บ้านยายของฉันเป็นบ้านสวน มีคลองทอดผ่านหลังบ้าน สองฝั่งคลองก็ไม่มีบ้านคนมากนัก ตกค่ำพวกเราก็มีวิถีชีวิตแบบชนบท พอฟ้ามืดก็พากันเข้าบ้านบ้านไม่ไปเที่ยวที่ไหน ยกเว้นว่ามีงานวัดหรือออกไปหาปลาหากุ้งบ้างเป็นบางคราว  

ฉันมาอยู่กับพ่ออีกจังหวัดหนึ่ง นานๆ พ่อจะพาฉันกับแม่ไปเยี่ยมยาย ทุกครั้งที่ไปก็มีแต่ความสนุก เล่นน้ำ หาปลา เก็บผลไม้ในสวนกันทั้งวัน แต่ครั้งนี้ไม่เป็นเหมือนอย่างที่เคยเป็น การมาเยี่ยมยายครั้งนี้ ทำให้ฉันจำไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว 

เมื่อรถจอดที่คิวรถ ปกติถ้าเราไม่เอารถส่วนตัวมาเราจะเหมารถสามล้อเข้าบ้านยายเพราะไม่มีรถผ่านทางนั้น ครั้งนี้รถพ่อดันเสียแต่ได้บอกยายไว้แล้ว อีกอย่างก็วันเกิดยายด้วยก็เลยต้องมา เวลาตอนนี้ก็น่าจะสี่โมงเย็น หน้าหนาวค่ำเร็ว ขอบฟ้าสีส้มๆ ลมหนาวพัดโชย เราหารถสามล้อเพื่อเข้าบ้านยาย 

ขณะที่เรานั่งรถถึงสะพานข้ามคลอง สามล้อก็บอกว่าส่งตรงนี้นะ ค่ำแล้วรีบกลับบ้าน พ่อก็บอกว่า ลุงบ้านผมห่างเป็นโลเลยนะ ส่งให้ใกล้กว่านี้ไม่ได้เหรอ สามล้อเครื่องก็บอกว่าไม่ได้หรอกจะรีบกลับบ้านมืดแล้ว จะลดราคาให้ พวกเราจึงต้องลงรถที่นั่นและเดินเข้าบ้านยาย

หกโมงเย็นแต่ไร้ผู้คน ทุกบ้านปิดบ้านเงียบแต่ก็ยังมีแสงไฟแปลว่ามีคนอยู่ พอถึงบ้านยาย น้าเย็น น้องสาวแม่เปิดรั้วออกมารับและบอกรีบเข้าบ้านเร็วๆ เราก็ทำตาม น้าบอกว่ายายกับตารอกินข้าวอยู่ แม่ถามว่าลุงไปไหน น้าบอกว่าไปต่างจังหวัดอีกสองสามวันกลับ รีบมากินข้าวเถอะจะได้อาบน้ำอาบท่า

พวกเราสังเกตเห็นท่าทีทุกคนในบ้านรีบร้อนไปหมด ยังมีลุงสามล้อนั้นอีก ขับมาก็ดีๆ พอพ่อบอกทางให้เลี้ยวมาทางนี้กลับหยุดรถ แล้วบอกว่ารีบกลับบ้าน

เรากินข้าวเสร็จทุกคนก็อาบน้ำอาบท่า บ้านของยายเป็นบ้านที่ลุงสร้างใหม่แทนบ้านไม้ มีห้องน้ำในตัวไม่ต้องเดินไปอาบน้ำนอกบ้านอย่างสมัยก่อน ยายบอกให้ทุกคนเข้านอนทั้งที่ยังแค่สองทุ่มกว่าๆ ยายก็บอกว่าพวกเรามาเหนื่อยๆก็ เลยอยากให้นอนไว พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน

ทุกคนเข้านอนแต่ฉันนอนไม่กลับ เรานอนห้องเก่าของแม่ พ่อกับแม่หลับไปแล้วแต่ฉันไม่ง่วงเลย ปกติก็นอนดึก เวลาตอนนี้ก็สี่ทุ่มกว่า เสียงหมาหอนเกลียวทางหลังบ้านที่เป็นคลอง หอนมาแต่ไกลจนเข้าใกล้มาเรื่อยๆ เสียงหมาหยุดไปแต่กลับมีเสียงร้องไห้มาแทน

เสียงร้องไห้อันน่ากลัวนั้นทำให้ฉันขนลุกไปทั้งตัว แต่ฉันก็อยากรู้ว่าเสียงใคร ความสอดรู้ฉันจึงเดินออกจากห้องไปที่ระเบียงหลังบ้าน ฉันกำลังจะเปิดประตูระเบียง แต่ยายดึงตัวฉันไว้แล้วดึงฉันเข้ามาที่โถงกลางบ้านแล้วบอกให้ฉันเงียบๆ จนเสียงนั้นหายไปเสียงหมาหอนเริ่มขึ้นอีก และมันก็ส่งเสียงห่างออกไป ยายจึงบอกให้ฉันไปนอน ฉันก็งงๆ แต่ดูหน้ายายตอนนี้จริงจังมาก ฉันเลยทำตาม

เช้าวันรุ่งขึ้นทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ มีชาวบ้านทำมาหากินเหมือนอย่างเคย แต่ไม่คึกคักเท่าที่ควรจะเป็น เสียงชาวบ้านร้องบอกกัน เจอแล้วๆ ทุกคนในบ้านเราก็รีบออกไปดู

ห่างจากบ้านเราไปอีกฝั่งคลอง รถกู้ภัยนำบางอย่างขึ้นรถไป แม่ถามยายว่ามีอะไร แม่ฉันก็อยากรู้เช่นกัน ยายเล่าว่า นางเรียม แม่ค้าขายขนมครกหายไปเป็นอาทิตย์แล้ว เห็นแต่เรือลอยมาติดอยู่ตรงสะพานโน้น นี่คงเจอศพแล้วล่ะ น่าสงสาร

ยายเล่าว่า ตั้งแต่มันหายตัวไป ตอนกลางคืนจะมีเสียงคนร้องไห้ระงมทั่วคุ้งน้ำ ฉันเลยถามยายว่า เสียงเมื่อคืนหรือยาย ยายตอบว่าใช่! บางคนสงสัยออกไปดูตอนนี้ก็จับไข้อยู่หลายคน ดีนะที่ยายมาเห็นแกก่อน

งานศพป้าเรียมเราต้องไปช่วยงาน คนน้อยมากคงเพราะกลัวป้าแก ตำรวจบอกว่าป้าแกโดนทุบหัว ตอนจมน้ำยังไม่เสียเพราะมีน้ำอยู่ในปอด

พอค่ำฉันกับแม่ก็ขอตัวกลับบ้านก่อน มีน้าและคนข้างบ้านอีกสามคนรวมเป็นหกคนเดินกลับพร้อมกัน ตอนเดินกลับฟ้าก็มืดแล้ว ฉันมองไปที่ไฟถนนเห็นคนยืนอยู่ ฉันเลยเรียกให้แม่ดู แม่กับน้าตอบพร้อมกันว่า ฮือ! อย่าพูด เดินไปๆ

พอเดินผ่านคนๆ นั้น ฉันขนลุกเกลียว เราหกคนจับมือกันแน่น ป้าเรียมนั่นป้าเรียม! ไฟถนนดับพรึ่บลง เราทั้งหมดวิ่งใส่เกียร์หมาสุดชีวิต ถึงบ้านใครบ้านมันก็รีบเข้าบ้าน เสียงหมาหอนตามเรามาหยุดที่หน้าบ้านแล้วก็ผ่านไปบ้านถัดไป จนห่างออกไปเรื่อยๆ 

เหตุการณ์ก็เป็นอยู่อย่างนี้ งานศพเสร็จก็ยังเป็นมาเรื่อยๆ ฉันอยากกลับบ้านแต่พ่อกับแม่เป็นห่วงยายกับตา เพราะลุงไม่อยู่น้าก็เป็นผู้หญิง

แต่แล้ววันสิ้นสุดเหตุการณ์สยองขวัญก็มาถึง เมื่อตำรวจจับคนร้ายที่ฆ่าป้าเรียมได้ เราก็ไปดูเค้าทำแผน คนร้ายคือคนขับสามล้อคนนั่นเอง ลุงแกมีอาการสั่นๆ กลัวไปหมด ตำรวจบอกว่าลุงแกมามอบตัวเองบอกว่าผีหลอก!

พอลุงเห็นพวกเราแกก็ตะโกนด่ากราด เพราะพวกมึงมันเลยเห็นกู! กูอุตส่าห์หนีแล้วแท้ๆ จากนั้นก็ปล่อยโฮ พวกเราคิดว่าป้าแกคงออกมาตามหาคนที่ฆ่าแก และวันนั้นที่สามล้อมาส่งเราป้าแกคงจะเห็น วิญญาณผีตายโหงป้าเรียมจึงตามไปหลอกหลอน จนคนร้ายต้องยอมมามอบตัว

และจากนั้นมาก็ไม่มีเสียงร้องไห้หรือหมาหอนอีก ทุกคนก็ใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข

ขอขอบคุณที่มา: พันทิปดอทคอม

ติดตามอ่านเรื่องสยองขวัญต่อได้ที่ คลังสยอง

กดแชร์บทความ