เสกตะปูเข้าท้อง ไสยศาสตร์มนต์ดำ แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่อยู่ควบคู่กับคนไทยมาเนิ่นนานแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเป็นศาสตร์เร้นลับที่น้อยคนนักจะเข้าใจ หรือมีโอกาสสัมผัสรับรู้ได้ ไสยศาสตร์เป็นศาสตร์แห่งความเร้นลับน่าอัศจรรย์ใจ ที่เต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว ทั้งต่อตัวผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ ซึ่งมักจะถูกนำมาใช้ในทางชั่วร้ายมากกว่าทางดี
เรื่องราวที่จะนำมาเสนอต่อไปนี้ เป็นผลของศาสตร์แห่งไสยอีกเรื่องหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นจริง โดยผู้ถ่ายทอดคือ คุณมงคล ณ ตะกั่วทุ่ง ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่ท่านได้ประสบมาในครั้งนั้นว่า
เมื่อสมัยที่คุณมงคลยังเป็นเด็กอายุได้ประมาณ 9 ปี เกิดล้มป่วยด้วยโรคปอดบวม มีอาการปวดภายในหน้าอกทางขวา การเจ็บป่วยในครั้งนั้นอาการหนักมาก จนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นตายเท่ากัน คุณพ่อของคุณมงคลได้เชิญหมอมาทำการรักษา โดยในครั้งนั้นได้เชิญแพทย์แผนปัจจุบันที่มีชื่อ 2 ท่าน และหมอแผนโบราณอีก 1 ท่าน มารักษาคุณมงคล เนื่องจากอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่นั้นยิ่งนับวันก็ยิ่งแย่ลงทุกที
ในช่วงระหว่างนั้น นายแพทย์แผนปัจจุบันทั้งสองท่านได้พยายามรักษาคุณมงคลอย่างสุดความสามารถ แต่ว่าอาการก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย นายแพทย์ทั้งสองท่านจึงปรึกษาหารือกันว่า จำเป็นต้องบอกให้บิดาของคุณมงคลได้รู้ว่าอาการของคุณมงคลในครั้งนั้น แพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถรักษาให้หายได้
นายแพทย์ทั้งสองแจ้งกับบิดาของคุณมงคลว่า คุณมงคลคงจะต้องเสียชีวิตลงภายใน 7 วัน เพราะสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลงทุกที และยาที่ใช้ในการรักษาไม่สามารถเอาอยู่ บิดาของคุณมงคลตกใจมาก เพราะคาดไม่ถึงว่าลูกชายซึ่งป่วยเป็นเพียงแค่ปอดบวมจะถึงขั้นต้องล้มตายจากกันได้
เมื่อแพทย์แผนปัจจุบันหมดทางรักษา บิดาของคุณมงคลจึงขอร้องแพทย์แผนโบราณให้รักษาโดยสมุนไพรแผนโบราณ เผื่อจะได้ผลบ้าง ขณะเดียวกันก็ยังไม่หยุดการรักษาโดยยาแผนปัจจุบัน เรียกว่าเมื่อถึงขั้นนี้แล้วต้องทำทุกวิถีทาง ที่จะสามารถรักษาชีวิตของลูกชายไว้ให้ได้ คุณมงคลจึงได้รับการรักษาจากแพทย์ทั้งสองทางไปพร้อมๆ กันนอกจากนั้น
นายแพทย์แผนปัจจุบันท่านหนึ่งได้แนะนำบิดาของคุณมงคลว่า ท่านรู้จักกับพระอาจารย์รูปหนึ่งซึ่งเก่งทางไสยศาสตร์มาก เพราะนายแพทย์ท่านนั้นเคยมีประสบการณ์กับครอบครัวของท่าน และเชื่อว่าการรักษาทางด้านไสยศาสตร์อีกทางหนึ่ง อาจเป็นผลทำให้คุณมงคลรอดพ้นจากการเจ็บป่วยอันถึงขั้นต้องเสียชีวิตใน 7 วันก็ได้
เมื่อบิดาของคุณมงคลได้ยินดังนั้น จึงยินดีที่จะทำตามทุกวิธีทาง และได้ไปนิมนต์พระอาจารย์รูปนั้นมาช่วยรักษาอีกทางหนึ่ง
นายแพทย์แผนปัจจุบันได้เล่าถึงประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของท่านให้บิดาของคุณมงคลฟังว่า ที่บ้านของท่านซึ่งเปิดเป็นร้านขายยาและเปิดเป็นคลินิกรักษาโรคไปด้วย โดยในครอบครัวมีน้องสาวเป็นแม่บ้าน เพราะนายแพทย์ท่านนี้ยังไม่มีภรรยา
ต่อมาได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งมาชอบพอน้องสาวและได้มาสู่ขอกับท่าน แต่น้องสาวของท่านไม่ชอบผู้ชายคนนี้จึงได้ปฏิเสธไป แต่ชายหนุ่มคนนั้นก็ยังพยายามติดต่ออยู่เรื่อยๆ อย่างไม่ยอมลดละ สร้างความรำคาญใจให้กับน้องสาวท่านมาก
จนวันหนึ่งน้องสาวทนรำคาญไม่ไหวจึงได้ต่อว่าไปบ้าง เพื่อไม่ให้เขามาเซ้าซี้อีก หลังจากวันนั้นมาชายหนุ่มคนนั้นก็หายหน้าไป น้องสาวก็รู้สึกโล่งอกคิดว่าทุกอย่างคงจบสิ้นแล้ว แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะต่อมาไม่นานน้องสาวของท่านก็เกิดล้มป่วยมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง
ท่านก็ทำการตรวจรักษาน้องสาวด้วยตนเองโดยใช้ยาแผนปัจจุบัน แต่อาการไม่บรรเทาเบาบางลงอย่างที่ควรจะเป็น อาการปวดท้องของน้องสาวท่านน่าสงสารอย่างมาก มีอาการดิ้นทุรนทุรายเพราะปวดทรมาน นายแพทย์ท่านนี้ก็ไม่อาจช่วยเหลือน้องสาวของตนได้แม้แต่น้อย เพราะเมื่อทำการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์แล้วก็ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด
ท่านจึงปรึกษากับเพื่อนๆ และญาติมิตรก็ได้รับความเห็นว่า น้องสาวอาจถูกคุณไสยเสกตะปูเข้าท้องกระทำ ให้ลองไปหาผู้มีความรู้ทางด้านนี้มารักษาอาจได้ผล ท่านก็ยินยอมเพราะว่าไม่มีทางเลือกอื่น ทั้งที่ตนเองไม่เคยเชื่อถือในเรื่องเร้นลับเหล่านี้เลย
เมื่อทราบว่ามีพระอาจารย์รูปหนึ่งมีความรู้ทางไสยศาสตร์เป็นอย่างดีและมีความเมตตาสูง นายแพทย์ท่านนี้จึงเดินทางไปนิมนต์มารักษาน้องสาว
พระอาจารย์ท่านบอกว่า นี่เป็นผลจากการถูกกระทำคุณไสยอย่างแน่นอน และพระอาจารย์ท่านได้บอกอีกว่า ของที่น้องสาวนายแพทย์ถูกกระทำนี้ มาจากชายหนุ่มคนหนึ่งที่ให้อาจารย์ของเขากระทำมา ซึ่งคำบอกของพระอาจารย์ได้ทำให้นายแพทย์รู้สึกพิศวงเป็นอย่างมาก เพราะท่านไม่เคยเล่าเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับน้องสาวให้พระอาจารย์ฟังเลย
พระอาจารย์เริ่มพิธีรักษาโดยการนำผงแป้งมาเสกด้วยคาถา แล้วปั้นเป็นแผ่นโดยใช้น้ำมนต์ผสม แล้วให้เอาไปพอกบริเวณท้องที่ปวด ปรากฏว่าหลังจากที่พอกแป้งเสกไปแล้ว อาการของน้องสาวท่านก็ค่อยๆ ทุเลาลงในคืนนั้นนั่นเอง
พอตกวันรุ่งขึ้น นายแพทย์ได้แกะเอาแป้งเสกออกจากบริเวณท้องของน้องสาว แล้วท่านก็ต้องประหลาดใจอย่างยิ่ง เมื่อปรากฏว่าพบตะปูจำนวน 3-4 ดอก ปะปนอยู่ในแป้งเสกนั้น ขณะเดียวกัน อาการปวดท้องของน้องสาวที่ทรมานมานานก็หายไปอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
ตกสายวันเดียวกัน พระอาจารย์ได้กลับมาเยี่ยมอาการอีกครั้ง เมื่อพบว่ามีตะปูปะปนออกมากับแป้งเสกเช่นนี้ ท่านจึงให้นายแพทย์เอากระดาษมาห่อตะปู แล้วกำชับให้นำไปเก็บไว้ในเซฟเหล็กซึ่งมีความแน่นหนา เนื่องจากกลัวว่าตะปูเหล่านั้นจะกลับเข้าไปในท้องของคนไข้อีก
ตลอดคืนนั้นทั้งคืน น้องสาวของนายแพทย์ก็ไม่มีอาการปวดท้องอีก อาการที่เคยทรมานมานานหายไปราวปลิดทิ้ง นายแพทย์ก็ดีใจมากและเชื่อสนิทใจว่า ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะผลของการกระทำทางไสยศาสตร์อย่างแน่นอน
ครั้นพอถึงเช้าวันรุ่งขึ้น พระอาจารย์ท่านก็ได้มาเยี่ยมคนไข้อีกครั้ง แล้วบอกให้นายแพทย์ไปไขตู้เซฟเอาตะปูออกมาดู ท่านจึงรีบไปไขเปิดตู้เซฟตามที่พระอาจารย์สั่ง แล้วนายแพทย์ก็ต้องพบกับความประหลาดใจอย่างเหลือจะกล่าว เพราะปรากฏว่าเมื่อไขตู้เซฟแล้วเอาห่อกระดาษออกมาแกะดูก็ปรากฏว่า ไม่พบตะปูที่ท่านห่อไว้เองกับมือเลย นายแพทย์จึงรีบแจ้งให้พระอาจารย์ทราบว่าตะปูเหล่านั้นหายไปหมด
พระอาจารย์จึงกล่าวว่า ผู้กระทำคุณไสยเสกตะปูเข้าท้องคนนี้อาคมแรงมาก จากนั้นจึงบอกให้ช่วยกันค้นหาตะปูซึ่งคาดว่าจะยังคงอยู่ภายในบ้าน ทุกคนจึงช่วยกันค้นหา ก็ปรากฏว่าไปพบอยู่ใต้ที่นอนของน้องสาวท่าน เพื่อเตรียมจะเข้าท้องอีก นับเป็นสิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับนายแพทย์อีกครั้งหนึ่ง
พระอาจารย์ท่านนั้นจึงขอตะปูไป บอกว่าจะต้องนำไปทำพิธีส่งกลับ มิฉะนั้นจะเข้าท้องน้องสาวท่านอีก และตั้งแต่นั้นมา น้องสาวของท่านก็หายเป็นปกติดีทุกอย่าง นายแพทย์ท่านจึงเชื่อมั่นในเรื่องนี้อย่างมาก
คุณมงคล ณ ตะกั่วทุ่ง ได้รับการรักษาจากทั้งแพทย์แผนปัจจุบันแพทย์แผนโบราณ และพระอาจารย์ผู้มีความรู้ทางด้านไสยศาสตร์ไปพร้อมๆ กัน จนในที่สุดอาการป่วยปางตายของท่านในครั้งนั้นก็หายไป โดยไม่ต้องจบชีวิตลงภายใน 7 วัน ดังคำวินิจฉัยของนายแพทย์แผนปัจจุบันทั้งสองท่านที่กล่าวไว้
หลังจากรอดตายในครั้งนั้น ท่านก็ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข โดยเมื่อจบการศึกษาแล้ว ท่านได้เข้าทำงานในบริษัทปูนซีเมนต์ไทยเรื่อยมาเป็นเวลาหลายสิบปี
ขอขอบคุณที่มา: ไสยศาสตร์
ติดตามอ่านเรื่องสยองขวัญต่อได้ที่
คลังสยอง

กดแชร์บทความ