เรื่องนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนของคุณเจ็ต บรรดาเพื่อนของคุณเจ็ตนั้นชอบตกปลา ชอบหาปลามาก ตอนช่วงต้นเดือนก็วางแผนกันจะเข้าป่า ไปหาปลาที่ต้นน้ำ ซึ่งต้นน้ำที่เพื่อนจะเข้าไปนั้น เป็นรอยต่อของจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดระนอง ซึ่งการที่จะเข้าไปถึงต้นน้ำนั้นต้องใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 วัน
เพื่อนก็ได้รวมตัวกันทั้งหมด 5 คน ได้เตรียมเสบียง อุปกรณ์ต่างๆ พร้อมเดินทาง และก็ได้ไปว่าจ้างนายพรานคนที่เคยว่าจ้างนำทางเข้าที่นี่มาก่อนแล้ว แต่ว่านายพรานปฏิเสธ เนื่องจากเวลานี้เป็นช่วงฤดูฝน เป็นช่วงป่าปิด ไม่ควรจะเข้าไป แต่ว่าเพื่อนๆ หลายคนก็ไม่ได้สนใจ เนื่องจากปีที่แล้วเคยเข้ามาที่ต้นน้ำแห่งนี้มาก่อนแล้ว ยังพอมีคนจำทางได้ จึงออกเดินทางกันเองโดยที่ไม่มีพรานนำ
หลังจากทุกคนเตรียมตัวเสร็จ ก็ได้ขับรถไปที่บ้านเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้กับทางขึ้นเขาที่อยู่ใกล้ๆ ต้นน้ำมากที่สุด เวลานั้นเป็นเวลาประมาณ 9 โมงเช้า ทุกคนจึงรีบเดินขึ้นเขา และมุ่งหน้าเข้าสู่ป่า
เดินกันไปได้ซักพักนึง ก็ไปเจอนายทหารพรานทั้งหมด 4 นาย นายทหารเหล่านั้นก็ได้ขอตรวจค้นสัมภาระ เนื่องจากต้องระวังผู้ลักลอบขนของผิดกฏหมาย หลังจากไม่เจออะไร นายทหารท่านหนึ่งก็เตือนว่า ระวังให้ดี ในป่าช่วงนี้มันอันตราย แล้วทุกคนก็ออกเดินทางต่อ
จนเวลาก็ล่วงผ่านไป จนถึง 5 โมงเย็นซึ่งในป่าจะมืดเร็วมาก ทุกคนจึงตัดสินใจมองหาที่พักเพื่อตั้งเต็นท์ หลังจากทำอาหารเย็นกินแล้ว ทุกคนก็พักผ่อนกัน พอเวลาซัก 3 ทุ่ม ช่วงที่ทุกคนกำลังจะนอนหลับกันนั้น จู่ๆ ทุกคนก็ได้ยินเสียงหนังตะลุงดังมาจากยอดเขาปลายทาง ซึ่งบนยอดเขาไม่มีคนอาศัยอยู่เลย ไม่มีหมู่บ้าน ไม่มีชุมชน ถ้าจะคิดว่าเป็นเสียงสะท้อน มาจากหมู่บ้านตีนเขานั้นก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะว่ามันอยู่ห่างไกลเกินกว่า 10 กิโลเมตร
เสียงหนังตะลุงที่ว่านั้น ดังอยู่นานเป็นชั่วโมง ดังชัดเจน จนจับใจความได้เกือบทั้งหมด คนในกลุ่มก็ได้ยินทั้งหมดแต่ไม่มีใคร กล้าที่จะพูดหรือว่าทักอะไรขึ้นมา เนื่องจากว่าการเข้าป่า ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่า ถ้าเสียงดังจากป่า อย่าทักมั่วซั่ว ทุกคนก็เลยนอนฟังเงียบๆ จนสิ้นเสียงหนังตะลุงลงไป
แต่ว่าทันได้นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงมโนราห์ดังขึ้นมาแทน แต่ว่า เสียงดังมาจากอีกทาง ซึ่งทางนั้นเป็นทางที่ทุกคนเพิ่งจะเดินผ่านมาเสียงใกล้มาก มีทั้งเสียงคนร้อง เสียงดนตรี เสียงที่ได้ยินตอนนี้ น่ากลัวว่าหนังตะลุงมาก ทุกคนในกลุ่มก็ได้แต่ปิดตา นอนฟังเงียบๆ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรกันเลย จนกระทั่งเผลอหลับไปด้วยความเพลีย
พอตะวันขึ้น รุ่งเช้า ทุกคนก็มุ่งหน้าเดินทางกันต่อไป เข้าสู่ป่าที่ทึบมากกว่าเดิม ต้นไม้ต้นใหญ่กว่าเดิม ก็เดินกันไปจนเวลาใกล้ค่ำ เข้าสู่คืนที่ 2 หลังจากที่ทุกคนตั้งเต็นท์เสร็จ ทำภารกิจทุกอย่างเสร็จสิ้นใกล้ได้เวลานอน ทุกคนในกลุ่ม เพิ่งจะสังเกตเห็นว่า ป่าในเวลานี้นั้นเงียบผิดปกติ ไม่มีแม้กระทั่งเสียงลม เสียงแมลง หรือเสียงสัตว์ใดๆ ทั้งสิ้น พอทุกคนหยุดสนทนากันนั้น ความเงียบสงัด จนได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง ทำให้ทุกคนในกลุ่มเรื่องรู้สึกกลัวขึ้นมา
ทุกคนก็ตัดสินใจที่จะเข้านอน แต่ว่ายังไม่ทันที่ทุกคนจะหลับกันดี จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนเดิน เสียงนั้นอยู่ไกล แต่ว่าความเงียบก็ทำให้ได้ยินเสียงชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงเดินนั้นมุ่งหน้าเข้ามาใกล้ๆ มากขึ้น และทุกคนก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น เพราะว่าสิ่งที่เข้ามาใกล้นั้นคือเงา จำนวนทั้งหมด 5 เงา กำลังมุ่งหน้าเดินผ่านทุกคนในกลุ่มไป ทุกคนได้แต่นอนมองนิ่งๆ ไม่กล้าขยับตัว หลังจากกลุ่มเงาทั้ง 5 เดินผ่านไปแล้ว ก็ยังเห็นมีกลุ่มคนอีกกลุ่มนึงเดินตามเข้ามา
ลักษณะอาการเหมือนกำลังตามหาใครพร้อมกับร้องเรียก 5 คน ข้างหน้าที่ผ่านไปแล้วด้วย แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ กลุ่มคนข้างหลังที่เดินตามหานั้นมีพ่อและน้าชายของเพื่อนในกลุ่มรวมอยู่ด้วย แล้วทุกๆ คนก็เดินผ่านไป ทุกๆคนก็เริ่มใจไม่ดี สงสัยว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นก็เป็นได้ ทุกคนจึงตัดสินใจนอนเอาแรงกันก่อน
จนกระทั่งเช้า ทุกคนก็ลืมเรื่องเมื่อคืนไปซะเกือบหมด เก็บข้างของออกเดินทางเพราะว่าต้นน้ำอยู่ไม่ไกลแล้ว พอไปถึงต้นน้ำ ทุกคนก็ออกหาปลา โดยใช้วิธีการดำลงไปในน้ำแล้วใช่แหลมแทงปลา ซึ่งปลาต้นน้ำนั้นตัวมันจะใหญ่มาก และมีจำนวนที่เยอะ
ใช้เวลาหาปลากันประมาณ 3 ชั่วโมง ทุกคนก็กำลังเตรียมตัวกลับ และก็รีบขึ้นมาช่วยกันทำปลาตรงนั้นเลย ชำแหละและเอาเกลือทา เพื่อไม่ให้ปลานั้นเน่า ทุกคนช่วยกันทำใกล้จะเสร็จแล้ว จนมาถึงปลาตัวสุดท้าย สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น อยู่ดีๆ ก็มีเสียงอะไรแปลกๆ คล้ายกับเสียงของสัตว์ร้องครวญครางดังออกมาจากป่า ทุกด้าน
แล้วพอเพื่อนใช้มีดกรีดเข้าไปในตัวปลา เพื่อนถึงกับสะดุ้งและทิ้งปลาตัวนั้นลงไปในน้ำทันที เพราะตอนที่เอามีดกรีดเข้าไปในเนื้อปลานั้นมีเสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังมาก ทุกคนก็หันมามองว่าเสียงมาจากไหน แล้วทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะเหมือนเมื่อคืนอีกครั้ง นั่นคือ! ทุกอย่างเงียบสงัด ทั้งๆ ที่เป็นตอนกลางวัน เพื่อนในกลุ่มก็หันมาถามเพื่อนว่า ทิ้งปลาไปทำไม ตัวก็ใหญ่ เสียดาย แต่ว่าเพื่อนก็หันมาตอบว่า ตอนที่เอามีดหั่นเข้าไปในเนื้อปลา มันไม่ใช่เนื้อปลา มันเหมือนเนื้อคนและมีเลือดสดๆ ไหลออกมาเหมือนคนโดนมีดบาดเลย ทั้งกลุ่มพอได้ยินแบบนั้นก็รีบเดินทางกลับทันที
แต่ว่าในขณะที่ทุกคนกำลังเดินกลับออกมานั้น ทุกคนก็ได้ยินเสียงคนเดิมตามมาจากด้านหลัง แต่ไม่มีใครกล้าหันกลับไปมอง แต่ว่าเสียงนั้นเดินตามมาตลอดทาง ล่วงเข้าสู่ช่วงเย็นทุกคนก็มองๆ หาที่พัก อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคล้ายผู้หญิงดังออกมาจากความเงียบว่า
พวกมึง! พวกมึง! พวกมึง!
แล้วก็มีเสียงช้าง เสียงลิง เสียงนก เสียงแมลงร้องดังครวญครางทั้งป่า เสียงเหล่านั้นดังมาก และฟ้าก็เริ่มที่จะมืดแล้ว
ระหว่างที่เสียงสัตว์ต่างๆ ดังอยู่นั้น ทุกคนในกลุ่มก็ต้องขนลุกไปตามๆ กัน เมื่อมีเสียงร้องกล่อมเด็กดังขึ้น พร้อมๆ กับเสียงกรีดร้องของผู้หญิง ทุกคนรีบหยิบไฟฉายประจำตัว และส่องไปรอบๆ ตัวเอง ภาพที่เห็นทำให้ขนหัวลุกยิ่งกว่าเดิม เพราะว่า รอบๆ ตัวของทุกคนนั้นมีคนวิ่งอยู่รอบๆ มีทั้งวิ่ง และกระโดดขึ้นลงต้นไม้ เยอะมากๆ ทุกคนเริ่มที่จะตัวสั่นและจับกันเป็นกลุ่ม
เสียงนั้นก็ยังดังขึ้นเรื่อยๆ จนมีเพื่อนคนนึง เอาปืนออกมายิงขู่ขึ้นฟ้า แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น ก็เลยตัดสินใจเอามีดหมอออกมาจากกระเป๋า เสียงทุกอย่างก็เริ่มที่จะเงียบ ทุกคนจึงตัดสินใจว่า ต้องรีบออกไปจากตรงนี้ก่อนไปหาที่พักที่อื่นแทน ทุกคนก็รีบเดินและทิ้งปลาที่หามาได้ทั้งหมดด้วย
แต่ระหว่างทางที่เดินออกมานั้น ก็ยังคงมีเสียงเดินตามออกมาตลอดทาง และในบางจังหวะก็จะมีเสียงแปลกๆ ดังมาเป็นระยะๆ คล้ายๆ ว่ามีคนจำนวนมากตามมา ทำให้ทุกคนในกลุ่มไม่กล้าที่จะหยุดเดิน มีแต่จะเดินเร็วมากขึ้น
เวลาผ่านไปซักระยะ ทุกคนในกลุ่มเริ่มเหนื่อย ก็ชะลอฝีเท้าและหยุดเดิน แต่ว่าเสียงเหล่านั้นก็ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เพื่อนคนเดิมก็เลยหยิบมีดหมอออกมาอีกครั้ง ทุกอย่างเงียบลง ทุกคนก็ตัดสินใจว่าจะนอนพักค้างคืนกันตรงนี้ เพราะว่าเป็นป่าที่ไม่ทึบนัก
หลังจากที่ทุกคนตั้งเต็นท์ก่อไฟเรียบร้อย ก็กำลังจะเข้านอน อยู่ดีๆ ก็มีเสียงเรียกอยู่นอกเต็นท์และมีหินปลาเข้ามาที่เต็นท์ ทุกคนก็เลยออกไปดู ภาพที่เห็นก็คือ ผู้หญิงเยอะมาก ยืนอยู่รอบเต็นท์ห่างประมาณ 20 เมตร ลักษณะของผู้หญิงเหล่านั้นจะมีเลือดไหลออกมาจากหัวบ้าง ตรงตัวบ้าง ซึ่งเป็นรอยเหมือนโดนแทงด้วยเหล็กแหลม ตอนนั้นทุกคนเข้าใจตรงกันแล้วว่า น่าจะเป็นผีปลา ที่พวกเขาแทงกันเมื่อตอนเช้านั่นเอง อาจจะแปลงกายมาในลักษณะของเจ้าป่าเจ้าเขา
และอยู่ดีๆ ผู้หญิงกลุ่มนั้นก็ยกมือชี้มาที่ทุกคนที่อยุ่ในเต็นท์ด้วยสายตาที่อาฆาต ทุกคนในกลุ่มก็กลัวและตกใจมาก ทำอะไรไม่ได้ แล้วจู่ๆ ผู้หญิงกลุ่มนั้นก็หายวับไปกับตา แล้วอยู่ดีๆ ก็มีเสียงโขลงช้างวิ่งตรงมาในจุดที่ทุกคนกำลังยืนอยู่ ทุกคนก็เลยตั้งหน้าตั้งตาวิ่งหนี แต่ว่าเพื่อนคนที่วิ่งนำหน้านั้นสะดุดก้อนหินล้มลง ทำให้เพื่อนที่วิ่งตามมาต้องหยุดและช่วยประคอง แต่เสียงโขลงช้างก็วิ่งเข้ามาใกล้มากขึ้น แล้วโขลงช้างก็วิ่งผ่านทุกคนในกลุ่มไปโดยที่ไม่ได้เหยียบใคร ทุกคนก็บอกไม่ได้ว่าคืออะไร พอได้สติก็พยุงกันกลับไปที่เต็นท์ และนั่งอยู่กันยันเช้า
พอตะวันขึ้น ทุกคนก็รีบเก็บเต็นท์ออกจากป่าให้เร็วที่สุด พอมาถึงจุดที่หนีช้างเมื่อคืนนี้ ทุกคนก็หน้าซีด เพราะว่าเลยจุดที่เพื่อนล้มไปเพียงนิดเดียวนั้นมันคือหน้าผา ถ้าเพื่อนคนที่วิ่งนำหน้าไม่ล้ม ทุกคนน่าจะวิ่งลงเหวไปหมดแล้ว
ทุกคนก็พยายามออกจากป่านั้น แต่ก็หลงป่าซะแล้ว ทั้งกลุ่มก็พยายามเดินหาทางออก จนเข้าช่วงบ่ายก็หยุดนั่งพัก เริ่มกลัว หิวและอ่อนล้า ก่อนที่ทุกคนจะสติแตกนั้น ก็พอดีว่ามีคนกลุ่มนึงเดินผ่านมา ซึ่งคนในกลุ่มก็คือพ่อและน้าของเพื่อน และนายพราน
ทุกคนนั้นดีใจมาก แล้วพ่อของเพื่อนก็พูดมาว่า เดินตามหามา 5 วันแล้ว กำลังจะกลับไปขอความช่วยเหลืออีก แล้วคนในกลุ่มก็ถามว่า ทำไมถึงไม่ตามเข้ามา พ่อกับน้าก็บอกว่า ตอนที่ทุกคนกำลังเดินเข้าป่านั้น พ่อกับน้าเห็นทุกคนไม่มีเงาหัว เห็นแค่เงาลางๆ พยายามตะโกนเรียกแล้ว แต่ทั้งกลุ่มไม่ได้ยินกันเลย พยายามวิ่งตามไปก็ตามไม่ทัน เลยกลับไปขอร้องนายพรานให้ตามไปช่วย
พรานก็ได้เตือนแล้วว่าช่วงนี้ ป่ามันปิด ห้ามล่าสัตว์ เพราะจะมีวิญญาณสิงอยู่ในสัตว์ หรือไม่ก็จะโดนบังจนหาทางออกจากป่าไม่ได้ เรื่องราวทั้งหมดก็มีประมาณนี้
ขอขอบคุณที่มา: THE SHOCK 13

กดแชร์บทความ