สวัสดีค่ะ เรามีประสบการณ์ที่อยากจะมาแชร์ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเราโดยตรงหรอกค่ะ แต่มันเกิดในช่วงยุคสมัยของคุณยายแล้วก็คุณแม่เรา
ขอเกริ่นก่อนนะคะ สมัยก่อนที่บ้านคุณยายเราจะเป็นวังกุ้ง (บ่อเลี้ยงกุ้ง) แล้วก็จะมีป่าจากขึ้นเต็มไปหมด ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นวังกุ้งอยู่ค่ะ แต่ว่าป่าจากมันเริ่มลดน้อยลงไป ในสมัยนั้นยังไม่มีถนนตัดผ่าน เวลาจะสัญจรไป-มาก็จะใช้เรือเป็นหลัก
คุณยายเราเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนตอนคุณยายทำวังอยู่ คุณยายเรามีเพื่อน ๆ ที่ช่วยกันทำวังด้วยกัน แล้วก็มีเพื่อนคนหนึ่ง ชื่อว่า เกอ
ยายเกอ มีลูกสาว 1 คน แต่สามีของยายเกอได้เลิกรากับแกไป เมื่อตอนที่ลูกสาวของแกยังเด็กๆ ยายเกอแกเป็นคนที่หน้าตาดีอยู่ เป็นคนมีเงิน ก็ส่งลูกให้ไปเรียนในกรุงเทพฯ แล้วลูกก็นาน ๆ ทีกว่าจะกลับมาหายายเกอสักครั้ง แกก็เลยต้องอยู่คนเดียว แล้วบ้านของยายเกออยู่ห่างกับบ้านคุณยายของเราก็เยอะอยู่นะคะ คือต้องพายเรือกันไปหาค่ะ
บ้านยายเกอจะอยู่ลึกเข้าไปในป่าจากอีกค่ะ ตอนสาว ๆ ก็ไม่ค่อยมีใครยุ่งกับยายเกอ เพราะว่าแกเป็นคนปากร้าย แต่ไม่ได้นินทาใครนะคะ ปากร้ายในที่นี้หมายความว่า ถ้าใครมายุ่งหรือมาทำอะไรแก แกจะด่า และก็ไล่ตะเพิดไปเลย
เวลาผ่านไป ยายเกอก็แก่ลง ช่วงนั้นแถวบ้านคุณยายเรามันมีข่าวลือเกี่ยวกับผีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ผีพรายน้ำ ผีกระสือ ผีเปรต สาระพัดผี แล้วชาวบ้านแถวนั้นก็ลือกันว่า ยายเกอนี่แหละ เป็นผีกระสือ คนส่วนมากก็จะเชื่อว่ายายเกอเป็นกระสือ แต่ก็ยังมีคนส่วนน้อยที่ไม่เชื่อ เพราะว่ามันไม่ได้เห็นกับตาไงคะ และหนึ่งในครอบครัวที่ไม่เชื่อก็คือ ครอบครัวของคุณยายเราค่ะ
มีอยู่คืนหนึ่ง คุณยายเราปวดท้องเข้าห้องน้ำตอนกลางดึก คุณยายเราเล่าว่า ตอนลงมาจากบ้าน คุณยายเห็นไฟสีแดงวาบ ลอยออกมาจากทางบ้านยายเกอ ลอยไม่สูงมาก ตอนนั้นคุณยายเรายืนดูเพื่อจะรอดูว่ามันเป็นไฟอะไร คุณยายเรายืนดูจนแน่ใจว่ามันไม่ใช่ไฟของคนมาหาปลาแน่นอน แต่มันน่าจะเป็นไฟของผีกระสือมากกว่า!
พอเช้ามา คุณยายเราก็พายเรือไปบ้านยายเกอกับคุณแม่ของเรา พายเรือไปกันสองคน พอเข้าไปถึงบ้านยายเกอก็เดินเข้าไปหา คุณยายเราพูดกับยายเกอว่า
“เกอ เป็นไงบ้าง แกไม่ค่อยสบายเหรอ บ้านถึงสกปรก รกขนาดนี้”
คุณยายเราบอกว่า ตอนเข้าไปบ้านยายเกอ บ้านแกมีแต่ขยะ แล้วก็มีกลิ่นเหม็นเหมือนอุจจาระน่ะค่ะ ยายเกอก็ตอบคุณยายเรามาว่า “ข้าสบายดี เอ็งออกไปเถอะ ข้าจะนอน”
คุณยายกับคุณแม่เราก็เลยออกมาจากบ้านยายเกอ คุณยายกับคุณแม่เราก็พูดกันว่า ยายเกอไม่มีทีท่าว่าจะเป็นกระสือนะ เพราะแกไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง ดูเหมือนจะนอนทั้งวันด้วยซ้ำ
ตกกลางดึกคืนนั้น เป็นทีของคุณแม่เราบ้างค่ะ คุณแม่เราลุกขึ้นมาปัสสาวะ แล้วคุณแม่เราก็เห็นเหมือนกับคุณยายของเราค่ะ คือเห็นไฟแดง ๆ ลอยมาจากบ้านของยายเกอ คุณแม่เราไม่รอให้เห็นชัด ๆ หรอกค่ะ เห็นแค่นั้น คุณแม่เราก็วิ่งขึ้นบ้านแล้ว
พอเช้ามา ชาวบ้านก็พูดกันว่า เมื่อคืนมีคนเห็นผีกระสือเข้าไปในกอไผ่ แล้วยังไม่ออกมาจากกอไผ่เลย คุณยายกับคุณแม่เราก็เลยรีบพายเรือกันไปดูที่บ้านของยายเกอ แต่พอไปถึงก็มีทั้งผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านหลายคนมารอที่บ้านของยายเกออยู่ก่อนแล้ว
สักพักก็มีชาวบ้านอุ้มร่างของยายเกอที่ไม่มีหัวออกมาข้างนอกบ้าน แล้วชาวบ้านก็ช่วยกันยกดูใต้ที่นอนของยายเกอ ปรากฏว่า ใต้ที่นอนของยายเกอมีแต่อุจจาระที่ห่อด้วยกระดาษ แล้วก็อุจจาระที่ใส่ไว้ในถุงค่ะ ชาวบ้านก็พูดกันว่า ยายเกอนี่แหละกระสือ และพวกอุจจาระทั้งหมดเนี่ย ยายเกอเก็บไว้กิน เพราะกระสือมันชอบกินของสกปรกโสโครก
พอจับได้ว่ายายเกอเป็นกระสือ พวกชาวบ้านก็ลงมติกันว่า จะเผาบ้านของยายเกอ เพื่อไม่ให้มีผีกระสืออีก แต่แล้วก็มีหลวงพ่อของวัดประจำหมู่บ้านมาบอกว่า ให้หยุด อย่าไปเผาบ้าน อย่าทำอะไรทั้งนั้น เพราะแค่นี้ยายเกอแกก็ลำบากทุกข์ทรมานมากพอแล้ว ชาวบ้านก็เลยหยุดการกระทำทุกอย่าง แล้วปล่อยบ้านไว้อย่างนั้น
แต่ก็มีชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งไปเฝ้าอยู่ตรงกอไผ่ ที่บอกว่ากระสือเข้าไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วยังไม่ออกมาน่ะค่ะ คือเฝ้ากันนานมาก แต่ก็ไม่มีผีกระสือออกมา จนชาวบ้านต้องฟันต้นไผ่เพื่อจะดูว่ามีกระสืออยู่จริงไหม พอฟันจนเตียน ก็พบแต่ความว่างเปล่า ไม่มีอะไรอยู่ในกอไผ่เลย
แล้วหลังจากนั้นมาก็ไม่มีใครพบเจอหัวของยายเกอเลย ส่วนลูกสาวแกก็ไม่กลับมาที่หมู่บ้านอีกเลยค่ะ
เราได้ฟังมาจากคุณยายเราอีกทีนะคะ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล เราแค่อยากจะมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกัน ขอบคุณที่อ่านค่ะ
2. เรื่องประสบการณ์เจอผีกระสือ!
เรามีเรื่องจะมาเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับประสบการณ์ เจอผีกระสือ! ก่อนอื่นเลยเราเล่าเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ใครไม่เชื่อก็อ่านเอาสนุก ๆ แล้วกันนะคะ ปกติอ่านแต่เรื่องของคนอื่นจนพี่สาวทักว่า ทำไมเราไม่ลองมาตั้งกระทู้เล่าบ้างล่ะ เป็นคนเห็นผีนี่
ปัจจุบันเราอายุ 18 ปี เรียนอยู่ปี 1 เรื่องมันเกิดขึ้นตอนเราอยู่ ป.5 ในตอนนั้นแม่พาเรา พี่สาว น้องสาว ไปต่างจังหวัด เป็นบ้านของป้า มีญาติคนอื่น ๆ ด้วย กะว่าจะไปอยู่เคาท์ดาวน์วันขึ้นปีใหม่กัน บ้านของป้าเราจะเป็นบ้านชั้นเดียว ติดถนนแบบชนบท บ้านป้าเราเปิดร้านขายของชำและร้านเสริมสวย มีลูกค้าบ้างนิดหน่อย หลังบ้านเป็นสวนต้นกล้วย เลี้ยงไก่ ข้างบ้านเป็นศาลพระภูมิ ปกติเราเป็นคนขี้กลัวและร้องไห้บ่อยอยู่แล้ว
ตกกลางคืน ญาติเราเขาทำหมูกระทะกินกันเอง ซื้อหมูซื้อไก่มาทำกินกัน ญาติเราเห็นว่ามืดแล้ว ก็เลยเล่าเรื่องผีไปกินไป ไอ้เราก็ขี้กลัวก็นั่งฟังเงียบ ๆ อย่างเดียว ทีนี้พอเที่ยงคืนเคาท์ดาวน์เสร็จ ทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน
พวกแม่และผู้ใหญ่เขาขอไปต่อกันที่อื่น ให้พวกเด็ก ๆ นอนกัน เราเลยมานอนรวมกับญาติตรงห้องนั่งเล่นหน้าทีวี โดยจะมีหน้าต่างกระจกแบบหมุนเป็นช่อง ๆ ซึ่งตรงนั้นหมุนเปิดเพื่อรับลมเข้ามา พอมองไปก็จะเห็นป่าข้าง ๆ บ้าน และจะมีห้องน้ำที่ต้องเปิดประตูเข้าไปที่ครัวหลังบ้านก่อน ตรงนั้นจะเป็นหน้าต่างไม้ มองไปก็จะเห็นดงกล้วยพอดี
พอญาติคนอื่น ๆ นอนกันหมด เราเป็นคนที่หลับยาก ใช้เวลานานกว่าจะหลับก็เลยนอนเล่นรอแม่กลับ พอตีสองเราได้ยินเสียงหมาหอน หอนแบบโหยหวน และมีเสียงคนเรียกตรงประตูหน้าบ้าน
เปิดประตูให้หน่อย
น้ำเสียงเหมือนคนแก่ ๆ ฟังแล้วก็ขนลุก ประตูบ้านจะเป็นสังกะสีเลื่อนปิดจากด้านบน แล้วคล้องกุญแจล็อก เราคิดว่าเป็นแม่กับป้า ๆ เลยหยิบกุญแจจะไปไขเปิด พอเราแง้มเปิดขึ้นมานิดนึง เราก็ก้มมองแต่กลับไม่เห็นใครสักคน เราเลยคิดว่า เอาแล้วใครมาแกล้งกูวะ! ก็เลยเลื่อนปิดประตูลงล็อกกุญแจเหมือนเดิม พอเราเดินห่างออกจากประตูมาได้ไม่กี่ก้าว เราได้ยินเสียงทักอีกว่า
ทำไมรีบปิดประตูล่ะ ขอเข้าไปหน่อย
ทีนี้รู้เลยว่าไม่ใช่แม่กับป้า เป็นใครก็ไม่รู้ เราเลยรีบวิ่งกลับไปตรงที่นอนแล้วคลุมโปง ดีที่มีน้องสาวกับพี่สาวนอนข้าง ๆ
จู่ ๆ บรรยากาศภายในบ้านก็เย็นขึ้นมาทันที ไม่ได้เย็นจากพัดลม ลมข้างนอกก็พัดปกติ เย็นแบบเย็นยะเยือกแบบบอกไม่ถูกเลย แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังเหงื่อแตกพลั่กด้วยความกลัว
เวลาผ่านไปชั่วอึดใจ เราเปิดผ้าห่มออกเพราะร้อนหายใจไม่ออก เราเห็นแสงแว้บ ๆ ลอยผ่านหน้าต่างไป เป็นแสงสีแดง สักพักก็ลอยกลับมา คราวนี้เห็นเป็นหน้าคนเลยค่ะ ผมดำ ๆ เทา ๆ ยาวรุงรัง ตาจ้องเขม็งมาทางเรา สายตาน่ากลัวมาก และมีแสงไฟสีแดงวูบวาบ จากนั้นก็มีเสียงพูดมาจากทางนั้นว่า
ทำไมไม่ให้กูเข้าไป!
เรากลัวมาก ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นอนร้องไห้ ทั้ง ๆ ที่เสียงพูดดังขนาดนั้น แต่กลับไม่มีใครตื่นเลยสักคน นอนคลุมโปงลูกเดียว เขายังไม่หยุดจ้องเรา แถมพูดขึ้นมาอีกว่า
เปิดประตูให้กู ให้กูเข้าไป ถ้ากูเข้าไปได้กูจะกินไส้มึง!
พูดจบ สิ่งนั้นก็ลอยไป-มาตรงหน้าต่างอยู่นานมาก จนเวลาตีสี่กว่า ๆ แม่เราขับรถกลับมากับพวกป้า ๆ ผีตนนั้นก็ไม่อยู่ตรงหน้าต่างเสียแล้ว หายไปไหนก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ คือเรารู้สึกโล่งใจมาก แม่กลับมาสักที
พอประมาณช่วงบ่าย ๆ แม่ก็ขับรถพาเรากลับกรุงเทพฯ ตอนขับรถออกจากบ้านป้า เรานั่งริมเบาะหลัง เราหันไปเห็นยายแก่ ๆ ใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ เปื้อนคราบสีน้ำตาล ๆ ผมสีดำ ๆ เทา ๆ ยาวรุงรัง กำลังเดินอยู่ริมถนนค่ะ เขามองจ้องมาที่รถของเราด้วย
เรามีอีกหลายเรื่องที่อยากมาเล่าให้ฟัง ถ้าว่างจะมาเล่าอีกนะคะ ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่านกัน เรื่องแบบนี้แล้วแต่ความเชื่อนะคะ ขอบคุณค่ะ
ขอขอบคุณที่มา: กระสือยายเกอ และ ประสบการณ์เจอผีกระสือ

กดแชร์บทความ