหญ่มันหลบหนีไปซุกซ่อนอยู่ที่ไหนหมด มีแต่ปลาเล็กปลาน้อยมาติดแหเท่านั้น ต่างคนต่างบ่นพึมเป็นหมีกินผึ้งไปตามๆ […]

เพื่อนเฮี้ยน เรื่องเล่าสยองขวัญ ทำไมไม่ไปงานศwกู!

เรื่องราวของเราเกิดขึ้นมาได้ประมานสามปีกว่าแล้ว มันเป็นประสบการณ์สุดสยอง แถมยังเคยเป็นข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ชื่อดังอีกด้วย เรื่องก็คือ เพื่อนสนิทของเรา เขาได้จมน้ำตายพร้อมกันสองคน วันนั้นเราก็เกือบจะไปเล่นน้ำด้วย แต่บังเอิญว่าวันนั้นต้องขนของย้ายบ้านช่วยแม่ พอประมาณหกโมงเย็น เพื่อนเราก็โทรมาหาด้วยเสียงสะอื้นว่า เอ กับ บี (นามสมมติ) จมน้ำตายแล้ว พอวันต่อมาเราก็รีบไปโรงเรียนแต่เช้า เพราะอยากรู้ว่าเพื่อนเราตายได้ยังไง บรรยากาศวันนั้นมันครึ้มจนน่ากลัว ทุกคนในห้องร้องไห้โฮรวมทั้งเราด้วย เพราะสองคนที่ตายคือเพื่อนสนิทที่เรารักมากที่สุด และเราไม่คิดว่าเพื่อนเราจะไปไวขนาดนี้ พอถึงตอนบ่ายสามโมง ครูก็นิมนต์พระมาที่โรงเรียน ช่วงที่เขาให้นั่งสมาธิเราก็นึกถึงแต่หน้าเพื่อนทั้งสองคนที่ตายไปจนสมาธิไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แล้วจู่ๆ เราก็ได้ยินหลวงพ่อพูดขึ้นมาว่า มาหาเพื่อนหรือโยม วินาทีนั้น เราอดทนที่จะไม่ลืมตาเพราะกลัวครูด่า แต่หลวงพ่อท่านมาพูดอยู่ใกล้เรามาก จากนั้นหลวงพ่อก็พูดต่ออีกว่า  ไม่ต้องร้องไห้หรอกโยม เพื่อนทุกคนเขาต่างก็รักโยมทั้งนั้น วินาทีนั้นเราอดใจไม่ไหวเลยลืมตาดูว่าหลวงพ่อพูดกับใคร พอลืมตาขึ้นมา เราก็งง เพราะเราเห็นหลวงพ่อยืนพูดกับพื้นที่ว่างเปล่าข้างๆ เรา เหมือนท่านพูดคนเดียว ตอนนั้นหลวงพ่อหันมาเห็นเราลืมตา เลยบอกกับเราว่า ไม่มีอะไรหรอกโยม เพื่อนโยมเขาแค่อยากมาหาน่ะ พอได้ยินแบบนั้นก็ทำเอาเราขนลุกซู่ทันที พอเลิกเรียนเสร็จ เราและเพื่อนในห้องก็ไปงานศพกัน พวกเราไปงานศพของเอก่อน เพราะงานศพเอจัดสามวัน ส่วนงานศพบีจัดเจ็ดวัน งานศพเอก็เป็นไปอย่างปกติ แต่พองานศพบีพวกเราก็ต้องตกใจ เมื่อกรอบรูปหน้าศพ มีคราบน้ำไหลออกมาไม่หยุด เพื่อนเราสลับกันเช็ดก็ไม่หยุดไหล พอฟ้าเริ่มมืด พวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน […]

เสกตะปูเข้าท้อง เรื่องเล่าสยองขวัญ

เสกตะปูเข้าท้อง ไสยศาสตร์มนต์ดำ แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่อยู่ควบคู่กับคนไทยมาเนิ่นนานแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเป็นศาสตร์เร้นลับที่น้อยคนนักจะเข้าใจ หรือมีโอกาสสัมผัสรับรู้ได้ ไสยศาสตร์เป็นศาสตร์แห่งความเร้นลับน่าอัศจรรย์ใจ ที่เต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว ทั้งต่อตัวผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ ซึ่งมักจะถูกนำมาใช้ในทางชั่วร้ายมากกว่าทางดี เรื่องราวที่จะนำมาเสนอต่อไปนี้ เป็นผลของศาสตร์แห่งไสยอีกเรื่องหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นจริง โดยผู้ถ่ายทอดคือ คุณมงคล ณ ตะกั่วทุ่ง ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่ท่านได้ประสบมาในครั้งนั้นว่า เมื่อสมัยที่คุณมงคลยังเป็นเด็กอายุได้ประมาณ 9 ปี เกิดล้มป่วยด้วยโรคปอดบวม มีอาการปวดภายในหน้าอกทางขวา การเจ็บป่วยในครั้งนั้นอาการหนักมาก จนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นตายเท่ากัน คุณพ่อของคุณมงคลได้เชิญหมอมาทำการรักษา โดยในครั้งนั้นได้เชิญแพทย์แผนปัจจุบันที่มีชื่อ 2 ท่าน และหมอแผนโบราณอีก 1 ท่าน มารักษาคุณมงคล เนื่องจากอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่นั้นยิ่งนับวันก็ยิ่งแย่ลงทุกที ในช่วงระหว่างนั้น นายแพทย์แผนปัจจุบันทั้งสองท่านได้พยายามรักษาคุณมงคลอย่างสุดความสามารถ แต่ว่าอาการก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย นายแพทย์ทั้งสองท่านจึงปรึกษาหารือกันว่า จำเป็นต้องบอกให้บิดาของคุณมงคลได้รู้ว่าอาการของคุณมงคลในครั้งนั้น แพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถรักษาให้หายได้ นายแพทย์ทั้งสองแจ้งกับบิดาของคุณมงคลว่า คุณมงคลคงจะต้องเสียชีวิตลงภายใน 7 วัน เพราะสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลงทุกที และยาที่ใช้ในการรักษาไม่สามารถเอาอยู่ บิดาของคุณมงคลตกใจมาก เพราะคาดไม่ถึงว่าลูกชายซึ่งป่วยเป็นเพียงแค่ปอดบวมจะถึงขั้นต้องล้มตายจากกันได้ เมื่อแพทย์แผนปัจจุบันหมดทางรักษา บิดาของคุณมงคลจึงขอร้องแพทย์แผนโบราณให้รักษาโดยสมุนไพรแผนโบราณ เผื่อจะได้ผลบ้าง ขณะเดียวกันก็ยังไม่หยุดการรักษาโดยยาแผนปัจจุบัน เรียกว่าเมื่อถึงขั้นนี้แล้วต้องทำทุกวิถีทาง ที่จะสามารถรักษาชีวิตของลูกชายไว้ให้ได้ คุณมงคลจึงได้รับการรักษาจากแพทย์ทั้งสองทางไปพร้อมๆ กันนอกจากนั้น นายแพทย์แผนปัจจุบันท่านหนึ่งได้แนะนำบิดาของคุณมงคลว่า […]

“วัยรุ่นหลงป่าบนภูกระดึง” เรื่องจริงชวนสะพรึงในรายการตี10 ออกอากาศในปี พ.ศ. 2547

เรื่องจากรายการตีสิบ ประสบการณ์ลี้ลับที่กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้ไปเจอมาที่ภูกระดึง เรื่องเกิดขึ้นจากการที่พวกเขานัดกันไป ท่องเที่ยว พักแรม ที่ภูกระดึง ตอนก่อนเดินทางไปเที่ยว คุณยายของรุ่นพี่ในกลุ่มท่านก็ได้เตือนให้ไหว้เจ้าที่ เจ้าทาง เจ้าป่า เจ้าเขา ตามประสาผู้ใหญ่ที่เป็นห่วงหลาน แต่พอมาถึงภูกระดึงในตอนเช้าที่ เขาก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องนั้นเลย พวกเขาไปกันทั้งหมด 10 คน และไม่เคยมีใครมาเที่ยวภูกระดึงมาก่อนเลย หนึ่งในนั้นชื่อ บอย เป็นคนไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องอาถรรพ์และเป็นคนโผงผาง พูดจาไม่ค่อยดีนัก ตามสไตล์วัยรุ่นห่ามๆ ทั่วไป หยาบคายบ้าง ท้าทายบ้าง เพื่อนๆ ห้ามก็เหมือนยิ่งยุ (เพื่อนๆ บอกว่าเขาพูดหยาบมากๆ จนไม่สามารถพูดออกอากาศได้) ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวบนภูกระดึงวันแรก บอยก็พูดจาแบบคะนองปากไปเรื่อยๆ แล้วกลุ่มของพวกเขาก็หลงป่า หาทางออกไม่เจอเป็นเวลานาน พี่ใหญ่ของกลุ่มเริ่มไม่สบายใจ (คนเดียวกับที่ยายบอกให้ไหว้เจ้าที่) เขาจึงไปยกมือไหว้ต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณนั้น ด้วยความเข้าใจเองว่าจะต้องขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง พอหลังจากที่ขอขมาแล้วเดินต่อซักพักเขาก็เห็นไม้สีแดง ลักษณะเป็นไม้ปลายงอม้วนเข้าคล้ายไม้เท้า เขาก็เข้าใจเองอีกว่าปลายไม้ชี้บอกทางออก และตัดสินใจเดินตามทางนั้นโดยเก็บเอาไม้ชิ้นนั้นมาด้วย ซักพักก็เดินพ้นออกมาจากป่าจริงๆ เมื่อพ้นออกมาจากป่าได้แล้ว ก็เดินเที่ยวต่อเพื่อไปที่ผาหล่มสัก เมื่อถึงผาหล่มสัก ยังไม่เย็นมากจึงนั่งๆ นอนๆ พักผ่อนรอชมพระอาทิตย์ตกดินบริเวณนั้น กลุ่มพวกเขาไม่ได้เอากล้องถ่ายรูปไป มีเพียงโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายรูปได้ ในตอนนั้นมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ อีกหลายกลุ่มที่มีจุดประสงค์เดียวกัน […]

เพื่อนข้างบ้าน สยองขวัญดาดฟ้าอาคารย่านคู้บอน

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่งแถวคู้บอน เมื่อประมาณสิบปีที่ผ่านมา คุณหนุ่มทำธุรกิจเกี่ยวกับขายของสำหรับสัตว์เลี้ยงต่างๆ เป็นอาคารพาณิชย์สองชั้นครึ่ง ปลูกติดกันทั้งหมดเจ็ดหลัง คุณหนุ่มจะอยู่หลังท้ายสุด ถัดออกไปอีกจะเป็นบ้านเดี่ยวยกสูง คุณหนุ่มเปิดธุรกิจนี้ให้แฟนกับน้าสาวของแฟนดูแล เพราะคุณหนุ่มต้องทำงานกับคุณพ่อ จึงไม่ค่อยได้มีเวลาดูแล แต่ก็ยังคงอาศัยหลับนอนอยู่ที่อาคารพาณิชย์แห่งนี้ จนอยู่ได้ประมาณสองถึงสามปี ก็เริ่มรู้จักเพื่อนบ้านคนอื่นๆ ส่วนบ้านเดี่ยวด้านข้าง มีอาชีพเป็นโปรกอล์ฟ ทั้งสามีและภรรยา มีลูกด้วยกันหนึ่งคน แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน นานๆ ทีภรรยาถึงจะพาลูกมาเที่ยวหาที่บ้าน ช่วงเย็นของทุกวัน พี่ผู้ชายผู้เป็นสามีจะเดินออกมาทานข้าวที่หน้าบ้านเป็นประจำ มีอยู่วันนึง คุณหนุ่มนั่งทำงานอยู่ในห้องบนชั้นสอง เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ แฟนก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้อง แล้วบอกว่า เฮียๆ ใครไม่รู้มาเคาะประตูบนดาดฟ้า! ซึ่งดาดฟ้าของอาคารพาณิชย์แห่งนี้ จะเชื่อมหากันทุกหลัง คุณหนุ่มบอกกลับไปว่า เสียงลมหรือเปล่า ลมมันแรง แฟนก็แย้งว่า ไม่ใช่เสียงลม มันเป็นเสียงเคาะประตู คุณหนุ่มจึงลุกเดินขึ้นไปดู ไปยืนฟังอยู่ที่หน้าประตูทางขึ้นดาดฟ้า ก็ได้ยินว่ามันมีเสียงเคาะจริงๆ ก๊อก ก๊อก ก๊อก คุณหนุ่มรู้สึกแปลกใจมาก จึงได้เดินไปหยิบอาวุธออกมาเพื่อป้องกันตัว คุณหนุ่มบิดลูกบิดประตู แล้วผลักมันออกไป แต่ก็ไม่ปรากฏใครอยู่หลังประตู มีเพียงความมืดที่ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งดาดฟ้า คุณหนุ่มเดินขึ้นไป แล้วใช้ไฟฉายส่องไปรอบๆ บริเวณ แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ จึงเดินกลับลงมา แล้วล็อคประตูตามเดิม […]

เสียงเปรตในคืนวันโกน เรื่องเล่าสยองขวัญ

เรื่องมีอยู่ว่าตอนผมอายุประมาณ 23-24 ปี ผมคบกับแฟนคนหนึ่ง บ้านพักเขาอยู่ติดกับวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการย่านแฟลตทหารเรือ แฟนผมได้ชวนผมไปบ้านเค้า พอผมไปถึงเดินผ่านบริเวณวัด ก่อนเดินไปตามทางริมคลอง ซึ่งเป็นทางปูนน่าจะประมาณ 1 เมตรเศษ พอเดินทางปูนริมคลอง ก็เดินลัดเลาะไปตามทางเล็กๆ เพื่อเข้าบ้านแฟนผม แฟนผมชื่อวีครับ พอผมถึงบ้านวี ผมได้เจอกับครอบครัววีเป็นครอบครัวใหญ่อยู่กันหลายคนมาก มียาย พ่อ น้า น้าเขย น้าสะใภ้ น้องๆ หลานๆ วี ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด แถมพื้นที่บริเวณชั้นล่างของบ้าน ยังเป็นพื้นที่ที่เหล่าบรรดายายๆ ป้าๆ เอาไว้บวกเลขฝึกสมองกันอีกด้วย ผมไปถึงก็สวัสดีทุกๆ คน นั่งอยู่ชั้นล่างของตัวบ้านสักพัก ที่บ้านวีลักษณะเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ชั้นล่างมีโถ่งใหญ่กลางบ้าน ไว้ให้พวกยายๆ ป้าๆ นั่งคิดเลขบวกเลขกัน ด้านหลังเป็นห้องส้วมแล้วก็ห้องน้ำ มีกำแพงติดกับกำแพงวัดซึ่งใช้กำแพงเดียวกันเลยก็ว่าได้ ซึ่งตอนนั้นบ้านวีกำลังต่อเติมกั้นห้องเพิ่ม บริเวณชั้นล่างทำเป็นห้องใต้บันได (ถ้าหันหน้าเข้าบ้าน บันไดจะอยู่ตรงกลางชิดด้านหลัง ด้านขวาเป็นห้องน้ำ ด้านซ้ายเป็นห้องที่กำลังต่อเติม) วันนั้นผมไปถึงบ้านวีตั้งแต่ช่วงสายๆ ก็เลยได้ไปนั่งกินข้าวนั่งคุยกับบรรดาผู้ใหญ่ที่บ้านวี ผมเอะใจว่าทำไมมีพวกกับข้าวต้ม ขนม นมเนย ที่ใส่บาตรเยอะจัง ผมเลยถามวีไป […]

“ห่าก้อม” โคตรปอบภาคอีสาน | เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

วันนี้ผมมีเรื่องเกี่ยวกับ “ห่าก้อม” มาเล่าให้ฟัง หลายคนคงสงสัยว่ามันคืออะไร มันคือชื่อเรียกของผีที่ต้องบอกว่าน่ากลัวมากเลยทีเดียว ส่วนใหญ่ถ้าพูดถึงผีทางภาคอีสานหรือภาคเหนือ ก็คงจะไม่พ้น ผีปอบ ผีกะ นี่ก็ว่าโหดแล้ว แต่คุณรู้กันไหมว่าภาคอีสานมีผีที่โหดยิ่งกว่าคือ ห่าก้อม ห่าก้อมคือผีที่มีวิชาสูงกว่าปอบ เพราะคนที่จะเป็น ห่าก้อม ก็คือคนที่เป็นปอบมาก่อน แต่ด้วยวิชาตะบะที่แก่กล้ามาก หรือเคยเป็นคนที่มีวิชาไสยเวทย์ขั้นสูงแล้วทำผิดครู เหตุนี้จึงทำให้ห่าก้อมมีอำนาจเหนือกว่าปอบทั่วๆ ไป ยายผมท่านเล่าให้ฟังสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ว่า ห่าก้อม คือโคตรปอบ เพราะว่าปอบยังแค่เข้าคน กินเลืoด เนื้อดิบๆ แต่ส่วนมากจะเป็นสิ่งที่ตๅยแล้วมันถึงจะกิน ถ้าปอบที่แก่มากหน่อยก็จะถึงขั้นหักคอคนเป็นๆ ได้ โดยที่เป็นวิญญาณไม่ได้มาเป็นตัวเป็นตน และจะมีฤทธิ์มากในตอนกลางคืน แต่สิ่งที่ ห่าก้อม มันน่ากลัวกว่าปอบก็ตรงที่ มันกินเป็นๆ และมันมีฤทธิ์มากทั้งกลางวันและกลางคืน และไม่ต้องมาแบบวิญญาณ แต่มาแบบตัวคนเป็นๆ เลย ยายเล่าให้ฟังว่า ถ้าใครที่จิตอ่อนหรือมีเคราะห์ดวงใกล้ถึงฆๅต ถ้ามันอยากกิน แค่มันเดินผ่านคนๆ นั้นจะลมลงตๅยทันที จากคำบอกเล่าจะเห็นว่าห่าก้อมนั้นร้ายกาจกว่าปอบเป็นอย่างมาก สมัยก่อนแถวบ้านผมไฟฟ้ายังไม่มี (อันนี้ผมยังทันอยู่) ถ้าหมู่บ้านข้างๆ มีคนป่วย คนแถวบ้านนอกก็จะไปเยี่ยมกันทั้งหมู่บ้านเลยทีเดียว ไม่เหมือนคนสมัยนี้ และด้วยความที่เป็นหมู่บ้านสามัคคี เราจึงไม่มีทางรู้เลยว่าคนที่มาหลายๆ คนนั้นจะ มีปอบ […]

เพื่อนสนิท เรื่องเล่าสยองขวัญ

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนผม ผมมีเพื่อนคนนึงชื่อว่าแป้ง เป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับผม แต่เราสองคนเรียนคนละโรงเรียนกัน ครอบครัวของแป้งมีฐานะดี แป้งเลยได้เรียนโรงเรียนเอกชน แป้งมีเพื่อนสนิทอยู่คนนึงชื่อว่าแนนเขา 2 คนสนิทกันมาก ไปไหนก็จะต้องมีแป้งและแนน ตัวติดกันตลอด 2 คนนี้รักกันมากเลยทีเดียว พอเรียนจบ ม. 3 กลุ่มของแป้งที่โรงเรียนก็มีทริปที่จะไปเที่ยวกัน เพราะแต่ละคนก็จะแยกย้ายไปเรียนตามที่ตัวเองถนัด บางคนก็ไปเรียนต่อที่เมืองนอกบางคนก็เรียนต่อสายอาชีพ พวกเขาจึงคิดว่าจะไปเที่ยวไหนกันดี เพื่อเป็นการอำลา มายด์ที่เป็นเพื่อนในกลุ่มของแป้งก็เสนอมาว่า ให้ไปเที่ยวหัวหิน เพราะพ่อของมายด์ มีบ้านพักตากอากาศที่นั่น ส่วนเรื่องของการเดินทางอาหาร มายด์ก็อาสาเป็นคนดูแลเอง พอทุกคนตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย ก็นัดวันที่จะเดินทางกัน ตกลงกันว่าจะไป 4 วัน 3 คืน พอถึงวันที่จะเดินทาง ทุกคนก็ไปรวมกันที่บ้านของมายด์ ทุกคนนั่งรถตู้ของบ้านมายด์ไป กลุ่มเพื่อนของแป้งที่ไปกันมีประมาณ 8 คน มีทั้งหญิงและชาย พอถึงที่หมาย ทุกคนต่างก็นำข้าวของไปเก็บในห้องและออกไปเดินเที่ยวริมทะเล ผ่านไป 2 วันทุกคนก็ได้เล่นน้ำ ได้กินอาหารทะเลกันอย่างสนุกสนาน พอเช้าวันที่ 3 แม่ของแป้งโทรมาบอกว่า พ่อของแป้งไม่สบายอยู่โรงพยาบาล ให้แป้งกลับมาหาพ่อ เดี๋ยวแม่ของแป้งจะมารับ แป้งเป็นลูกคนเดียว พ่อของแป้งมีโรคประจำตัว […]

เสียงสะอื้นจากริมคลอง เรื่องเล่าเขย่าขวัญ

บ้านยายของฉันเป็นบ้านสวน มีคลองทอดผ่านหลังบ้าน สองฝั่งคลองก็ไม่มีบ้านคนมากนัก ตกค่ำพวกเราก็มีวิถีชีวิตแบบชนบท พอฟ้ามืดก็พากันเข้าบ้านบ้านไม่ไปเที่ยวที่ไหน ยกเว้นว่ามีงานวัดหรือออกไปหาปลาหากุ้งบ้างเป็นบางคราว   ฉันมาอยู่กับพ่ออีกจังหวัดหนึ่ง นานๆ พ่อจะพาฉันกับแม่ไปเยี่ยมยาย ทุกครั้งที่ไปก็มีแต่ความสนุก เล่นน้ำ หาปลา เก็บผลไม้ในสวนกันทั้งวัน แต่ครั้งนี้ไม่เป็นเหมือนอย่างที่เคยเป็น การมาเยี่ยมยายครั้งนี้ ทำให้ฉันจำไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว  เมื่อรถจอดที่คิวรถ ปกติถ้าเราไม่เอารถส่วนตัวมาเราจะเหมารถสามล้อเข้าบ้านยายเพราะไม่มีรถผ่านทางนั้น ครั้งนี้รถพ่อดันเสียแต่ได้บอกยายไว้แล้ว อีกอย่างก็วันเกิดยายด้วยก็เลยต้องมา เวลาตอนนี้ก็น่าจะสี่โมงเย็น หน้าหนาวค่ำเร็ว ขอบฟ้าสีส้มๆ ลมหนาวพัดโชย เราหารถสามล้อเพื่อเข้าบ้านยาย  ขณะที่เรานั่งรถถึงสะพานข้ามคลอง สามล้อก็บอกว่าส่งตรงนี้นะ ค่ำแล้วรีบกลับบ้าน พ่อก็บอกว่า ลุงบ้านผมห่างเป็นโลเลยนะ ส่งให้ใกล้กว่านี้ไม่ได้เหรอ สามล้อเครื่องก็บอกว่าไม่ได้หรอกจะรีบกลับบ้านมืดแล้ว จะลดราคาให้ พวกเราจึงต้องลงรถที่นั่นและเดินเข้าบ้านยาย หกโมงเย็นแต่ไร้ผู้คน ทุกบ้านปิดบ้านเงียบแต่ก็ยังมีแสงไฟแปลว่ามีคนอยู่ พอถึงบ้านยาย น้าเย็น น้องสาวแม่เปิดรั้วออกมารับและบอกรีบเข้าบ้านเร็วๆ เราก็ทำตาม น้าบอกว่ายายกับตารอกินข้าวอยู่ แม่ถามว่าลุงไปไหน น้าบอกว่าไปต่างจังหวัดอีกสองสามวันกลับ รีบมากินข้าวเถอะจะได้อาบน้ำอาบท่า พวกเราสังเกตเห็นท่าทีทุกคนในบ้านรีบร้อนไปหมด ยังมีลุงสามล้อนั้นอีก ขับมาก็ดีๆ พอพ่อบอกทางให้เลี้ยวมาทางนี้กลับหยุดรถ แล้วบอกว่ารีบกลับบ้าน เรากินข้าวเสร็จทุกคนก็อาบน้ำอาบท่า บ้านของยายเป็นบ้านที่ลุงสร้างใหม่แทนบ้านไม้ มีห้องน้ำในตัวไม่ต้องเดินไปอาบน้ำนอกบ้านอย่างสมัยก่อน ยายบอกให้ทุกคนเข้านอนทั้งที่ยังแค่สองทุ่มกว่าๆ ยายก็บอกว่าพวกเรามาเหนื่อยๆก็ เลยอยากให้นอนไว […]

10 เรื่องผีชวนขนหัวลุกในโรงพยาบาล

ขึ้นชื่อว่าโรงพยาบาลแล้ว ถือเป็นสถานที่ที่มีคนตายมากที่สุด และแน่นอนว่าพอมีคนตายก็ย่อมต้องมีวิญญาณ มีผี ซึ่งในวันนี้ทางเราก็ได้รวบรวมเอา 10 เรื่องผี เรื่องหลอนทั้งหลายที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล มาให้ทุกคนได้ขนหัวลุกไปพร้อม ๆ กัน! อันดับที่ 10. นักศึกษาแพทย์โดนดี! ทุกคนคงจะรู้ดีว่ากว่าจะได้มาเป็นหมอนั้น นักศึกษาแพทย์ทุกคนต้องผ่านการเข้าเวรดึกกันมาแล้วทั้งนั้น… เรื่องมีอยู่ว่า วันนั้นเวลาประมาณ 4-5 ทุ่ม นักศึกษาแพทย์ชายคนหนึ่งกำลังจะเดินเปลี่ยนวอร์ด บรรยากาศตามทางเดินไปยังลิฟต์ก็เงียบสงัด ไม่มีแม้กระทั่งคนอยู่แถวนั้น แต่จู่ ๆ พอเงยหน้าขึ้นมาไปยังทางเดินก็พบกับชายใส่ชุดสีกากี เขาก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะนึกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ แต่พอเดินใกล้เข้าไปเรื่อย ๆ เขากลับรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัว พอมองไปที่ชายคนนั้นก็สังเกตเห็นว่าทั้งแขน ทั้งไหล รวมถึงขา ไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย! จนเมื่อเดินสวนกันถึงได้เห็นว่าชายคนนั้นไม่มีขาและกำลังลอยอยู่กลางอากาศ! พอเห็นอย่างนั้นเขาจึงรีบวิ่งไปที่ลิฟต์ โดยก่อนลิฟต์จะปิดชายชุดกากีคนนั้นก็หันหน้ามาและแสยะยิ้มให้ อันดับที่ 9. ผีหัวขาด ณ ห้องน้ำ เรื่องนี้เคยเป็นข่าวที่ทำเอาคนอยุธยาไม่กล้าไปโรงพยาบาลกันพักใหญ่ เพราะใคร ๆ ก็พากันพูดถึงผีหัวขาดกันทั้งนั้น เรื่องมีอยู่ว่า ชาวบ้านคนหนึ่งได้ไปเฝ้าพี่สาวที่โรงพยาบาล ซึ่งได้พักอยู่ที่ห้องผู้ป่วยรวม ทำให้ต้องใช้ห้องน้ำร่วมกัน จากที่สังเกตก็ไม่ได้มีญาติคนไข้ที่เป็นผู้ชายเลย จนเวลาประมาณ 2 ทุ่ม […]