เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อประมาณปี 2555 มีแขกขายโรตีอยู่คนหนึ่ง แขกคนนี้มักจะขับรถมาขายโรตีที่หมู่บ้านของผมอยู่เป็นประจำแทบทุกวัน แล้วโดยส่วนตัวของผมชอบที่จะกินโรตี ผมก็ได้ซื้ออุดหนุนแขกคนนั้นอยู่เป็นประจำเกือบทุกวันเหมือนกัน แล้วก็มีอยู่วันหนึ่ง แขกคนที่ขายโรตีนั้น ก็ขับรถมาขายโรตีตามปกติ แล้วเขาก็ได้ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านของผม
ผมขออธิบายก่อนนะครับ ว่าในบริเวณพื้นที่บ้านของผมนั้นมีบ้านอยู่ 2 หลัง บ้านหลังหนึ่งเป็นบ้านที่ผมอาศัยอยู่ และบ้านอีกหลังหนึ่งเป็นบ้านของน้าของผมเอง ซึ่งน้าของผมชื่อว่า น้ามัย น้ามัยได้ไปทำงานที่จังหวัดชลบุรีได้หลายเดือนแล้ว
วันนั้นผมกับแขกขายโรตีก็ได้พบเจอกันตามปกติ แล้วแขกคนนั้นก็ได้ยกมือขึ้นและชี้นิ้วไปที่บ้านของน้ามัย ถามกับผมว่า “บ้านหลังนั้นไม่มีคนอยู่หรือ” ผมก็ตอบไปว่า “ไม่มี บ้านหลังนั้นเป็นบ้านของน้าผมเอง น้าไม่อยู่ไปทำงานต่างจังหวัด” และแขกขายโรตีก็ยังถามอีกว่า “บ้านหลังนั้นเปิดให้เช่าไหม” ผมจึงตอบกลับไปว่า “เดี๋ยวขอโทรศัพท์ไปถามน้าดูก่อนว่าเขาจะเปิดให้เช่าไหม” แขกคนนั้นก็พยักหน้าเป็นการรับทราบ
หลังจากผมซื้อโรตีเสร็จ ก็เดินกลับเข้ามาในบ้าน สักพักหนึ่งก็โทรศัพท์ไปหาน้า แล้วผมก็คุยกับน้ามัยเรื่องบ้านที่ถูกขอเช่า น้ามัยก็บอกว่าคงทำงานอยู่ที่นั่นอีกนาน เปิดให้เช่าก่อนก็ได้
หลังจากที่ผมได้โทรศัพท์คุยกับน้ามัยเสร็จ ก็ได้เดินออกมาบริเวณหน้าบ้านอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็มองเห็นแขกคนนั้นยังอยู่ จึงพูดออกไปว่า “เปิดให้เช่านะ” แล้วแขกคนนั้นก็พูดว่า “ดีเลย ถ้าอย่างนั้นอีกสองสามวันจะมาขอเช่านะครับ” ผมก็เลยตอบกลับไปว่า “ได้เลยครับ” แล้วแขกคนนั้นก็ขับรถจากไป
เวลาผ่านไปได้ 3 วัน แขกคนนั้นก็ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์มาที่บ้านของผม พร้อมกับภรรยาที่นั่งซ้อนท้ายรถมาด้วย เขาเดินเข้ามาหาผมแล้วก็พูดว่า “วันนี้มาขอเช่าบ้าน” ผมจึงได้บอกรายละเอียดทั้งหมดที่ได้คุยกับน้ามาว่าต้องจ่ายค่ามัดจำอย่างไรและเก็บต่อเดือนเท่าไหร่ แขกคนนั้นก็ได้ตอบตกลงและก็ได้จ่ายค่ามัดจำ ซึ่งบ้านของน้ามัยนั้นก็เป็นบ้านเล็กๆ อยู่ด้วยกันสองคนได้แบบสบายๆ
หลังจากเราทำสัญญาเช่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่างก็แลกเบอร์โทรศัพท์มือถือซึ่งกันและกัน เอาไว้เพื่อติดต่อเวลามีปัญหาหรือว่าต้องการสอบถามอะไรเพิ่มเติม หลังจากที่ทั้งคู่ได้คุยทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แขกที่มาขอเช่าบ้านก็บอกกับผมว่า “จะขอย้ายเข้ามาอยู่พรุ่งนี้เลย” ผมก็ตอบตกลง
เช้าวันรุ่งขึ้น แขกทั้งคู่ซึ่งเป็นสามีภรรยากันนั้น ก็ได้ขนของย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของน้ามัย เวลาก็ผ่านไปเกือบจะครบเดือน ทุกๆ อย่างก็ดูเป็นปกติดี จนกระทั่งมาถึงวันหนึ่ง วันนั้นผมได้เห็นแขกคู่สามีภรรยากำลังจะขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปจากบ้าน ผมเดินออกมาเจอพอดี ก็เลยตะโกนทักทายกันตามปกติว่า “จะไปไหนกันนะหรือ” แขกที่เป็นสามีก็ตอบกลับมาว่า “อ๋อ วันนี้หยุดขายโรตีกะว่าจะพาแฟนไปเที่ยว” พวกเราก็ได้ทักทายกันตามปกติและก็ได้แยกย้ายกันไป
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงกลางดึกของคืนวันนั้น คืนนั้นผมยังไม่ได้นอน กำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของบ้าน แล้วก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของผม ผมจึงเปิดประตูไปดู สิ่งที่เห็นก็คือแขกผู้เป็นสามีขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดที่บริเวณหน้าบ้านของผม ผมก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เนื่องจากเห็นผู้เป็นสามีเพียงคนเดียวภรรยานั้นหายไป ก็เลยถามออกไปว่า
“ทำไมกลับมาซะดึกเลย ดึกขนาดนี้แล้วแฟนคุณหายไปไหนล่ะ”
แล้วคำตอบที่ผมได้ฟังนั้นก็ทำให้ผมตกใจมากพอสมควร แขกผู้ที่เป็นสามีนั้นบอกให้ผมฟังว่าแฟนของเขาถูกรถชนบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้แฟนอยู่ที่โรงพยาบาล และเขาก็บอกอีกว่าที่ขับรถกลับมานี้เพื่อที่จะมาเก็บของ และจะกลับไปเฝ้าแฟนที่โรงพยาบาลต่อ ผมได้ยินคำตอบแบบนั้นก็นิ่งไปพักหนึ่ง
แขกผู้ที่เป็นสามีก็เดินกลับไปบ้านหลังที่เช่า เก็บของบางอย่างแล้วก็รีบขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไป ผมทำได้แค่มองดูแขกคนนั้นขี่รถจากไป แล้วก็เดินกลับเข้าไปในบ้านของตัวเอง และกำลังจะปิดประตูบ้าน แต่ว่าผมก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ขี่กลับเข้ามาบริเวณหน้าบ้านของผมอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเสียงรถมอเตอร์ไซค์นั้นเป็นเสียงที่คุ้นเคย เหมือนเสียงรถของแขกข้างบ้าน
และที่น่าประหลาดใจมากก็คือ นอกจากเสียงมอเตอร์ไซค์แล้ว ยังมีเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น ผมถึงกับยืนหยุดชะงักอยู่หน้าประตูบ้าน คิดอยู่ในใจว่ามันเป็นเสียงรถของแขกคนนั้นแน่นอน แล้วเขาขี่รถวนกลับมาทำไม ไหนว่าจะรีบไปโรงพยาบาล คิดได้แค่นั้นก็เลยตัดสินใจเปิดประตูบ้านออกไปดูอีกครั้ง ว่ามันคืออะไรกันแน่
สิ่งที่ผมเห็นทำให้ผมแปลกใจอย่างมาก ภาพที่อยู่เบื้องหน้าของผมในขณะนี้ก็คือ แฟนของแขกคนนั้นขี่รถมอเตอร์ไซค์มาจอดบริเวณหน้าบ้านที่เช่าเพียงลำพังคนเดียว พร้อมด้วยอาการที่ร้องไห้แบบสะอึกสะอื้น ผมเห็นแบบนั้นถึงกับอึ้งแต่ก็พยายามรวบรวมสติ ควบคุมความกลัว แล้วตะโกนถามสาวแขกคนนั้นออกไปว่า
“นี่คุณครับ แฟนคุณไปไหนเหรอ ทำไมไม่มาด้วยกัน เมื่อกี้เพิ่งจะเห็นเขาขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไป เขาบอกจะกลับไปเฝ้าคุณที่โรงพยาบาล” แล้วคำตอบที่ทำให้ผมถึงกับช็อคไปเลยก็คือ…
แขกสาวร้องไห้ไปพร้อมกับเล่าให้ฟังไปว่า ตัวเธอกับแฟนกำลังนั่งทานข้าวอยู่ริมทาง ผู้ที่เป็นสามีก็ได้ลุกขึ้นเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์ พร้อมกับบอกเธอว่า “สั่งกับข้าวไปก่อนเลย เดี๋ยวไปซื้อบัตรเติมเงินโทรศัพท์ก่อน เดี๋ยวมา” และในขณะที่สามีกำลังจะขี่รถออกไปนั้น ก็ได้มีรถกระบะคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็ว พุ่งชนสามีของเธอจนกระเด็น ร่างของเขาลอยไปตกอยู่ที่เกาะกลางถนน เสียชีวิตคาที่!
ผมก็ได้แต่นิ่งและอึ้งไป แขกสาวผู้นั้นก็ยังพูดอีกว่า “ที่ขับรถกลับมาก็เพื่อจะมาเก็บของและจะกลับไปรอรับศพแฟนที่โรงพยาบาล”
พอเธอพูดจบก็เดินหายลับเข้าไปในบ้านของน้ามัย ผมจึงตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในบ้านของตัวเอง และปิดบ้านเพื่อที่จะเข้านอน รู้ตัวแล้วว่าเมื่อสักครู่นี้ได้เจอกับอะไรมา!
และในระหว่างที่กำลังจะพยายามข่มตานอนให้หลับนั้น ผมก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือนั้นดังขึ้น ก็เลยลุกขึ้นมาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อกดรับสาย พอกดรับสาย สติของผมนั้นก็แทบแตกกระเจิง ปลายสายนั้นเป็นเสียงผู้ชายคนหนึ่ง ทักขึ้นมาว่า
“ฮัลโหลนี่ใช่เบอร์ของคุณซันใช่ไหมครับ”
ผมตอบกลับไปว่า “ใช่ครับ ผมซันเอง”
ชายที่โทรมาก็พูดต่อว่า “ผมเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิกู้ภัยนะครับ”
ผมฟังแล้วงง จึงรีบถามว่า “มีอะไรครับ” ชายที่อยู่ปลายสายนั้นก็ตอบกลับมาว่า
“ตอนนี้ผมได้ออกมาปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น และนี่ก็เป็นโทรศัพท์ของผู้ที่ประสบเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ลองไล่โทรกลับไปแล้ว 2-3 เบอร์ก่อนหน้านี้แต่ไม่มีคนรับ จนมาถึงเบอร์ของคุณนี่แหละครับ ส่วนผู้ประสบเหตุเป็นคนแขก ผู้หญิงคนนึง ผู้ชายคนนึง ถูกรถกระบะชนเสียชีวิตคาที่ทั้งคู่ คุณซันรู้จักใช่ไหมครับ”
ผมได้ยินแค่นั้นก็รีบกดวางสายไป ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก ก็เลยรีบวิ่งออกไปเปิดประตูหน้าบ้านดูอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็คือ ความมืดและความว่างเปล่า ไม่มีแขกสาว! ไม่มีรถมอเตอร์ไซค์!
คืนนั้นผมนอนไม่หลับทั้งคืน จนกระทั่งถึงช่วงสายของวันต่อมา ก็ได้มีญาติของแขกสามีภรรยาคู่นั้นมาติดต่อผม เพื่อที่จะขออนุญาตเข้าบ้านหลังที่เช่า เพื่อจะเข้าไปเก็บของของผู้ตายออกจากบ้าน
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา พอตกกลางดึก ผมก็มักจะได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ วิ่งมาจอดที่บริเวณหน้าบ้านของผมเกือบทุกคืน!
ขอขอบคุณที่มา: พันทิปดอทคอม
ติดตามอ่านเรื่องสยองขวัญต่อได้ที่
คลังสยอง

กดแชร์บทความ