เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2530 คุณศักดิ์ได้ไปพากย์หนังที่โรงหนังพูลผลรามา ในจังหวัดระนอง ซึ่งในสมัยนั้นจะใช้วิธีการพากย์หนังกันสดๆ ในโรงหนังเลย ไปถึงช่วงเวลาประมาณบ่ายโมง ก็ได้เข้าไปเปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ได้ห้องพักบนชั้นห้า จังหวะที่คุณศักดิ์เปิดห้องเข้าไป คุณศักดิ์มีความรู้สึกว่าเหมือนเบียดใครบางคนเข้าไป เหมือนมีใครมายืนบังอยู่ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร คุณศักดิ์วางของแล้วก็เข้าไปอาบน้ำ
ในระหว่างที่กำลังอาบน้ำ คุณศักดิ์มีความรู้สึกว่า เหมือนมีใครอยู่ในห้องนอน ก็เลยลองเปิดประตูห้องน้ำออกมาดูสองสามครั้ง ก็ไม่เจออะไร จนอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย แต่งตัวเตรียมจะไปโรงหนัง เวลาประมาณหกโมงเย็น คุณศักดิ์เดินออกนอกห้องแล้วปิดประตูและล็อกห้อง แต่ในระหว่างที่กำลังล็อกห้อง มีความรู้สึกว่าเหมือนมีคนอยู่ข้างในห้อง ก็เลยเปิดเข้าไปดู แล้วเห็นเหมือนเป็นเงาวูบผ่านหน้าคุณศักดิ์ออกมานอกห้อง
คุณศักดิ์มีความรู้สึกว่า มันไม่ค่อยจะดีแล้ว แต่ก็ไม่อยากคิดอะไรมาก ก็เลยปิดประตูล็อกตามเดิม แล้วหันไปทางซ้ายมือเพื่อที่จะเดินลงบันได แต่มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่บันไดแล้วมองมาที่คุณศักดิ์ คุณศักดิ์ก็ยิ้มให้ แต่เค้าก็ไม่ยิ้มตอบ คุณศักดิ์ก็เลยเดินลงบันไดไป แล้วหันกลับมามองอีกที ปรากฏว่าผู้ชายคนนั้นหายไปแล้ว มองหาจนทั่วแต่ก็ไม่เจอ
คุณศักดิ์ก็เลยหันกลับแล้วเดินลงบันไดต่อ แต่แล้วก็ได้ยินเสียงคนไขประตูห้องแล้วเปิดประตู คุณศักดิ์หันกลับไปมอง ก็เห็นผู้ชายคนนั้นเดินเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู คุณศักดิ์ก็เลยเดินลงจนไปถึงข้างล่างแล้วก็นึกขึ้นได้ว่า ห้องที่ผู้ชายคนนั้นเข้าไปมันเป็นห้องของเรานี่หว่า! คุณศักดิ์เลยรีบเดินกลับขึ้นไป เพราะกลัวว่าจะเป็นขโมย
พอถึงหน้าห้องก็ไขประตูแล้วถีบประตูเข้าไป ปรากฏว่าภายในห้องไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างเหมือนเดิม คุณศักดิ์ก็เลยเดินไปถามที่เคาน์เตอร์ด้านล่างว่า กุญแจห้องนี้มันมีกี่ดอก แล้วห้องนี้มันเคยมีอะไรหรือเปล่า พนักงานก็ได้แค่ตอบว่า ไม่มีอะไร
ตอนที่คุณศักดิ์กำลังคุยกับพนักงานอยู่ คุณศักดิ์ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โชฟา ซึ่งผู้ชายคนนั้นเป็นคนเดียวกันกับที่เจอตรงบันได คุณศักดิ์ก็เลยคิดในใจว่าอ้อแล้วไป’
คุณศักดิ์เลยรีบไปทำงาน พอไปถึงโรงหนัง คุณศักดิ์มีความรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรเกาะหลังมา ตั้งแต่ที่ออกมาจากโรงแรม เวลาเดินมันเหมือนมีคนกระชาก แล้วมีความรู้สึกหนักๆ คุณศักดิ์ไม่อยากคิดอะไรมากเพราะต้องรีบไปทำงาน แต่พอคุณศักดิ์เดินไปไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ก่อนจะเข้าโรงหนัง ความรู้สึกมันก็กลับมาเป็นปกติ ไม่รู้สึกอะไรแล้ว จนพากย์หนักจบ ทุกอย่างเป็นปกติเรียบร้อย คุณศักดิ์ก็เดินทางกลับที่พัก ในระหว่างที่เดินทางกลับ ก็มีความรู้สึกว่าหนักที่ไหล่ทั้งสองข้างอีกแล้ว ก็คิดในใจว่าสงสัยจะไม่สบาย
พอถึงโรงแรมประมาณสี่ทุ่ม เดินเข้ามาก็เจอผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว คนที่เคยเจอตรงบันได ชายคนนั้นนั่งอยู่ที่โชฟาตัวเดิม ชุดเดิม แล้วมองมาที่คุณศักดิ์ คุณศักดิ์ก็เดินขึ้นบันไดไป แต่ระหว่างที่กำลังเดินขึ้นบันไดนั้น คุณศักดิ์เหลือบหันกลับไปมอง ซึ่งผู้ชายคนนั้นก็ยังมองมาที่คุณศักดิ์ และเหมือนจะพยายามมองตามตลอด
จนขึ้นมาถึงชั้นห้า ความรู้สึกหนักที่หัวไหล่ก็ยังไม่หายไป คุณศักดิ์คิดว่าแบบนี้มันไม่ค่อยดีแล้ว ก็เลยหยุดยืนอยู่ตรงชานพักบันได แล้วนึกในใจว่า ถ้าไม่ใช่อุปทาน ถ้าเป็นเรื่องจริง หรือที่นี่มันจะมีอะไรจริงๆ ถ้าคิดว่าจะมาขอส่วนบุญ อะไรที่เคยทำไว้ก็ขออุทิศให้ แล้วถ้ามีอะไรก็มาบอกกันดีๆ ก็แล้วกัน
สักพักคุณศักดิ์ก็รู้สึกว่าดีขึ้น ไม่รู้สึกว่าหนักที่ไหล่แล้ว ก็คิดว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปทำบุญให้ แล้วก็เข้าห้องไป และเข้านอนปกติ
ตื่นเช้าขึ้นมาในขณะที่สติยังเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น มันเหมือนกับว่าผู้ชายคนนั้นมายืนก้มหน้าอยู่ที่ปลายเท้าของคุณศักดิ์ ผู้ชายคนที่เห็นตรงบันไดและโซฟาข้างล่าง คุณศักดิ์ก็ถามออกไปว่า มีอะไรเหรอ? เขาตอบกลับมาสองคำว่า
ช่วยด้วย แล้วร่างนั้นก็หายไป
คุณศักดิ์ลุกขึ้นมานั่งคิดว่ามันคือฝันหรือเรื่องจริง แล้วก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ พออาบน้ำเสร็จก็แต่งตัวแล้วมานั่งสวมถุงเท้าบนเตียง จากนั้นก็ควานมือลงไปใต้เตียงเพื่อหารองเท้า พอจับรองเท้าได้คุณศักดิ์ก็ดึงออกมา แต่มันดึงไม่ออกไม่รู้มันติดอะไร คุณศักดิ์ก็เลยยกเตียงขึ้น
พอยกเตียงขึ้น ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาคุณศักดิ์แบบช็อค เพราะปรากฏว่า มีศพอยู่ใต้เตียง! มันเป็นศพของผู้ชายคนนั้น คนที่เจอที่หน้าห้องและตรงโซฟาด้านล่าง กลายเป็นว่าคุณศักดิ์ได้นอนอยู่กับศพทั้งคืน โดยที่ไม่มีแม้แต่กลิ่นให้ได้รับรู้เลย เหมือนศพพึ่งตายใหม่ๆ
คุณศักดิ์ก็เลยโทรลงไปข้างล่าง พนักงานก็ขึ้นมาดูแล้วก็แจ้งตำรวจ ศพนั้นเป็นศพของชาวพม่า และตามประวัติที่สืบทราบมา โรงแรมแห่งนี้เมื่อก่อนชาวพม่าถูกฆ่าตายบ่อยมาก จนคนแถวนั้นชินกันหมดแล้ว
คุณศักดิ์ได้ข้อมูลมาภายหลังว่า ผู้ที่ตายเป็นคนพม่าที่เข้ามาขายเพชรขายพลอยแล้วถูกลวงมาฆ่า แล้วยัดศพไว้ใต้เตียง โดยที่ข้างๆ ศพเหมือนมีผงอะไรสักอย่างสีดำๆ โรยอยู่รอบๆ ซึ่งอาจจะเป็นดินประสิว เสมือนเป็นการสะกดวิญญาณไว้ และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
ขอขอบคุณที่มา: พันทิปดอทคอม
ติดตามอ่านเรื่องสยองขวัญต่อได้ที่
คลังสยอง

กดแชร์บทความ