เรื่องนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อปี พ.ศ. 2557 ซึ่งคุณวิทย์ได้อยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด และคุณวิทย์ได้เล่าว่า

ต้นกับเหมียวเป็นสามีภรรยากัน ต้นเป็นเด็กฝึกงานที่ฝึกงานกับคุณวิทย์ เป็นผู้ช่วยพนักงานขาย ต่อมาก็ได้เลื่อนขึ้นมาเป็นเซลล์ ซึ่งต้นนั้นเป็นเด็กหนุ่มที่หน้าตาดี อายุประมาณ 24-25 ปี ด้วยความที่หน้าตาดี ต้นจึงมีนิสัยเป็นผู้ชายที่เจ้าชู้

ตอนนั้นต้นก็ติดตามคุณวิทย์อยู่ตลอด จนคุณวิทย์กลับบ้านที่จังหวัดขอนแก่น ต้นก็ไปเจอกับเหมียว ที่เป็นหลานของคุณวิทย์ แต่เป็นญาติห่างๆ ทั้งคู่เกิดชอบคอกัน พอคุณวิทย์รู้ว่าต้นชอบหลานก็บอกกับต้นว่าไม่ได้นะ เพราะเหมี่ยวเป็นหลานคุณวิทย์ ถ้าจะจริงจังก็จริงจังไป อย่าเล่นๆ เหมือนคนอื่นที่ต้นเคยจีบ จนสุดท้ายทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกัน โดยผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้

แต่ด้วยความที่ต้นเป็นคนเจ้าชู้ ต้นก็ไม่หยุดพฤติกรรมแย่ๆ ของตัวเอง ส่วนเหมียวด้วยความที่เป็นเด็กจบใหม่ก็รักต้นมาก เพราะน่าจะเป็นรักแรก บ่อยครั้งที่ต้นชอบโพสต์รูปเซลฟี่กับผู้หญิงคนอื่นลงเฟซบุ๊กโดยไม่แคร์ความรู้สึกของเหมียวเลย ตอนนั้นคุณวิทย์ก็รู้สึกผิดที่ยุให้ทั้งคู่แต่งงานกัน

จนวันหนึ่ง เหมียวก็โทรมาหาคุณวิทย์และบอกว่าไม่ไหวแล้ว จะไม่ทนกับต้นแล้ว คุณวิทย์ก็บอกให้อดทนไว้ก่อน และนั่นก็เป็นสายสุดท้ายที่คุณวิทย์ได้คุยกับเหมียว เพราะหลังจากนั้นเรื่องก็เงียบหายไปร่วมเดือน

ในส่วนของต้นเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมากสำหรับเซลล์มือใหม่ๆ เพราะต้นทำยอดขายได้ถล่มทลายในชนิดที่ว่าคนเก่าๆ อย่างคุณวิทย์ก็สู้ไม่ได้ ซึ่งทำให้ต้นได้เป็นพนักงานขายยอดเยี่ยมในรอบ 6 เดือนของบริษัท แล้วก็จะมีงานจัดเลี้ยงเล็กๆ ให้กับพนักงานขายซึ่งผู้จัดการก็ได้เรียกต้นขึ้นมารับรางวัล

คุณวิทย์ได้สังเกตอยู่ตลอดเวลา วันที่จะมอบรางวัลเหมือนต้นจะอยู่ไม่ค่อยสุข กระวนกระวาย พอรับรางวัลเสร็จคุณวิทย์ก็ชวนต้นไปกินเลี้ยงกัน แต่ต้นตอบกลับว่า ผมจะกลับบ้าน คุณวิทย์ก็บอกว่า เฮ้ย! นี่มัน 4 ทุ่มแล้วนะ กรุงเทพไปบุรีรัมย์ตอนนี้เนี่ยนะ ต้นบอกว่า ไม่ได้พี่ เหมียวรออยู่ แล้วต้นก็เล่าให้ฟังว่า

ทุกวันนี้หายใจเข้าออกก็เป็นเหมียว จะคิดถึงเหมียวตลอดเวลา รู้สึกว่าเหมียวเปลี่ยนทุกเรื่อง ให้ดูดีไปหมดและไม่อยากห่างจากเหมียวแม้แต่นาทีเดียว จนเช้าวันรุ่งขึ้น คุณวิทย์เปิดเฟซบุ๊กดูก็เห็นต้นถ่ายรูปคู่เหมียวและเช็คอินที่บุรีรัมย์จริงๆ

หลังจากนั้นประมาณ 2 เดือน แม่ของต้นโทรมาเล่าให้คุณวิทย์ฟัง แม่บอกว่าต้นโดนของ คุณวิทย์ก็งงว่าไปโดนของอะไร แม่ของต้นเลยบอกว่า เวลาที่ต้นกลับบ้าน จะอยู่ในห้องกับเหมียวตลอด จะไม่ออกไปไหน นอกจากจะเข้าห้องน้ำเท่านั้น แม้เวลาจะกินก็กินในห้อง

พักหลังๆ แม่ก็รู้สึกว่าต้นเปลี่ยนไป ตาหน้าเริ่มคล้ำ คุณวิทย์เลยตอบกลับไปว่า ผัวเมียเขารักกันก็ดีแล้วนะแม่ มันจะเป็นอะไร แต่แม่ของต้นสงสัยว่าเหมียวจะทำของใส่ ซึ่งคุณวิทย์ก็งงเพราะมันฟังดูไม่มีเหตุผลเอาซะเลยที่เหมียวจะทำของใส่ต้น เนื่องจากต้นก็มาชอบเหมียวเอง หรืออาจจะเพราะว่าต้นไปสนใจผู้หญิงอื่น เหมียวเลยทำของใส่ ให้ต้นกลับมารักกลับมาหลงตนเหมือนเดิม

แม่ของต้นยังเล่าต่อว่า ตอนกลางคืนมักจะได้ยินเสียงคนเดินอยู่ในบ้านตลอด บางทีเวลาต้นไม่อยู่จะได้ยินเสียงคนเดินและจะเห็นเป็นเงาดำๆ เดินอยู่ในบ้าน ทีแรกแม่ก็คิดว่าเป็นเหมียว แต่ก็ไม่น่าใช่ เพราะไปจับดูที่ประตูห้องของเหมียวก็ล็อคอยู่

มีอยู่วันหนึ่ง แมวเปอร์เซียที่เลี้ยงไว้หายตัวไป ตอนนั้นแม่ก็ตามหาคิดว่าคงติดสัตว์เดี๋ยวมันคงจะกลับ แต่มันก็ไม่กลับ จนพ่อไปกวาดลานหน้าบ้านแล้วได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยมาจากหลังบ้าน พ่อก็เดินไปดูแล้วเจอซากแมวโดยฆ่าตัดหัว ตัดขา 4 ข้าง ควักเอาหัวใจ แล้วก็เอาช่วงตัวไปผูกไว้กับกิ่งมะยม และรอบๆ ต้นมะยมจะมีก้อนหินวางอยู่ประมาณ 20 ก้อน แล้วก็มีกิ่งไม้อยู่ 3 กอง พอพ่อเห็นอย่างนั้นก็คิดว่าใครมันใจร้ายถึงทำได้ขนาดนี้ เลยเอาไม้กวาดกวาดกองใบไม้ทั้งหมดออก แล้วก็เอาซากของแมวไปเผาทำลายเพราะเริ่มมีกลิ่น

และคืนนั้นก็เกิดเรื่องขึ้น พ่อบอกว่าขณะที่พ่อหลับก็ฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งตัวดำๆ ขึ้นมาบนเตียง มาเหยียบที่หน้าอก แล้วกระทืบๆ ที่หน้าอก แล้วก็พูดเป็นภาษาอะไรไม่รู้ พ่อฟังไม่ออก แต่รู้ด้วยความรู้สึกประมาณว่า

มึงมายุ่งเรื่องของกู กูจะเอามึงให้ตาย!

พ่อดิ้นยังไงก็ดิ้นไม่หลุด จนเฮือกสุดท้ายที่ดิ้นหลุด เหมือนกับว่าสิ่งนั้นยอมปล่อยให้หลุดไปเอง

พอตื่นเช้ามา แม่บอกว่าที่หน้าอกพ่อมีรอยฟกช้ำจึงพากันไปหาหมอ หมอบอกว่าเกิดจากการกระทบกระเทือนอะไรมาอย่างรุนแรง ทีนี้ทุกคนก็เริ่มอยู่ไม่ได้ และฟันธงว่าต้องเป็นฝีมือของเหมียวแน่ๆ ที่เป็นคนทำให้เกิดเรื่องราวเหล่านี้ แม่จึงโทรมาเล่าให้คุณวิทย์ฟัง แล้วถามว่าตอนนี้คุณวิทย์อยู่ไหน ซึ่งตอนนั้นคุณวิทย์ก็อยู่บ้านที่โคราช แม่ของต้นจึงขอร้องให้คุณวิทย์ช่วยมาดูหน่อย

ในระหว่างที่คุณวิทย์เดินทางไปหาต้น คุณวิทย์พยายามที่จะโทรหาเหมียวแต่ไม่เคยโทรติดเลย บางครั้งคุณวิทย์เคยถามต้นว่า ต้นคิดถึงเมียทำไมไม่โทรหา ต้นก็บอกว่าโทรไม่ติด เหมือนเหมียวจะไม่ได้ใช้โทรศัพท์แล้ว

พอคุณวิทย์ไปถึงบ้านต้นที่บุรีรัมย์ แว้บแรกที่เห็น สภาพของเหมียวตอนนี้ จากหลานสาวสวยๆ ก็เปลี่ยนไป ผมกระเซอะกระเซิง เคี้ยวหมาก ฟันดำ คุณวิทย์เดินเข้าไปถามว่าเป็นยังไงบ้าง มีอะไรจะคุยกับพี่ไหม แต่เหมียวตอบกลับมาว่า มึงเป็นใคร! แล้วก็ถามคุณวิทย์ว่า มึงมีบุหรี่ไหม?!!

แทบไม่น่าเชื่อ จากคนที่ไม่ชอบบุหรี่ ตอนนี้เหมียวกลับมาขอบุหรี่สูบจากคุณวิทย์ คุณวิทย์ก็เลยคุยกับพ่อแม่ของต้นและลงความเห็นกันว่า จะพาเหมียวไปหาหมอผี จะได้รู้ให้แน่ชัดไปเลยว่า ตกลงแล้วเหมียวเป็นอะไรกันแน่

วันนั้นที่ออกเดินทางไปก็จะมีพ่อกับแม่ของต้น คุณวิทย์ ต้น เหมียว และก็ลุงของต้น ซึ่งเป็นคนขับรถพาไป พอไปเจอหมอผี เหมียวก็ดูปกติมาก หัวเราะร่าตลอดและไม่ได้เกรงกลัวอะไร

หมอผีเริ่มทำพิธี โดยการเอาน้ำมนต์มาวาง ตั้งขันแล้วก็รดไปที่เหมียว แต่สิ่งที่เหมียวทำคือ หัวเราะและลุกขึ้นแล้วเตะขันน้ำมนต์ แล้วก็ถีบไปที่ยอดอกของหมอผีคนนั้น ตอนนั้นหมอผีก็บอกว่า ไม่ไหวนะ เขาช่วยไม่ได้ เหมียวก็หัวเราะ แล้วพูดว่า อย่างมึงทำอะไรกูไม่ได้หรอก! หมอผีก็เลยบอกให้ไปหาหลวงปู่ท่านหนึ่ง พร้อมทั้งบอกชื่อและสถานที่ให้อย่างชัดเจน

ทั้งหมดจึงเดินทางไปหาหลวงปู่รูปนี้ ซึ่งสิ่งแรกที่คุณวิทย์เห็นก็คิดว่าคงไม่น่าจะไหว เพราะหลวงปู่ที่เขาเรียกกัน กลับกลายเป็นพระหนุ่มอายุประมาณ 20 กว่าๆ เท่านั้น แล้วก็มีญาติโยมไปนั่งขอหวย ซึ่งหลวงปู่ท่านนี้ดังมาก แต่คุณวิทย์ก็คิดว่าไม่น่าจะเก่งกาจอะไร แต่คนแถวนั้นบอกว่าเป็นหลวงปู่ที่มรณภาพไปแล้ว แล้วกลับมาเกิดเป็นร่างนี้ พระหนุ่มรูปนี้จึงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้าน

แต่พอเหมียวเห็นหลวงปู่ เหมียวก็ตัวสั่น แล้วหลวงปู่ท่านก็มองหน้า ท่านถามเหมียวว่า รู้ใช่ไหมว่าอาตมาเป็นใคร เหมียวก็ตอบแบบสั่นๆ และย้ำไปว่า รู้ๆๆ หลวงปู่ก็บอกต่อว่า ถ้ารู้ก็หลบไปซะ นี่ไม่ใช่สถานที่ของโยมนะ เดี๋ยวอาตมาจะช่วยส่งให้ไปอยู่ภพภูมิที่ดีขึ้น ซึ่งตอนนั้นอาการของเหมียวที่เห็นคือกลัวมาก ทางหลวงปู่ก็พูดต่ออีกว่า จะยอมไปดีๆ ไหมหรือจะต้องใช้ความรุนแรงไล่ไป?

สรุปแล้ววิญญาณก็ยอมออกแต่โดยดี แต่ก่อนจะออก วิญญาณตนนั้นบอกว่า มันยกให้แล้ว ทั้งตัวมันและผัวมันต้องเป็นของกู ความจริงไม่จำเป็นต้องออกไปไหนก็ได้ แต่หลวงปู่บอกว่า ไม่ไปไม่ได้ เพราะว่าเราไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวรของเขา อย่าสร้างบาปอีกต่อไปเลย

จากนั้นหลวงปู่ก็เอาน้ำมนต์มาให้เหมียวกิน แล้วก็ท่องคาถา พอเหมียวดื่มน้ำมนต์เสร็จ ร่างของเหมียวก็ฟุบลงไป จากนั้นหลวงปู่ก็ชี้หน้าต้นแล้วบอกว่า ให้ไปเอาน้ำที่อ่างล้างเท้าด้านล่างมากิน เสร็จแล้วให้เอาผ้าขี้ริ้วมาเคาะที่หัวแล้วก็ไล่มันไป แต่จังหวะที่เอาผ้าขี้ริ้วมาเคาะหัวต้น ต้นก็สลบและฟุบลงไปเหมือนกัน

ผ่านไปสักพัก ทั้งเหมียวและต้นก็ฟื้น แม่ของต้นก็ด่าเหมียวว่า รู้ไหม ทำอะไรลงไป ทำไมต้องมาทำของใส่ต้นด้วย หลวงปู่ท่านก็เลยพูดขึ้นว่า โยมหยุดก่อน ไปถามลูกชายโยมสิ ว่ามันทำอะไรไว้ ต้นก็งัวเงียลุกขึ้นมา หลวงปู่ก็บอกว่า ดูที่คอมันสิ ตลับสีเงินๆ น่ะ ไปปลดออกมาแล้วเอาไปเผาซะ

ทุกคนถามต้นว่าเกิดอะไรขึ้น ต้นก็เลยเล่าให้ฟัง ต้นบอกว่าตอนที่มันเป็นเซลล์ใหม่ๆ ยอดขายก็ไม่ค่อยไม่ดี และตอนที่ไปเที่ยวเขมรกับเพื่อนอีกคนนึงก็ไปเจอหมอทำไสยศาสตร์ ต้นเลยไปขอของดีเขามา หมอไสยศาสตร์ก็บอกว่า ของมันแรงนะ ขออะไรก็ได้ แต่อย่าใช้ป้าย ถ้าใช้ป้ายตัว มันจะแรงมาก แล้วจะคุมไม่อยู่ แล้วหมอคนนั้นก็ยกตลับนี้ให้ ข้างในตลับเป็นขี้ผึ้งสีเขียวๆ

หลังจากนั้นต้นก็ขอมาตลอด แต่ก็ไม่ได้ดั่งใจ ทีนี้เลยเอามาป้ายที่ปาก แล้วก็ขอให้โปรเจคนี้ผ่านไปได้หรือได้ยอดขายดีๆ ถ้าต้นได้ตามที่ขอแล้ว จะเอาอะไรต้นจะหาให้ทั้งหมด ตอนนั้นต้นพูดแบบนี้ แล้วยอดขายก็ดีขึ้น แต่สิ่งที่วิญญาณตนนี้มันอยากได้คือ มันอยากกลับมาเป็นคน และให้ต้นเป็นสามี โดยที่มันจะสิงร่างของเหมียวและจะทำการตามวิธีของมัน ซึ่งหลวงปู่ก็บอกว่า ถ้ามาช้ากว่านี้ 19 วัน ก็ไม่แน่เหมือนกัน เหมียวอาจจะไม่ได้กลับเข้าร่างอีก

ในมุมของเหมียว หลังจากที่เหมียวฟื้นขึ้นมา ทุกคนก็ถามเหมียวว่าทั้งหมดมันเกิดอะไรขึ้น เหมียวจึงเล่าให้ทุกคนฟังว่า วันนั้นที่นอนหลับไป เหมียวรู้สึกเหมือนมีคนมาเรียกชื่อ แต่ก็ไม่ได้ขานรับ แล้วอยู่ๆ ก็เหมือนโดนดึงออกมาจากร่าง ตอนนั้นมันทรมานมาก เหมียวบอกว่า เขานอนกับผัวเราทั้งที่ไม่ใช่ตัวเรา มันจะทรมาณขนาดไหน และไม่รู้ว่าใครมาอยู่ในตัวเรา คนที่อยู่ในตัวเราก็เห็นเรา และเราก็เห็นมัน แต่คนอื่นไม่เห็น

มันเป็นอะไรที่ทรมาณมาก ตลอดเวลาเหมียวเห็นการกระทำของต้นกับร่างของเหมียว โดยที่ข้างในไม่ใช่ตัวเอง

ส่วนแมวที่ตายนั้นก็น่าจะเป็นพิธีๆ หนึ่งที่มันจะกลืนร่างของเหมียวให้เป็นของมัน แต่พ่อเข้าไปทำลายพิธีของมันซะก่อน มันเลยจะเอาพ่อให้ตาย

ทุกวันนี้ทั้งต้นและเหมียวก็รักกันดี เหมือนกับฟ้าหลังฝน แต่น้อยครั้งมากที่เรื่องราวเกี่ยวกับคนเล่นของหรือคุณไสยจะจบลงด้วยดีเช่นนี้ และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด

ขอขอบคุณที่มา: theshockghost.xyz

ติดตามอ่านเรื่องสยองขวัญต่อได้ที่ คลังสยอง

กดแชร์บทความ